พ่อเลี้ยงบำเรอกาม /23
งานนี้ยังไงเทวาก็ผิด!!!
“ช่วยดาวด้วย ดาวหนาวเหลือเกิน”
ปรมัยก้มลงมองคนหนาว ไม่เห็นเธอสั่นแต่ก็กอดเธอแน่นขึ้นกว่าเดิม
“ปล่อย...ปล่อย” เธอสะบัดตัวออกห่าง
“ไหนว่าหนาว”
“ไม่ได้หนาวตรงนี้” เธอชี้อกตัวเอง “แต่หนาวตรงนี้” เธอก้มลงมองและชี้ไปที่เนินหลังเต่าอวบอิ่ม
ปรมัยอ้าปากค้าง สงสัยแสงดาวจะได้ยาดีเข้าไป นี่ถ้าเป็นคนเงียบๆ ก็คงดี แต่พอเป็นแสงดาวแล้วเลเวลความร้อนต้องพุ่งถึงขีดสุด
เมื่อเขายังตื่นตะลึง เธอก็กระโดดเข้าใส่จนล้มไปด้วยกัน ปรมัยหยุดความคิดทั้งหมดทั้งมวลด้วยการพลิกร่างบางให้นอนลง แล้วเป็นฝ่ายขึ้นทับเสียเอง
ชายหนุ่มจับจ้องไปทั่วดวงหน้าเหมือนจะจดจำเธอให้ลึกสุดใจ
“เร็วๆ สิ ดาวไม่ไหวแล้ว”
ปรมัยถอนใจก่อนจะฟัดแก้ม ฟัดซอกคอ แล้วกลืนกินริมฝีปากแสนหวาน เขาแน่ใจ ณ วินาทีนี้ว่าเธอคือคนที่เขาจะต้องดูแลไปตลอดชีวิต หากปล่อยเธอคาดสายตาเพียงนาทีเดียวอาจจะเกิดเรื่องร้ายๆ ขึ้นก็ได้
เหนือความกลัวนั้นคือเยื่อบางๆ ที่ก่อนตัวขึ้นจนหนา ตั้งแต่เธอยังใช้เด็กหญิงและกลายเป็นนางสาวด้วยวัยเพียง 18 ปี อ่อนกว่าเขาถึง 19 ปี แต่ช่องว่างนั้นแทบจะไม่มีนอกจากความเป็นพ่อเลี้ยงกับลูกเลี้ยง
มันอาจจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นในบ้านเมืองไทย แต่เรื่องหัวใจต่อให้มีกำแพงสูงใหญ่เท่ากำแพงเมืองจีนก็ยากที่จะขวางกั้น การแสดงออกที่แม้จะน่ารังเกียจเดียดฉันท์ แต่คนทั้งคู่ก็ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ทั้งคู่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ต่างคนต่างไม่มีพันธนาการในเบื้องหลัง มีอิสระที่จะคิดจะทำเพียงแต่อาจต้องรอให้ถึงเวลาอันเหมาะสม
ปรมัยสลัดเสื้อผ้าของตนออก แล้วสวมสอดท่อนเนื้อเข้าสู่ร่างสาว แสงดาวของเขาตอนนี้เร่าร้อนที่สุด เธอฝากรอยแผลไว้บนร่างเขาหลายแห่ง เรียกเลือดซิบๆ เลยทีเดียว
“ใจเย็นๆ ทูนหัว”
บางครั้งก็ต้องปรามๆ กันบ้าง เพราะสาวเจ้าร้อนฉ่าขนาดนี้ ชักช้าไม่ทันใจ เธอก็ดีดดิ้นทุรนทุรายเหมือนคนติดยา
“ดาวรักพี่ปิงนะ”
แต่จู่ๆ เธอก็บอกรักเขาด้วยสติที่ยังเหลือเพียงน้อยนิด
“รู้”
“ดาวรักพี่ปิง อย่าทิ้งดาวไปนะ”
แต่บางทีฤทธิ์ของยาคงหมดลงเรื่อยๆ
“ไม่คิดจะทิ้งสักที”
“ดาวร้อนจังเลย อ๊า...กระแทกลงมาแรงๆ สิคะ”
แต่สุดท้ายก็ยังไม่รู้ว่าอะไรพูดเล่น หรือพูดจริง เพราะฤทธิ์ยาคงไม่หมดง่ายๆ
ร่างกายของเธอแดงเป็นจ้ำๆ เพราะเธอเร่งเร้าให้เขาทำแรงๆ ปรมัยก็โหมกำลังเต็มที่ ตั้งแต่บ่ายถึงเย็น 3 รอบ มาตอนนี้อีกยังไม่รู้จะกี่ครั้ง แต่เขาแข็งแรง
อยากมีเมียเด็กต้องหมั่นตรวจเช็คร่างกาย...
สงสัยกลับไปนี่ต้องออกกำลังกายให้หนักกว่าเดิมจะได้ฟิตปั๋ง
ผ่านคืนนั้นไป แสงดาวก็จะเอาเงินไปคืนเจ๊ปาน แต่เธอบอกความจริงเรื่องนี้กับปรมัยก่อนไป
“ไม่ต้องไป” เขาปฏิเสธทันทีทันใด
“ทำไมล่ะคะ ดาวก็ไม่ได้ทำแล้ว ต้องเอาเงินไปคืนเขาค่ะ”
“บอกว่าไม่ต้องไปไง” เขาเสียงแข็ง
“เอ๊ะ! พี่ปิงควรจะมีเหตุผลให้มากกว่านี้นะคะ ดาวไม่ได้ไปขายตัว”
ปรมัยถอนใจเฮือก
“ฉันเอาไปคืนให้แล้ว”
“อ้าว...แล้วทำไมไม่บอกดาว”
“แล้วทำไมต้องบอก แค่เธออยู่เฉยๆ ก็พอแล้ว”
“พี่ปิงน่ะเห็นดาวเป็นตุ๊กตาไขลานหรือไง พอพี่ปิงอยู่บ้านก็ไขลานดาว พอลานหมดดาวก็ออกไปไหนไม่ได้ถ้าพี่ปิงไม่ไข”
“ก็อยากให้เป็นแบบนั้น”
“โอ๊ย พอจะให้เป็นผัว ก็กลายมาเป็นพ่อ” แสงดาวโวยวาย เขาทำอะไรไม่เคยบอกเธอเลยสักเรื่อง แม้แต่เรื่องสัญญาเงินกู้
วันก่อนเธอนั่งรอเขากลับและเห็นซองเอกสารก็ถามดู พอรู้ว่าเป็นสัญญาเงินกู้ก็ตกอกตกใจ อยากรู้ว่าเอาไปทำอะไร ที่ไหน อย่างไร แล้วเจ้าหนี้ยอมหรือเปล่า กว่าจะได้คำตอบก็ปาเข้าไปอีกวัน
ปรมัยแอบไปไถ่ถอนบ้านหลังนี้ออกมาเสร็จสรรพโดยไม่บอกเธอ แสงดาวก็นึกน้อยใจอยู่บ้านเดียวกันแต่ทำเหินห่าง มีแค่ตอนร่วมรักกันเท่านั้นที่เขาเอาใจใส่เธอทุกท่วงท่าลีลา ความน้อยเนื้อต่ำใจนี้ดูเหมือนจะยิ่งพวกพูนขึ้นทุกวันๆ
“ฉันไม่เคยบังคับเธอเลยนะ” ปรมัยก็ฉุนเหมือนกัน
เขาทำทุกอย่างก็เพื่อเธอ แต่หญิงสาวกลับเจ้าอารมณ์เอาแต่ใจไม่เลิก
“ใช่สิ ดาวเป็นคนบังคับพี่ปิงเอง แต่บังคับยังไงพี่ปิงก็ไม่เคยรักดาว”
แสงดาววิ่งหนีขึ้นห้อง ปรมัยถอนใจยกมือลูบหน้า หรือนี่จะเป็นช่องว่างระหว่างวัย
วันต่อมาปรมัยไปเคาะประตูห้องนอนของแสงดาวเพราะเธอล็อกห้องนอน
“แสงดาวเปิดประตูเดี๋ยวนี้”
เธอก็เล่นสงครามเย็นกับเขา ไม่มีการตอบรับใดๆ ทั้งสิ้น
“แสงดาวอย่าทำตัวเป็นเด็ก โตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว”
“...” เงียบฉี่
“โอเค! ไม่เปิดก็ไม่เปิด ในเมื่อยังเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ ก็คงอยู่ด้วยกันยาก” แล้วเขาก็เป็นฝ่ายถอยห่างโดยไม่รู้ว่าแสงดาวนอนร้องไห้เงียบๆ บนเตียง
เธอเล่นสงครามประสาทกับเขาอยู่หลายวันจนครบสัปดาห์ ในวันที่ฝนตกอาบพื้นดินที่แห้งผาก ปรมัยก็กลับมาบ้านเจอเธออยู่ในห้องโถง ท่าทีของเธอทำให้เขาต้องเดินเลี่ยงไม่พร้อมจะทะเลาะในตอนนี้
