รักร้อนซ่อนคืนลวง 2 บาร์คนโสด
ประตูลิฟต์เปิดออกยังชั้นสิบสองเอ ตามทางเดินปูหินสีเทาดูเคร่งขรึม สุดทางมีประตูกระจกสีชาบานใหญ่ วัลย์วลีที่น้ำในตายังเอ่อ ผลักประตูเข้าไปโดยแรง
ข้างในมีไฟสลัว พอมองเห็นหน้ากันได้ ที่สว่างสุดคือไฟดาวน์ไลต์ตรงสตูลหน้าบาร์ หญิงสาวตะกายขึ้นสตูล มันสูงและไม่สบายเอาเสียเลย ดูสิวันนี้เธอโชคร้ายขนาดเก้าอี้ยังไม่เป็นใจ
บาร์เทนเดอร์หนุ่มเชิ้ตขาวเสื้อกั๊กดำที่กำลังใช้ผ้าเช็ดแก้วทรงสูงยิ้มให้ เขาทำหน้าที่อันบาร์เทนเดอร์ที่ดีพึงกระทำคือฟังลูกค้ามากกว่าพูด
“ขอเหล้าที่แรงที่สุด”
วัลย์วลีทำในสิ่งที่ผิดปรกติ เธอเคยดื่มเหล้าบ้าง ปรกติวัลย์วลีจะดื่มสปาร์กิ้งไวน์รสหวาน หรือเบียร์รสอ่อนบ้างในยามมีงานเลี้ยง เธอทำเพื่อเข้าสังคม นี่เป็นครั้งแรกที่วัลย์วลีสั่งด้วยตัวเอง
บาร์เทนเดอร์เลิกคิ้วแล้วเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือ ยังเพิ่งห้าโมงเย็น ลูกค้ารายแรกจะเล่นของหนักเสียแล้วหรือ พินิจดูสาวตรงหน้า สภาพตาบวม แก้มมีรอยน้ำตาเป็นทางยาว เธอคงจะเจอเรื่องหนักๆ มา ดูเหมือนเจ้าตัวจะอยากใช้เหล้าเป็นเครื่องปลอบใจ
“งั้นลองแก้วนี้ก่อนครับ”
เขาเริ่มจากของง่าย ๆ พื้น ๆ
"โมจิโต้ครับ"
เธอขมวดคิ้ว เพราะดูยังไงก็เป็นเครื่องดื่มอัดลมสีใส เพียงทรงเครื่องมะนาวฝานบนขอบแก้ว
"หน้าตาธรรมดาแต่ดีกรีแรงใช้ได้นะครับ"
วัลย์วลีเอานิ้วเขี่ย ๆ น้ำแข็งในแก้ว ก่อนจะคิดได้ว่าจะมากลัวอะไร ตั้งใจมาดื่มให้เมาอยู่แล้วไม่ใช่หรือ... นี่แหละที่ต้องการ เธอกระดกไปครึ่งแก้ว
รสชาติเปรี้ยวหวานทำให้ดื่มง่าย กลิ่นใบสะระแหน่ให้ความสดชื่น มีความหนักของเหล้าใส ที่เธอกลืนลงคอแล้วร้อนวูบวาบ
“วันนี้หนักหน่อยนะครับ”
บาร์เทนเดอร์ยกมุมปากขึ้นส่งยิ้มอบอุ่น วัลย์วลีพ่นลมหายใจแรง
“อยากฟังนิยายน้ำเน่าสักเรื่องไหมคะ”
อาจเพราะอำนาจสุรา ทำให้ปากเปิดโดยง่าย เรื่องต่าง ๆ จึงพร้อมจะพรั่งพรู
“ไม่มีอะไรจะเป็นกับแกล้มเหล้าได้ดีเท่าบทสนทนาหรอก เชิญครับ”
“ฉันเป็นผู้หญิงโชคร้าย แล้วก็โง่ที่สุด”
น้ำในตาที่คิดว่าหยุดไหลไปแล้วเอ่ออีกครั้ง
“ฉันโดนหลอก...”
ชยธรยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา หนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว เขากำลังจะไปตามที่นัดไว้สาย งานล่าช้าก็ที่คิด แต่ก็ประสบความสำเร็จดี
เวลามีนัดยามค่ำคืนเขามักจะทิ้งรถไว้ที่คอนโดมิเนียม แล้วสมัครใจขึ้นแท็กซี่ ชายหนุ่มยึดหลักเมาไม่ขับ แต่วันนี้รีบเลยจอดรถไว้ที่ทำงานนั่นแหละ
และก็เพราะรีบอีกเช่นกัน เขาจึงอยู่ในสภาพเสื้อเชิ้ตฟ้าอ่อนแบบพนักงานออฟฟิศ กางเกงสแล็ก รองเท้าหนังขัดมันหัวปลาบ
สิ่งที่พอจะบ่งบอกเวลาสบาย ๆ ของเขาได้ก็คือการพับแขนเสื้อมาจนถึงข้อศอก กระดุมที่ปลดจึงเห็นแผงอกรำไร และผมที่ไม่ได้เรียบแปล้ เพียงใช้มือเสย ๆ ให้อยู่ทรง
“จอดตรงนี้ก็ได้ครับ”
เขาบอกโชเฟอร์เมื่อเห็นว่าการจราจรท่าจะติดหนัก ลงมาแล้วก็มองหาสถานีรถไฟฟ้า ขึ้นไปลงสถานีใกล้ที่นัดหมายที่สุด ดูวันนี้จะไม่ใช่ฤกษ์ดีสำหรับการเที่ยวสักเท่าไร เพราะพอก้าวออกจากรถไฟฟ้า ฝนก็เริ่มโปรย
ชายหนุ่มก้าวขายาว ๆ ไปตามทางเดิน จนถึงตึกเป้าหมาย กดลิฟต์ชั้นสิบสองเอ ไปยังที่ตั้ง “บาร์ซิงเกิ้ลพรีเมียม” ที่ลูกค้าประจำเรียกกันเล่น ๆ ว่า “บาร์คนโสด”
เพราะที่นั่นเหมาะสำหรับการนั่งดื่มเงียบ ๆ การนัดพบลับ ๆ ท่ามกลางแสงสลัว การตกแต่งเน้นโทนมืด ไม่โรแมนติก จึงไม่เหมาะสำหรับคนมีคู่ แต่เหมาะสำหรับคนโสดจะมาจับคู่กันเอง
ชยธรตัดสินใจนั่งที่สตูล ตั้งใจจะอยู่ไม่นาน เดี๋ยวคนที่นัดก็จะมาแล้ว ข้างกันเป็นสาวในชุดแซกลายดอกไม้
“...ฉันไม่เคยรู้ ไม่เคยระแคะระคายเลย เชื่อใจเขามาตลอด”
เสียงคนนั่งข้างเขาอ้อแอ้ ฟังเรื่องคงเป็นการอกหักแล้วเธอมาดื่มย้อมใจ ทั้ง ๆ ที่คนเราก็รู้...เหล้าไม่ได้ช่วยให้ลืม แต่ทำให้หลับผ่านพ้นคืนนี้ไปได้เท่านั้น
เขาสั่งวิสกี้น้ำแข็งหนึ่งก้อน ไม่อยากให้เมาก่อนเวลานัด
“ทำไมเขาทำกับฉันได้ เขาดูซื่อ ๆ ไม่มีพิษมีภัย เราคบกันมาตั้งนาน ไหงมานอกใจฉันเอาตอนนี้” เธอยังคร่ำครวญต่อ
“แค่ฉันไม่ยอมมีอะไรด้วยก่อนแต่งงาน เขาถึงกับไปมีอะไรกับคนอื่นเลยเรอะ ผู้ชายนี่มันห้ามจู๋ไม่ได้หรือไง”
ชยธรถึงกับสำลักวิสกี้ สบตากับบาร์เทนเดอร์ที่คุ้นกันดี หมอนั่นยิ้มให้แหยๆ
“ผู้ชายอยากได้เมียบริสุทธิ์ผุดผ่อง แต่ตัวเองไปเอากับใครก็ไม่รู้ ไม่ยุติธรรม”
เธอร่ายประเด็นย้อนแย้งของสังคมปัจจุบัน ชยธรไม่ถือสำหรับเรื่องเหล่านี้ ขอให้เธอคนนั้นมีเหตุผลในการมีเซ็กซ์กับผู้ชาย ไม่ใช่มีทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ ไปเรื่อย เหมือนใช้ทิชชู
“แล้วฉันจะทำยังไงดี”
ผู้หญิงข้าง ๆ มองเขา ตาบวมช้ำ หน้าแดงเพราะฤทธิ์สุรา ผมยาวรุ่ยร่ายเคลียแก้ม ดูจากการแต่งตัวหวาน ๆ แล้ว เธอไม่น่าใช่สาวนักเที่ยวราตรี ระฆังช่วยชีวิตเขามาในรูปแบบของเสียงโทรศัพท์มือถือ
“ขอโทษค่ะพี่ วันนี้หนูไปไม่ได้จริง ๆ ติดไฟแดงค่ะ หนูจะโทรบอกเฮียให้หาคนไปเปลี่ยนนะคะ”
คู่นัดเล่าความจำเป็นในการไม่มาปรากฏตัวคืนนี้ให้ฟัง
“งั้นก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องหรอก”
ชยธรบอกพลางมองสายฝนที่กระทบกระจกร้าน มันตกแรงสาดสายกระเซ็นเหมือนลูกคริสทัลกลมล้อไฟยามค่ำ ไม่อยากให้ใครต้องลำบากลำบนฝ่าฝนมาหาเขาอีก
“คุณก็ถูกทิ้งเหรอ”
เขามัวแต่คุยโทรศัพท์จนเกือบลืมสาวอีกคน
“เขาแค่ติดธุระ”
ชายหนุ่มจิบเครื่องดื่มรสแรงลงคอ
“ไม่มาคือไม่มา ก็หมายถึงถูกทิ้งนั่นแหละ”
คำพูดไม่รื่นหู แต่เขาไม่โกรธ ไม่ถือคนเมา เธอสั่งค็อกเทลอีกแก้ว บาร์เทนเดอร์ปรามเตือนว่าเธอดื่มมาสามแก้วและเมามากแล้ว
“ฉันมีเงิน เอาเหล้ามา”
เธอหยิบกระเป๋าถือมาเปิด ควานมือเข้าไป แล้วชูกระเป๋าสตางค์รูปดอกไม้สีน้ำเงิน มันเป็นเหยื่อล่อชั้นดีให้หมาป่าที่ออกมาล่าคนโสดเริ่มหันมาให้ความสนใจเธอ
“คุณใหญ่ ช่วยหน่อยครับ”
บาร์เทนเดอร์ขอ ขณะเธอฟุบลงที่เคาน์เตอร์
“ฉันไม่ใช่พ่อพระนะ เขาดื่มเองก็ต้องรับผิดชอบตัวเองสิ”
เรื่องอะไรชยธรจะต้องมาสนใจผู้หญิงแปลกหน้า แค่ถูกเบี้ยวนัดก็ทำเซ็งในอารมณ์อยู่แล้ว
“ถ้าไม่อย่างนั้นเธอโดนหิ้วแน่”
หนุ่มสำอางสวมสูทกับเสื้อเชิ้ตลายไม่ติดกระดุม กำลังตรงมายังเคาน์เตอร์
“เป็นอะไร ร้อยวันพันปี นายไม่เห็นจะสนใจเลยว่าใครจะทำอะไร” ชยธรหัวเราะหึในลำคอ
“วันนี้เธอเป็นลูกค้าคนแรกที่มา เธออกหัก โดนแฟนนอกใจในวันเกิด แค่นี้ก็โชคร้ายพอแล้ว ผมไม่อยากให้เธอโดนหิ้ว”
สายตาคนที่กำลังตรงเข้ามามันเป็นสายตาหมาป่ามองเหยื่ออันโอชะชัดๆ
“ผมขอละนะ จะเลี้ยงเหล้าแก้วนี้เลย”
“โอเค”
ในเมื่อคืนนี้พบเรื่องผิดหวัง การได้รับลาภลอยนิด ๆ หน่อย ๆ ก็เป็นเรื่องไม่เลวนัก เขาจึงคว้ากระเป๋าสตางค์เธอเปิดดู
“ตื่นเร็ว ๆ วัลย์วลี”
เธอชื่อนี้ จากการเห็นบัตรประชาชน
“อย่าเรียกชื่อเต็มฉันไม่ชอบ เหมือนโดนอาจารย์เรียก ฉันชื่อเล่นหมาก มอ...อา...กอ...หมากอ่ะ เข้าใจไหม”
วัลย์วลีแว้ด เงยหน้าตาฉ่ำปรือ
“โอเคหมาก ตื่นก่อนอย่าเพิ่งหลับ”
ชยธรใช้สองมือประคองหน้าเล็กไว้ แล้วส่งสายตาดุไปยังเจ้าคนที่กำลังจะเข้ามา ทำเอามันเก้อ ต้องเดินกลับไปที่โต๊ะ เพราะมัวแต่สนใจอีกคน จึงไม่ได้ระวัง ริมฝีปากอุ่นนิ่มจึงมาประกบริมฝีปากเขา
“เฮ้ย!”
บาร์เทนเดอร์ร้องเสียงหลง ด้วยลูกค้ากำลังจูบกันกลางร้าน
