๙.๒ จูบนี้พี่ขอมัดจำไว้
“น้องรัก…”
แต่แล้วเสียงบอกรักแสนแหบพร่าก็ถูกกลืนหายลงไปในลำคอ เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเลื่อนเข้ามาใกล้ฉกชิงลมหายใจของพระพายไปเสีย หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำยามริมฝีปากของพี่สัมผัสแผ่วเบาหยั่งเชิง แล้วดวงตาคู่สวยก็หลับพริ้มพร้อมกับเผยอริมฝีปากรับสัมผัสรัญจวนที่ปรารถนาหลังรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
จูบแรกของชีวิตวัยหนุ่มสะพรั่ง พระพายยินดีมอบให้คนที่เป็นเจ้าของหัวใจอย่างไม่อิดออดแทนคำสัญญาว่าจะรักและรอคอยพี่ชายพีคนนี้อย่างซื่อสัตย์
หม่อมราชวงศ์รพี ตุลยาธร ผู้แข็งแกร่งดังหินผา เพราะหน้าที่ที่ต้องสืบทอดและดูแลวังตุลยาธรทำให้เขาแข็งกระด้าง เข้มงวด และเด็ดขาดกับทุกคนในวังไม่เว้นแม้แต่น้องสาวทั้งสอง แต่กลับอ่อนโยนกับเด็กในปกครองอย่างหม่อมหลวงพระพาย ระวิวรรณ จนเขาเองยังแปลกใจตัวเองว่าเป็นได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ คิดถึง โหยหา อาลัยอาวรณ์ ทั้ง ๆ ที่น้องยังอยู่ในอ้อมกอด ความเข้มแข็งพังทลายลงเพียงแค่อีกคนตั้งท่าจะเผยความในใจ
หัวใจในอกข้างซ้ายของราชนิกุลหนุ่มกำลังพลุ่งพล่าน มันลิงโลดจนแทบจะระเบิดออกมานอกอก ดีใจเหลือเกินที่น้องก็รู้สึกกับเขาไม่ต่างกัน แม้จะอ่านออกจากการกระทำ แต่ยามเมื่อน้องพูดมันออกมามันมีค่าและมีความหมายมากกว่าอะไรทั้งนั้น
ด้วยเพราะตัวต้องจากไปไกล แม้ปากจะปลอบน้องว่าแค่เพียงสี่ปี แต่เขารู้ดีว่ามันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ในความรู้สึกของคนรอ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเข้มแข็งได้นานสักแค่ไหน หรือจะคิดถึงน้องจนขาดใจตายไปเสียก่อนก็มิรู้ได้
ความอาลัยอาวรณ์จึงถูกส่งผ่านสัมผัสจากริมฝีปาก จุมพิตหนักหน่วงเรียกร้องสอนให้น้องตอบสนอง ลิ้นอุ่นตวัดกวาดต้อนแลกสัมผัสแล้วดูดดึงลิ้นเล็กกว่ากระตุ้นแรงปรารถนาที่ซุกซ่อนมาหลายเดือนที่อยู่ร่วมชายคาในฐานะผู้ปกครอง
พระพายเขย่งปลายเท้า เบียดบดร่างกายกับร่างสูงใหญ่ สองแขนเหนี่ยวรั้งลำคอแกร่งไว้เป็นหลักยึด เอียงศีรษะปรับองศารับสัมผัสลึกซึ้งอย่างเต็มอกเต็มใจจนแทบหมดลม
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน ณ ริมบึงกว้างใต้ต้นไม้ใหญ่ สายลมพัดเอื่อยหอบเอาแดดอุ่นยามสายโอบกอดสองร่างที่ยังคงก่ายกอดกัน สัมผัสไออุ่นจากร่างกายของกันและกัน ฝากฝังคำรักผ่านจุมพิตแสนหวาน เร่าร้อน และลึกซึ้งตราตรึงจนยากที่จะมีการบอกลาครั้งใดประทับใจเท่า
แต่การบอกลาอย่างลึกซึ้งก็ต้องจบลงเมื่อเสียงเครื่องยนต์ใกล้เข้ามา รพีค่อย ๆ ผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ประทับกลับลงไปใหม่ แล้วถอยออกมาอยู่เช่นนั้นถึงสามครั้ง ก่อนจะตัดใจรวบน้องเข้ามากอดแน่น
ครู่หนึ่งเขาก็ผละออกมาล้วงเอาดอกปีบดอกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอก ทัดมันไว้กับใบหูของพระพายแล้วจุมพิตลงมาอย่างแผ่วเบา
“ดอกปีบดอกนี้เป็นตัวแทนของพี่”
รพีโน้มใบหน้าเข้ามาจูบน้องอีกครั้ง และคนน้องก็จูบตอบอย่างไม่มีอิดออดเลยแม้แต่น้อย ไม่สนว่านายอินทร์ขับรถเข้ามาจอดอยู่ข้างถนนตรงหลังต้นไม้ไม่ไกลกันนัก และกำลังช่วยกันกับคนรับใช้อีกสองคนขนย้ายกระเป๋าเดินทางของเจ้านาย
รพีต้องเป็นฝ่ายใจแข็งยอมผละริมฝีปากออกมา แล้วเอ่ยลาอย่างจริงจัง
“พี่ต้องไปแล้ว คนดีของพี่”
แต่การตัดใจออกจะร่ำไรไปเสียหน่อย ยามเห็นน้องน้อยมองมาตาละห้อยก็อดไม่ได้ที่จะดึงเข้ามากอดอีกครั้ง พร้อมกับจุมพิตที่หน้าผาก แล้วมันก็เลยเถิดไปที่ริมฝีปากอีกจนได้
จวบจนคนรับใช้ขนย้ายกระเป๋าเสร็จแล้วเริ่มร้องเรียกหาเจ้านาย
“คุณชายรพีขอรับ”
นายอินทร์เห็นชายเสื้อของคุณชายรพีอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ เขาจึงร้องเรียก แต่เพราะเจ้านายคล้ายจะไม่ได้ยิน คนขับรถจึงเดินเข้ามาใกล้
“คุณชายขอรับ รถพร้อมแล้วขอรับ”
“พี่ต้องไปแล้ว” บอกลาซ้ำเป็นครั้งที่สอง แต่น้องก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากเขา
เพราะพระพายนึกขึ้นได้ว่ามีของมาฝากคนพี่เช่นกัน เขารีบล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อและหยิบดอกปีบที่ออกจะช้ำไปเสียหน่อยออกมา
“น้องเก็บมันมาให้พี่ชายพี แต่มันบี้แบนหมดแล้ว”
คงเป็นตอนที่ทั้งสองกอดกันแน่นนั่นแหละ ที่ทำดอกปีบแสนบอบบางช้ำขนาดนี้
คุณชายรพีรับมันมาจรดที่ปลายจมูกเพื่อสูดกลิ่นหอมล้ำ “ถึงจะช้ำแต่ก็ยังหอม”
นั่นจึงทำให้พระพายยิ้มได้ เขายกมือขึ้นแตะดอกปีบอีกดอกที่รพีทัดหูให้เมื่อครู่ แล้วยิ้มหวาน
“เราใจตรงกันเลยครับ”
“ใช่ เราใจตรงกัน”
รพีตอบรับพลางก็สบตากลับคนน้องอย่างมีนัย รอยยิ้มหวานของพระพายจึงกลายเป็นเขินอาย ยิ่งเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ก็ให้รู้สึกมวนท้องราวกับมีผีเสื้อนับร้อยแข่งกันกระพือปีกอยู่ในนั้น ขนทั่วร่างลุกชัน ใบหูก็แดงก่ำ แต่ถึงกระนั้นหนุ่มน้อยก็ฉวยเอาดอกปีบในมือพี่มาจุมพิตหนึ่งครั้งแล้วใส่มันไว้ในกระเป๋าเสื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายของคนพี่
“ดอกนี้ก็เป็นตัวแทนของน้อง หวังว่าพี่ชายพีจะรักษามันไว้อย่างดีด้วยหัวใจ”
มือเรียววางทาบลงบนอกคนพี่ที่ตำแหน่งหัวใจ
“คุณชายขอรับ”
เสียงนายอินทร์ดังอยู่หลังต้นไม้ ทำให้พระพายต้องรีบถอยเท้าไปด้านหลัง
แต่รพียึดมือเรียวข้างนั้นไว้ พร้อมทั้งรวบเอวคนตัวเล็กกว่าเข้ามากอด
“จะไปเดี๋ยวนี้แล้ว”
เสียงเจ้านายที่ดังมาจากหลังต้นไม้ทำให้นายอินทร์ชะงักเท้า
“นายอินทร์กลับไปรอที่รถก่อน ประเดี๋ยวฉันตามไป”
“ขอรับคุณชาย”
พระพายระบายลมออกมาอย่างโล่งใจ ก่อนจะทุบกำปั้นลงบนอกกว้างโทษฐานที่ทำให้เขาขวัญหนีดีฝ่อ เพราะหากนายอินทร์มาเห็นเข้าคงได้เป็นเรื่องแน่ แต่ก็ลืมคิดไปเสียสนิทว่าคนที่เริ่มเรื่องนี้ก่อนก็คือตัวเอง
“พี่ชายพี”
พระพายค้อนขวับเมื่อคนพี่หอมแก้มตัวเองซ้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นโดยไม่มีทีท่าจะตามนายอินทร์ไปอย่างที่บอก
“ถ้าเลื่อนการเดินทางเป็นพรุ่งนี้ได้พี่จะเลื่อนเสียเดี๋ยวนี้ จะได้มีเวลานอนกอดน้องอีกสักคืนหนึ่ง”
“เมื่อคืนยังกอดไม่พออีกหรือครับ แล้วยังจะ…” พระพายอยากจะบอกว่า แล้วยังจะจูบเร่าร้อนเมื่อครู่นั่นอีกแต่ก็กลัวว่าจะเข้าตัวเพราะเขาเป็นคนเสนอตัวมาดักรอเอง
รพีเชยคางเล็กขึ้นมาสบตากัน แล้วบอกอย่างจริงใจ
“จูบเมื่อครู่ถือว่าพี่มัดจำไว้ก่อน พี่กลับมาเมื่อไรจะมาสานต่ออย่างแน่นอน”
พระพายเม้มริมฝีปากอย่างขัดเขิน เพียงจูบเมื่อครู่ก็ทำเขาขวัญกระเจิง แล้วหากพี่ชายพีมาสานต่อพระพายมิขาดใจตายคาอกพี่หรอกหรือ
“แต่ถึงกระนั้นพี่ก็ไม่คิดผูกมัด หากน้องรู้สึกกับใครมากกว่าพี่ พี่ก็…”
พระพายไม่รอให้รพีพูดจบประโยค เขารีบเขย่งปลายเท้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากหยักที่กำลังเอื้อนเอ่ยสิ่งที่มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น เนิ่นนานอีกครู่หนึ่งกว่าที่จะผละออกมาบอก
“จูบแรกและจูบสุดท้ายของน้องเป็นของพี่ชายพีคนเดียวเท่านั้นครับ”
นายอินทร์ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ว่าเหตุใดคุณชายรพีจึงเอาแต่จับจ้องไปที่ต้นไม้ใหญ่อย่างไม่วางตา แม้รถยนต์จะเคลื่อนจากมาไกลลิบจนแทบจะมองไม่เห็น จวบจนเขาหักพวงมาลัยเข้าสู่ถนนใหญ่ คุณชายรพีจึงหันกลับมา หลังจากนั้นก็เอาแต่นั่งมองดอกปีบแสนช้ำในมือ รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าหม่อมราชวงศ์หนุ่มจนกระทั่งเดินทางถึงจุดหมาย เขาวางดอกปีบสอดไว้ในสมุดบันทึกเล่มหนึ่งอย่างทะนุถนอมแล้วกอดมันแนบอก ก่อนจะฝากฝังให้นายอินทร์ช่วยดูแลคนในวังตุลยาธรด้วยอีกแรง
“ขอรับคุณชาย”
