บทที่ 6
“แกมีพื้นที่เหลือกินเค้กอีกเหรอ”
“อื้อ…บอกแล้วเมนส์จะมา” ฉันยิ้มแห้งๆ ให้ อ้างเรื่องรอบเดือนให้ดูน่าเชื่อถือ นั่นเพราะอยากกินเค้กส้มของที่ร้านจริงๆ ไปกินที่อื่น รสชาติมันก็ไม่เหมือนที่นี่
“เมนส์จะมาหรือแกไม่ได้ถ่ายพยาธิ นี่กินยังกับพายุ”
“นิดเดียวเอง เค้กก็ชิ้นออกจะน้อยนิด คำสองคำก็หมดแล้ว นี่ยังอยากกินชานมไข่มุกอีกสักแก้ว”
“พอๆ ตัวฉันจะแตกแล้วเนี่ย ไม่อยากจะคิดว่าเย็นนี้ต้องกลับไปชดใช้กรรมกี่ชั่วโมง เฮ้อ...” ฉันยักคิ้วให้ปรางทิพย์ นั่นเพราะรู้ว่าเย็นนี้เพื่อนต้องเบิร์นไขมันที่กินเข้าไปอย่างหนักแน่นอน ผิดกับฉันที่จะกลับไปนอนตีพุง...กร๊ากก
ฉันปิดท้ายมื้อนี้ของวันด้วยชานมไข่มุกเจ้าดังอีกแก้ว ส่วน ปรางทิพย์นั้นส่ายหน้าปฏิเสธตั้งแต่ที่ฉันชวนแล้ว จากนั้นเราสองคนก็แยกย้ายกลับบ้าน
ก่อนกลับฉันยังแวะซื้อกับข้าวติดไม้ติดมือไปฝากสามีสุดหล่อ ที่เข้าใจภรรยาอย่างฉันไม่แพ้สามีของปรางทิพย์ เพราะเปรมเองก็ให้อิสระฉัน ให้ฉันได้ไปทำอะไรที่อยากทำ ไม่ได้ตามติดฉันทุกฝีก้าว เราอยู่กันด้วยความเข้าใจ ซึ่งฉันก็ปฏิบัติเช่นนี้กับเปรมด้วยเช่นกัน
“ที่รัก...เค้ากลับมาแล้วนะ”
“ครับ” เสียงที่ขานรับดังแว่วมาจากสระว่ายน้ำ ฉันวางกับข้าวที่ซื้อมาบนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปหาเจ้าของเสียง พอถึงก็เห็นเขากำลังว่ายน้ำอย่างสนุก
ฉันยืนกอดอกมองสามีที่ดำผุดดำว่ายด้วยท่วงท่าคล่องแคล่ว สวยงามราวกับนักกีฬาว่ายน้ำมืออาชีพ กระทั่งเห็นเปรมค่อยๆ พาตัวเองขึ้นจากน้ำแล้วเดินตรงมาหาฉัน
และนั่นก็ทำเอาฉันกำเดาแทบจะพุ่ง แม้ว่าจะเคยเห็น เคยสัมผัสร่างกายของเขามาแล้วทุกส่วน แต่พอได้มอง ฉันก็อดคิดอะไรหื่นๆ ไม่ได้เลย
“มองอะไร”
“มองซิกแพคคนแถวนี้”
“ที่รักคิดอะไรอยู่ บอกมานะ” เปรมใช้นิ้วจิ้มหน้าผากฉันเบาๆ
“เราบินไปปารีสพรุ่งนี้เลยได้ไหมอ่ะ เค้าไม่ไหวแล้ว” คำพูดของฉันทำเอาสามีหัวเราะก๊ากออกมา ก็ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ นี่นา อยากจะลาก อยากจะปล้ำเขาตอนนี้เลย
“ไม่ได้ครับ รออีกหนึ่งอาทิตย์ ไม่งั้นสามอาทิตย์ที่ผ่านมา มันจะเท่ากับศูนย์เลยนะ”
“ไม่ต้องเอาคำพูดเค้ามาพูดเลย”
“หรือไม่จริง อดทนอีกแค่ไม่กี่วันเอง” ฉันหน้างอเล็กน้อย หนึ่งเดือนมันพูดง่าย แต่พอทำจริงๆ ทำไมมันถึงนานยังกับหนึ่งปีก็ไม่รู้ ลูกจ๋า…อย่าให้แม่กับพ่ออดทนรอเก้อนะ มาเกิดได้แล้วลู๊ก!
“ทนก็ทน อ๋อย…จะลงแดงตายไหมเนี่ย”
“งั้นไปง่ายน้ำกัน จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ วันนี้เค้ากินมาเยอะมาก ขอว่ายน้ำรีดไขมันหน่อย งั้นเค้าขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ”
“จ้ะ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ฉันเดินขึ้นไปเปลี่ยนชุดที่ห้องนอน หยิบชุดว่ายน้ำวันพีชเว้าหลังออกมาจากตู้ พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินตรงดิ่งมายังสระว่ายน้ำ
ทันทีที่เห็นฉัน เปรมถึงกับนั่งนิ่ง ไม่พูดอะไรสักคำ นั่นทำเอาฉันใจคอไม่ดี รีบก้มมองดูพุง ก็ไม่ได้ย้วยไขมันนี่นา ก้นก็ฟิตอยู่ ขาก็ไม่ได้ใหญ่ หน้าอกก็เท่าเดิม
“ที่รัก มองอะไรคะ”
“เพิ่งเห็นที่รักใส่ชุดว่ายน้ำชุดนี้ เซ็กซี่ดีจัง”
“เว้าหลังด้วยนะ” ฉันหันหลังให้เปรมดู ก่อนจะหมุนกลับมามองเขา ที่ตอนนี้เดินมายืนประชิดฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เราบินไปปารีสคืนนี้เลยไหม” คำชวนที่ได้ยินทำเอาฉันหน้าแดง ก่อนจะมองค้อนๆ ไปๆ มาๆ ใครกันแน่ที่หื่น
“บ้า! ลามก มาหื่นอะไรตอนนี้” อยู่ๆ ฉันก็เขินคำพูดของสามีตัวเอง นั่นทำให้ฉันรัวหมัดใส่หน้าอกแน่นๆ ของเปรมไปหลายครั้ง ฉันเขินจริงๆ นะ เขินจนหน้าแดง ตัวแดงไปหมดแล้ว
“เอ้า! ก็ผมมีเมียสวย เซ็กซี่ ขี้เล่นแบบนี้ จะไม่ให้หื่นได้ยังไง”
“บ้า! ไปเล่นน้ำกัน” ฉันตัดบท แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินไปไหน เปรมก็คว้าตัวฉันไว้แล้วเสยใบหน้าขึ้น จากนั้นก็บดขยี้จูบลงมาหนักๆ
จูบที่เต็มไปด้วยความร้อนแรง เรียกร้องทำเอาใจฉันเต้นแรงไม่น้อย เปรมถ่ายทอดความต้องการอันท่วมท้นผ่านการจูบ ฉันสัมผัสมันได้จึงจูบเขากลับไปอย่างเร่าร้อน เราห้ามเรื่องมีเซ็กซ์แต่ไม่ได้ห้ามเรื่องกอด เรื่องจูบนี่นา แต่ยิ่งกอด ยิ่งจูบ ฉันก็ยิ่งอยากลากเขาขึ้นเตียง
ตูม!
เสียงน้ำดังขึ้นตูมใหญ่ นั่นเพราะฉันจงใจพาตัวเองและสามีสุดร้อนแรงลงน้ำเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านของเรา ซึ่งก็ได้ผล เพราะเปรมถอนจูบออกและเราก็ว่ายน้ำด้วยกัน ไม่ได้จดจ่อเรื่องเซ็กซ์เหมือนเมื่อครู่ ไม่งั้นตบะอาจได้แตกแน่นอน ล้านเปอร์เซ็นต์
“ที่รัก ลงมาทำอะไรดึกๆ ในครัว” ผมรีบถามขึ้น นั่นเพราะสะดุ้งตื่นมากลางดึกแล้วไม่มีเหมือนฝันนอนอยู่ข้างๆ
ผมรีบลุกจากเตียง เดินไปหาเธอในห้องน้ำก็ไม่พบ ผมกระวนกระวายใจมาก จึงตัดสินใจลงมาหาที่ชั้นล่าง กระทั่งได้ยินเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ อยู่ในครัว ทีแรกนึกว่าโจร แต่พอมองดูดีๆ อ้าว! เมียผมเองนี่นา
“เค้าหิว”
“ตีสามเนี่ยเหรอ” ผมอุทานออกมา ก่อนจะเดินมาหาเธอที่ยืนอยู่หน้าตู้เย็นด้วยท่าทางเคร่งเครียด ซึ่งผมพอจะเดาได้ว่าเธอเครียดอะไร
“อื้อ…อยู่ๆ ก็หิว ทั้งๆ ที่มื้อเย็นก็กินกับยัยปรางไปตั้งเยอะ สงสัยต้องไปถ่ายพยาธิจริงๆ แล้วมั้ง”
“แล้วนี่กินอะไรหรือยัง”
“ยังเลือกไม่ได้เลย ที่รักว่าเค้ากินเค้กหรือสลัดผลไม้ดี” เธอหันมามองผมอย่างขอความคิดเห็น
“กินทั้งสองก็ได้”
“ที่รักนี่น่ารักที่สุด รู้ใจเค้าไปเสียทุกอย่าง” รอยยิ้มกว้างๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าของเธอ นั่นพลอยทำให้ผมมีความสุขตามไปด้วย
“ไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวผมเอาไปให้”
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยรับพร้อมกับเขย่งปลายเท้าขึ้นมาหอมแก้มผม จากนั้นก็เดินไปนั่งรอที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าว ผมจัดการนำเค้กกับสลัดผลไม้ออกมาใส่จานแล้วถือไปวางให้เธอ พร้อมกับนั่งเป็นเพื่อน
“กินไหมคะ”
“ไม่ครับ”
“กินเค้กตอนนี้มีความสุขจังเลย ที่รักยิ้มอะไร” เธอเอ่ยถามผม นั่นเพราะผมนั่งยิ้มมองเธอกินเค้กคำ สลัดผลไม้คำ สีหน้าดูเอร็ดอร่อยจนผมชักจะหิวตาม
