พ่อเลี้ยงบำเรอกาม /10
สุดารัตน์หันขวับมองบุตรสาวด้วยสายตาโกรธเคืองในแบบที่แสงดาวไม่เคยเห็น แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“เพียะ!!!” สุดารัตน์ตวัดฝ่ามือตบหน้าแสงดาวฉาดใหญ่
“แม่!!” แสงดาวหน้าหันน้ำตาร่วงผล็อยในทันที แต่ความเจ็บปวดนั้นก็ยังไม่เท่า พอเงยหน้าขึ้นมองแล้วเห็นน้ำตาแม่ไหลอาบแก้ม
“แกคิดว่าฉันเป็นแม่ที่ทั้งโง่และงี่เง่ามาตลอดเลยใช่มั้ย แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าใจแกคิดอะไร”
“แม่...” สาวน้อยถึงกับครางอ่อย
“สิ่งที่แกทำมันจะส่งผลต่อตัวแกเอง ทำไมปล่อยให้ความร่านเข้าครอบงำจนยั้งใจไม่อยู่ เขาเป็นผัวฉัน เป็นผัว เป็นพ่อเลี้ยงแก แล้วนี่อะไร ได้ทั้งแม่ได้ทั้งลูก แล้วต่อไปจะเรียก จะนับถือกันเป็นอะไรฮึ”
มุมปากของแสงดาวแตกจนเลือดไหลซิบ สุดารัตน์เองพอเห็นเข้าก็ตกใจมือไม้สั่น อาการป่วยที่อดทนมาหลายชั่วโมงก็แสดงอาการออกมาตอนนี้ สุดารัตน์อ่อนเปลี้ยเพลียแรงจนต้องทิ้งตัวพิงประตูรถ ซุกหน้าร้องไห้ด้วยความเสียใจจนบ่าสะท้าน
“แม่...ดาวขอโทษ” ไม่มีอะไรดีไปกว่าการทิ้งตัวกอดรัดร่างแม่ ปล่อยให้น้ำตาซึมเปียกเสื้อแม่ตลอดเวลา “ดาวขอโทษค่ะแม่”
เมื่อคนเป็นแม่ไม่ตอบโต้ใดๆ แสงดาวก็พร่ำรำพันถึงความรู้สึกที่มีต่อพ่อเลี้ยง
“ดาวรู้ว่าแม่โกรธ แม่ไม่ได้รักพี่ปิง พี่ปิงก็ไม่ได้รักแม่ ดาวรู้นะคะว่าแม่ยังรักพ่ออยู่ ดาวผิดมหันต์ที่ไม่หักห้ามใจตัวเอง แต่ดาว...ดาวรักพี่ปิง ดาวก็เลย...”
“แกจะบอกฉันว่า...ความร่านไม่เข้าใครออกใครสินะ”
“ฮือๆ ดาวขอโทษ ดาวรักพี่ปิงมานานแล้ว ตั้งแต่ดาวรู้ว่าแม่ยังรักพ่อไม่เปลี่ยนแปลง ดาวผิดที่ไม่ยับยั้งชั่งใจตัวเอง แต่เมื่อแม่ไม่ได้รักพี่ปิง แล้ว...พี่ปิงก็ไม่ได้รักแม่ ดาว...ดาว...”
“หยุดพูดได้แล้ว!!!” สุดารัตน์หยัดตัวขึ้นแล้วแกะมือแสงดาวออกจากเอว แสงดาวถูกสลัดออก “ถ้าแกไม่ใช่ลูก ฉันจะทำยิ่งกว่านี้”
“ฮือๆๆ แม่...แม่โกรธดาวขนาดนั้นเลยเหรอ”
“แล้วฉันไม่สมควรโกรธแกเลยหรือไง ต่อให้ฉันกับปิงไม่ได้รักกัน แต่ใครๆ ก็รู้ว่าปิงเป็นผัวฉัน เป็นพ่อเลี้ยงของแก!! แกทำไปได้ยังไง แกทำลายชื่อเสียงของฉัน และทำลายตัวแกเองด้วย แกทำลงไปได้ยังไง!!!”
สุดารัตน์กรีดร้องสุดเสียง ก่อนเธอจะหมดเรี่ยวแรงเป็นลมพับไปในที่สุด แสงดาวตกใจแทบสิ้นสติกอดแม่ของตนเอาไว้แล้วสั่งให้คนขับรถพาไปโรงพยาบาลทันที
ปรมัยมองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้ากอดเข่าอยู่กับพื้นหน้าห้องไอซียู เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากสองแม่ลูกกลับไป แต่หลังจากนั้นเพียงครู่ใหญ่ๆ ก็ได้รับโทรศัพท์ตามให้มาโรงพยาบาลแทนที่จะได้กลับบ้าน
เขาไม่คิดถึงอุบัติเหตุ แต่คิดไว้ว่าสุดารัตน์ต้องมีอาการไม่สู้ดีเนื่องจากโรคร้ายที่กำลังเป็นอยู่ พอเห็นแสงดาวที่เอาแต่นั่งก้มหน้ากอดเข่าแน่นแล้วให้นึกสงสาร เขาเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วนั่งยองๆ บนส้นเท้า
“ดาว”
เสียงเรียกทุ้มๆ ที่สามารถโอบอุ้มหัวใจอันเจ็บปวดของเธอได้ ทำให้แสงดาวเงยหน้าขึ้นมองคนเรียกทั้งน้ำตา ภาพของเขาพร่าเลือนเพราะม่านน้ำตาที่กลบไปทั่วหน่วยตาคู่สวย
“พ่อ...แม่อยู่ในนั้น ดาวทำให้แม่เข้าไปอยู่ในนั้น”
“นี่ล่ะ สิ่งที่ฉันกลัว” ปรมัยตอบก่อนจะรั้งเธอมากอด แต่แสงดาวขืนตัวไว้
“แม่เป็นอะไรคะ มันดูร้ายแรงมาก พ่อรู้ใช่มั้ยว่าแม่เป็นอะไร”
แสงดาวรู้แต่ว่าร่างกายแม่ไม่แข็งแรง แม่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้นั่นก็คือ...
“คุณหมอออกมาแล้ว”
แสงดาวลุกขึ้นพรวดถลาไปหาคุณหมอ
“คุณหมอคะ แม่ดาวเป็นอะไร ทำไมแม่ถึงอาการรุนแรงขนาดนี้”
“เอ่อ...” คุณหมอสบตาปรมัยอย่างตัดสินใจ ด้วยรู้ว่าเรื่องนี้คนป่วยไม่ต้องการให้ลูกสาวของเธอทราบ แต่ถึงเวลานี้คงจะปิดบังไม่ได้อีกต่อไป
“พี่ดาเป็นโรคหัวใจ”
“โรคหัวใจ...มีทางรักษานี่คะ เงินเราก็มีมากมายทำไมจะรักษาไม่ได้ คุณหมอช่วยรักษาแม่ด้วยนะคะ” เธอขอร้องคุณหมอ
“ขอโทษนะครับ คนไข้ไม่ต้องการให้รักษา”
“หนูเป็นลูก เป็นญาติที่เซ็นรับรองการผ่าตัดได้นี่คะ หนูจะให้คุณหมอรักษา”
คุณหมอมีสีหน้าหนักใจ ปรมัยวางมือบนบ่าเล็กและลูบไปมา
“พี่ดาไม่ต้องการรักษา นอกจากโรคหัวใจก็ยังมีโรคอื่นมากมาย ต่อให้หัวใจดีพี่ดาก็คิดว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน จึงไม่ขอทำการรักษาโรคหัวใจ”
“ทำไม แม่เกลียดดาวขนาดไม่อยากอยู่ด้วยเลยเหรอคะ”
“คนไข้ต้องการพบคุณแสงดาวครับ หมอขอตัวก่อน”
แสงดาวพยายามเหนี่ยวรั้งคุณหมอแต่ไม่มีประโยชน์ เพราะการรักษาขึ้นอยู่กับกำลังใจของผู้ป่วยเป็นสำคัญ เมื่อผู้ป่วยถอดใจ คุณหมอก็คงหมดปัญญาที่จะรักษา
“ดาวเข้าไปพบคุณแม่เถอะ ท่านอยากคุยกับดาว” ปรมัยบอก
แสงดาวจึงพาร่างสั่นๆสะอื้นเข้าไปในห้องไอซียู ที่นั่นในห้องพิเศษสำหรับผู้ป่วยหนักทางซ้ายมือ แม่ของเธอนอนอยู่ในนั้นแยกออกจากผู้ป่วยคนอื่นๆ เธอเห็นแล้วแทบจะเป็นลม ไม่คิดว่าอาการของมารดาจะหนักหนาสาหัสถึงเพียงนี้
“แม่...แม่เป็นยังไงบ้างคะ”
