๗.๑ ข้อกล่าวหา
ขณะที่พระพายกำลังจะก้าวผ่านชั้นสองของเรือนใหญ่ก็ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ลอยมาจากทางปีกขวาของเรือน ราชนิกุลหนุ่มจึงชะเง้อมองหาที่มาของเสียง ก่อนจะพบว่าหม่อมราชวงศ์รัชนีกรยืนร้องไห้อยู่ข้างหน้าต่างในห้องโถงด้านนั้น
“คุณหญิงแต้ว” พระพายเอื้อมมือไปแตะแขนของเธออย่างเป็นห่วง
หม่อมราชวงศ์รัชนีกรรีบยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตาทันทีเพราะกลัวว่าพระพายจะเห็นความอ่อนแอของเธอ หม่อมแม่สั่งว่าห้ามอ่อนแอให้ใครเห็นเป็นเด็ดขาด เธอต้องเป็นคุณหญิงแต้วที่เข้มแข็งและงามสง่าสมเป็นธิดาของหม่อมเจ้าตะวันฉาย ตุลยาธร
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ”
“ไม่มีอะไร ฉัน… ไม่ได้เป็นอะไร”
“แต่คุณหญิงร้องไห้”
“ฝุ่นเข้าตาต่างหากเล่า” คนโยนความผิดให้ฝุ่นรีบหลบตาและผินหน้าหนี
“หรือครับ?” แต่พระพายจะเชื่อได้อย่างไรในเมื่อทั้งภาพและเสียงชัดเจนขนาดนี้ เขาเข้ามาหยุดอยู่ข้าง ๆ คุณหญิงแต้วตั้งนานแล้ว แต่อีกฝ่ายก็เอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สะอื้นฮึก ๆ แล้วปล่อยน้ำตาไหลอาบแก้ม จนกระทั่งพระพายต้องเอื้อมมือไปแตะที่แขนนั่นแหละคุณหญิงแต้วถึงได้รู้ตัวว่าไม่ได้ยืนอยู่ลำพัง
“เขาว่าฝุ่นเข้าตาต้องลืมตาในน้ำ แต่ถ้ามีปัญหาหรืออึดอัดใจก็ต้องระบายออกมานะครับ ถ้าคุณหญิงแต้วมีอะไรไม่สบายใจหรือว่าอยากระบาย ผมยินดีรับฟังนะครับ”
หม่อมราชวงศ์รัชนีกรเหลือบมองใบหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้อย่างซาบซึ้งในน้ำใจ ใช่ว่าเธอกับพระพายจะไม่รู้จักกันมาก่อน ครอบครัวระวิวรรณมาเข้าเฝ้าท่านพ่ออยู่บ่อยครั้งช่วงที่พี่ชายพีไปเรียนอยู่ต่างประเทศ แต่เพราะหม่อมจอมขวัญค่อนข้างเข้มงวดกับลูกสาว คุณหญิงแต้วจึงต้องเรียนการบ้านการเรือนตลอดเวลาจึงไม่ค่อยได้คลุกคลีกับพระพาย และท่านพ่อของเธอก็โปรดพระพายมาก ทั้งสองมักจะขลุกอยู่ด้วยกัน ส่วนเธอนั้นรู้สึกเกร็งหากต้องอยู่ในสายเนตรของท่านพ่อ จึงมักจะหลบไปอยู่ในเรือนครัวเสียมากกว่า เธอกับพระพายจึงไม่สนิทสนมกันมากนักทั้ง ๆ ที่อายุห่างกันแค่สองปี
“จะมาหาพี่ชายพีก็รีบขึ้นไปเถิด ประเดี๋ยวพี่ชายจะรอนาน” คุณหญิงแต้วออกปากไล่เอาดื้อ ๆ แม้ซาบซึ้งในน้ำใจของพระพาย แต่เรื่องทุกข์ใจของเธอก็มิอาจแพร่งพรายให้ใครรู้ได้
เมื่อราชนิกุลสาวไม่ยอมเปิดใจ พระพายก็ไม่ได้คาดคั้น เขารับคำและยอมถอยออกมาอย่างให้เกียรติ “ครับ”
แต่พระพายเดินออกมายังไม่ทันจะถึงบันไดขึ้นชั้นสาม หม่อมราชวงศ์ศศิธรก็เข้ามาขวางหน้า และยังพูดใส่หน้าพระพายอย่างหาเรื่องอีกด้วย
“กาฝาก!”
ความไม่พอใจแล่นเข้ามาในดวงตาคู่สวยทันใด แล้วส่งสัญญาณให้ปากเผยอขึ้นมาสวนกลับทันควัน
“ที่พูดเนี่ย รู้หรือครับว่าแปลว่าอะไร”
“รู้สิ ไม่เช่นนั้นจะพูดรึ เธอมันก็ไม่ต่างจากกาฝากอาศัยเขาอยู่สูบเลือดสูบเนื้อ ไร้ประโยชน์”
“คุณหญิงก็ทราบความหมายของมันดีนี่ครับ แต่ผมว่าผมก็ทำประโยชน์ให้ตุลยาธรนะครับ อย่างน้อยก็ช่วยงานพี่ชายพีทุกวัน ว่าแต่คุณหญิงต่ายเถิดครับ วัน ๆ ทำอะไรบ้างนอกจากระรานคนอื่น”
“นี่แก!”
“หญิงต่าย!” คุณหญิงแต้วรีบเข้ามาห้ามทัพ ก่อนที่พระพายจะโดนฝ่ามือของน้องสาวที่เตรียมเงื้อขึ้นมา
“พี่หญิงแต้วก็ดูมันสิคะ ยืนเถียงฉอด ๆ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ช่างไม่สำเหนียกตัวเองบ้างเลย ทีอยู่ต่อหน้าท่านพ่อกับพี่ชายพีละก็พูดจาฉอเลาะเสียงอ่อนเสียงหวาน ตีสองหน้าเก่งนัก พอกันทั้งแม่ทั้งลูก”
“มันจะมากไปแล้วนะครับคุณหญิงต่าย” ต่อว่าด่าทอเขาอย่างไรก็ได้ แต่พระพายยอมไม่ได้ที่จะให้ใครมาลบหลู่ดูถูกมารดา เสียงร่ำลือหนาหูเกิดขึ้นในวังตุลยาธรว่าสร้อยฟ้าเสนอตัวอยากจะเป็นหม่อมอีกคนของท่านชาย ทั้ง ๆ ที่มารดาของเขาไม่เคยแม้แต่จะคิด ดังนั้นต่อให้เป็นคุณหญิงต่ายก็ไม่มีสิทธิ์มาใส่ความ
“ทำไม ฉันพูดอะไรผิดงั้นรึ ไอ้ลูกคนขี้โกง”
ราวกับฝ่ามือใหญ่ฟาดลงมาใส่หน้าของพระพายซ้ำ วาจาเชือดเฉือนใดก็ไม่เจ็บเท่าการก้าวล่วงถึงบิดาผู้ล่วงลับ ปมในใจของราชนิกุลหนุ่มถูกกระตุ้นขึ้นมา แม้พิสูจน์ไม่ได้แต่เขาก็ไม่เชื่อว่าบิดาเป็นเช่นที่ถูกกล่าวหา และเมื่อไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาว่าให้เสียหาย ท่านมีเกียรติของท่านที่ยึดมั่นมาตลอดและมันยังเป็นเช่นนั้นจนถึงวันสุดท้ายของชีวิต
เสียงเอะอะที่ดังมาจากชั้นสองทำให้เท้าที่เพิ่งก้าวออกมาจากห้องทำงานต้องชะงักกึก ก่อนที่ดวงตาคู่คมจะหรี่ลงแล้วเงี่ยหูฟัง หลังจากนั้นสองเท้าก็ก้าวเดินอย่างรวดเร็วเมื่อรู้แน่ว่าเจ้าของเสียงเป็นใครบ้าง และทันทีที่หม่อมราชวงศ์รพีเหยียบลงบนบันไดขั้นสุดท้ายสู่ชั้นสองของเรือน ภาพที่ปรากฏอยู่ในสายตาก็คือพระพายกำลังผลักน้องสาวคนสุดท้องของเขาจนล้มคว่ำ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ! พระพาย!”
