๑๐ ชู้
“เจ้าจ้อย”
พระพายลูบหัวเจ้านกตัวเล็กอย่างโล่งใจหลังมันบินกลับมาอยู่หน้ากรง ก่อนจะชี้นิ้วต่อว่า
“เดี๋ยวนี้ชักจะซนใหญ่แล้วนะ กลับบ้านผิดเวลาหรือเราน่ะ”
พระพายจะเปิดกรงให้เจ้าจ้อยได้ออกไปบินเล่นในสวนตอนเย็นของทุกวัน มันจะหายไปสักพักแล้วกลับมาตรงเวลาก่อนพลบค่ำ ทว่าวันนี้เจ้านกน้อยแสนดื้อกลับกรงผิดเวลาจนพระพายเป็นห่วง
“หิวไหม กินอะไรมาหรือยัง”
“หรือยัง” เจ้าจ้อยพูดตามคำหลัง พระพายคิดว่ามันเข้าใจความหมาย เพียงแต่พูดได้แค่คำสั้น ๆ เท่านั้น
ราชนิกุลหนุ่มยกยิ้ม ก่อนจะเทอาหารนกและน้ำใส่ถ้วยตรงหน้า
“กินซะ จะได้เข้ากรงนอน ฉันจะอ่านจดหมายของพี่ชายพีให้ฟัง”
ระหว่างที่เจ้าจ้อยจิกกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย พระพายก็เปิดซองจดหมายที่ส่งมาไกลจากอีกซีกโลก รอยยิ้มกว้างประดับอยู่บนมุมปากและแววตาเจิดจรัสยามกวาดมองทุกตัวอักษร
ถึง หม่อมหลวงพระพาย ระวิวรรณ
พี่ปรารถนาจะเห็นรอยยิ้มของน้องยามเปิดอ่านจดหมายฉบับนี้ พี่ปลอดภัยดีหลังเหตุปะทะในกรุงมอสโกสงบลง และคงไม่มีเรื่องให้น้องต้องกังวลใจนับจากนี้
ที่นี่เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว เกล็ดน้ำแข็งสีขาวที่เรียกว่าหิมะช่างงดงามเหลือเกิน แต่ความงามของมันร้ายกาจ มันทำพี่หนาวเหน็บแทบขาดใจยามมันโปรยปรายลงมา พระพาย พี่คิดถึงน้องเหลือเกิน คิดถึงจนแทบขาดใจเลยทีเดียว
หวังว่าน้องจะสุขสบายดี การสอบเข้าวิทยาลัยราบรื่นดีหรือไม่ เพื่อนใหม่เป็นอย่างไร โปรดเขียนมาเล่าให้พี่ฟังบ้าง
รักและคิดถึงทุกลมหายใจ
หม่อมราชวงศ์รพี ตุลยาธร
พระพายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยามอ่านจดหมายซ้ำไปซ้ำมา หากเจ้าจ้อยมันพูดได้ยาว ๆ มันคงท่องให้ฟังได้ไม่ขาดตกเลยสักคำ หลังมันกินอาหารจนอิ่มแปล้ก็บินกลับเข้าไปในกรง เกาะกิ่งไม้ ไซ้ปีก แล้วก็หลับตาลง
ส่วนพระพายพับจดหมายของพี่ชายพีสอดไว้ในสมุดบันทึกที่มีดอกปีบแห้งสีน้ำตาลถูกทับไว้ พระพายหยิบมันขึ้นมาหอม แล้ววางกลับไปที่เดิมอย่างทะนุถนอม
“เจ้าจ้อย หลับแล้วหรือ?”
นกน้อยในกรงใหญ่ไม่ยอมตอบ ไม่รู้ว่ามันหลับหรือรำคาญที่พระพายเอาแต่อ่านจดหมายฉบับเดิมซ้ำ ๆ เจ้าจ้อยฟังมาตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน ตอนที่พระพายเขียนจดหมายตอบก็เอามาอ่านให้เจ้าจ้อยฟัง มันจำได้ขึ้นใจทุกตัวอักษร
ถึง หม่อมราชวงศ์รพี ตุลยาธร
น้องดีใจเหลือเกินที่พี่ชายพีปลอดภัย หวังว่าจะไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นอีกนะครับ และพี่ชายพีอย่าได้ห่วงกังวลทางนี้ ทุกคนในวังตุลยาธรสุขสบายดี
น้องอยากเห็นเกล็ดน้ำแข็งที่ตกลงมาจากฟ้าเหลือเกิน มันคงงดงามราวกับภาพฝัน แต่พี่ชายพีดูแลสุขภาพด้วยนะครับ น้องตั้งใจถักถุงเท้าส่งมาพร้อมกับจดหมายฉบับนี้ หวังว่าจะช่วยบรรเทาความหนาว คราวหน้าน้องจะส่งผ้าพันคอมาให้ คุณหญิงแต้วสัญญาจะช่วยสอน เธอยังบอกอีกว่าจะถักเสื้อให้พี่ชายพีด้วยครับ
การสอบเข้าวิทยาลัยผ่านพ้นไปด้วยดีครับ น้องมีเพื่อนใหม่หลายคน ที่สนิทสนมกันนับได้สามคนถ้วน แต่พี่ชายพีไม่ต้องกังวลนะครับ เพราะหล่อเหลาสู้พี่ชายพีไม่ได้เลยสักคน
เจ้าจ้อยมันตัวโตขึ้นแล้วนะครับ แต่มันยังพูดได้แค่คำสั้น ๆ เหมือนเดิม หลายวันมานี้ดูมันหงอย ๆ สงสัยคงคิดถึงพี่ชายพีเหมือนที่น้องคิดถึง
รักและคิดถึงพี่ชายพีสุดหัวใจ
หม่อมหลวงพระพาย ระวิวรรณ
พระพายหอบสมุดหนังสือและจดหมายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็หิ้วกรงของเจ้าจ้อย เดินลัดเลาะผ่านสวนของวังตุลยาธรเพื่อกลับเรือนหลังเล็กท้ายวัง
ความมืดปกคลุมเข้ามาอย่างรวดเร็วหลังดวงตะวันจมหาย พระจันทร์เสี้ยวในคืนเดือนแรมให้แสงสว่างไม่มากนัก ทำให้พระพายต้องเพ่งตามอง เดินย่องอย่างระแวดระวัง
แต่ระหว่างที่ราชนิกุลหนุ่มกำลังจะเดินผ่านสวนดอกไม้ของหม่อมจอมขวัญ เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง พระพายหยุดมองไปทางต้นเสียง ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปใกล้เพราะคุ้นกับเสียงนั้นเหลือเกิน พระพายเดินไปหยุดอยู่หลังพุ่มอัญชันแล้วเพ่งตามองฝ่าความมืดไปยังจุดที่มีคนสองคนยืนสนทนากัน
“คุณหญิงแต้ว!”
พระพายแปลกใจเป็นอย่างมากว่าหม่อมรัชนีกรมาทำอะไรในสวนยามค่ำมืดเช่นนี้ และคนที่อยู่กับคุณหญิงแต้วผู้แสนเรียบร้อยก็คือ…
“นายอินทร์!”
คนขับรถของหม่อมเจ้าตะวันฉายเช่นนั้นหรือ ไยคุณหญิงแต้วต้องมาคุยกับคนขับรถของท่านชายลับ ๆ ล่อ ๆ ในยามวิกาลแบบนี้ด้วย
“ชู้ ชู้”
จู่ ๆ เจ้าจ้อยก็ส่งเสียงออกมา ทำเอาพระพายต้องรีบซ่อนตัวหลังพุ่มอัญชัน และยังส่งผลให้นายอินทร์กับคุณหญิงแต้วหันขวับมามองอย่างตกใจ
“นั่นใครน่ะ?”
นายอินทร์ร้องถาม พร้อมกับย่างสามขุมเข้ามายังทิศทางที่ได้ยินเสียง
พั่บ พั่บ พั่บ
เจ้าจ้อยกระพือปีกพั่บ ๆ บินว่อนอยู่ในกรงราวกับมันกำลังกลัวอะไรบางอย่าง
“ชู่ว” พระพายพยายามปลอบ แล้วค่อย ๆ ลอบหลบออกมา เมื่อนายอินทร์จะเดินมาถึงพุ่มอัญชัน ที่ตรงนั้นก็ว่างเปล่าเสียแล้ว
นายอินทร์ได้แต่กวาดสายตามองหาอย่างสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะหมุนตัวกลับไป หางตาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้นหญ้า อินทร์ยอบตัวลงนั่ง ยื่นมือไปหยิบมันขึ้นมาพิศดู อีกทั้งยังพิสูจน์ด้วยการดมกลิ่น จนมั่นใจว่ามันคือ…
“อาหารนก!”
พระพายวิ่งลัดเลาะสวนของวังเพื่อกลับไปยังเรือนเล็กท้ายวังอย่างเร็วที่สุด ระหว่างทางก็ต้องคอยบอกเจ้าจ้อยว่าห้ามส่งเสียงเพราะเกรงว่านายอินทร์จะรู้ว่าเขาแอบดูอยู่หลังพุ่มไม้ แม้ไม่รู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน แต่อากัปกิริยาที่นายอินทร์อาจเอื้อมยื้อยุดข้อมือของธิดาของเจ้านายนั้นไม่ใช่เรื่องปกติแน่ คุณหญิงแต้วไม่ได้ร้องเรียกให้ใครช่วย ตอนที่นายอินทร์เดินเข้ามาหาพระพายคุณหญิงแต้วยังเดินตามมาเกาะแขนนายอินทร์เสียด้วยซ้ำ
“ชู้ ชู้”
เจ้าจ้อยยังคงพูดจาอะไรไม่รู้ความ
“ชู่ว อย่าเอ็ดไป อยากโดนจับไปผัดเผ็ดหรือไงเจ้าจ้อย”
“ชู้ ชู้”
“ชู่ว ชู่ว”
“วิ่งหนีอะไรมาหรือพระพาย”
พระพายแปลกใจและทำหน้าไม่ถูกเมื่อกลับมาถึงเรือนแล้วพบว่ามารดาอยู่กับหม่อมจอมขวัญ
“เปล่าครับคุณแม่ ลูกแค่เห็นว่ามืดแล้ว เกรงว่าคุณแม่จะดุเอาที่กลับเรือนช้าจึงรีบวิ่งมาครับ หม่อมจอมขวัญก็อยู่ด้วยหรือครับ” ท้ายประโยคหันไปก้มศีรษะให้หม่อมผู้เป็นมิตรเพียงคนเดียวของมารดาในวังแห่งนี้
“ป้ามาคุยกับแม่เราเรื่องงานฉลองครบรอบวันประสูติของท่านชายในสัปดาห์หน้าน่ะ พระพายไปช่วยกันตระเตรียมงานด้วยล่ะ ท่านทรงโปรดให้ป้ากับหญิงแต้วเป็นแม่งาน”
“ครับหม่อม วันก่อนท่านลุงก็มีรับสั่ง”
“รับสั่งว่าอะไรหรือ?”
“รับสั่งให้ไปช่วยงานน่ะครับ” พระพายตอบเลี่ยงไม่ต่างจากมารดาเพราะไม่ต้องการให้หม่อมและธิดาของท่านชายไม่สบายใจ เหตุเพราะพระพายกับสร้อยฟ้าถูกท่านชายสั่งให้ไปร่วมงานในฐานะคนของวังตุลยาธร ไม่ใช่แค่กาฝากหรือว่าผู้อาศัย แต่พระพายกับสร้อยฟ้าตกลงกันแล้วว่าจะพยายามเลี่ยงด้วยการประจำอยู่ในครัว
“อืม เช่นนั้นก็ฝากเธอด้วยนะสร้อยฟ้า วันนั้นฉันคงจะยุ่งต้องคอยดูแลแขก อย่างไรเสียงานในครัวก็คงต้องอาศัยเธอแล้ว”
“จ้ะ เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นกังวลไป ฉันจะทำให้เต็มที่”
พระพายมองซ้ายแลขวาเพื่อหาว่าหม่อมจอมขวัญมาที่เรือนหลังเล็กกับใคร แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีคนรับใช้ติดตามมาสักคน
“หม่อมมากับใครหรือครับ”
“ป้าก็เดินมาพร้อมกับแม่ของเรานี่แหละ ทำไมหรือ?”
“อ้อ ผมคิดว่าคุณหญิงแต้วมาด้วยน่ะครับ”
“หญิงแต้วร้อยมาลัยถวายท่านพ่ออยู่ในเรือนใหญ่ ป่านนี้คงยังไม่แล้วเสร็จหรอกกระมัง”
“ครับ”
หรือว่าคุณแต้วกับนายอินทร์จะแค่เข้าไปเก็บดอกมะลิในสวน แต่เหตุใดคุณหญิงแต้วต้องไปด้วยตัวเองเล่าในเมื่อบ่าวไพร่รับใช้รอบตัวมีอยู่มากมาย
“มีอะไรหรือพระพาย”
ใบหน้ายุ่งเหยิงและคิ้วที่ขมวดเป็นปมของพระพายทำให้สร้อยฟ้าสงสัยด้วยลูกชายเป็นคนไม่เก็บอารมณ์นัก รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกมาอย่างนั้น
“เอ่อ ไม่มีอะไรครับคุณแม่ ลูกขอตัวพาเจ้าจ้อยไปไว้หลังเรือนก่อนนะครับ”
“ชู้ ชู้”
เจ้าจ้อยยังคงพูดคำเดิมซ้ำ ๆ
“ชู่ว อย่าเสียงดัง”
พระพายเอ็ดแล้วรีบพามันเข้าเรือนไป ปล่อยให้หม่อมจอมขวัญมองตามอย่างสงสัย เธอหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ้าจ้อยพูด แต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันหมายถึงใครจึงถามกับสร้อยฟ้า
“เจ้านกนั่นพูดว่าอะไร”
“เจ้าจ้อยคงแค่เลียนเสียงพระพายเท่านั้น มันยังพูดไม่ได้มากนักหรอก”
“ฉันได้ยินเด็กมันพูดกันว่านกตัวนั้นฉลาดนัก”
“นกอย่างไรก็เป็นนก เธออย่าถือสานักเลยขวัญ ได้ยินใครพูดอะไรมันก็พยายามจะออกเสียงตามนั้น แต่คุยกันไม่รู้เรื่องสักครั้ง”
“อย่างนั้นหรือ?”
