๖.๒ หม่อมของท่านชาย
วันก่อนพระพายเพิ่งจะหน้าระรื่นขนกรงนกไม้สักทองฉลุลวดลายวิจิตรเข้ามาในวัง บ่าวไพร่ลือกันให้แซ่ดว่าคุณชายรพีควักเงินซื้อให้ ราคาค่างวดน้อยเสียเมื่อไรกะอีแค่บ้านนกหลงทางไร้ค่า วันนี้สร้อยฟ้ายังมาเข้าเฝ้าท่านชายอีก จึงสร้างความไม่พอใจให้หม่อมปรางทิพย์ที่ไม่ชอบขี้หน้าสองแม่ลูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
“เรื่องนั้นหม่อมคงต้องไปทูลถามท่านชายเองค่ะ ดิฉันไม่แน่ใจว่าท่านจะโปรดให้พูดหรือไม่”
“หล่อนยอกย้อนฉันรึ”
“เปล่าค่ะ ดิฉันพูดความจริง”
“หวังว่าคงไม่ได้มาให้ท่าท่านชายหรอกนะ ผัวเพิ่งตายไปได้ไม่ทันจะร้อยวันก็ระริกระรี้”
“หม่อมปรางทิพย์!”
หม่อมจอมขวัญเดินเร็ว ๆ ออกมาจากปีกขวาของชั้นสอง กำราบหม่อมรุ่นน้องของท่านชายด้วยเสียงเข้ม
“มีอะไรกันรึ?”
“ก็ลองถามเพื่อนรักของคุณพี่ดูสิคะว่าคุยอะไรกับท่านชายอยู่นานสองนาน” หม่อมปรางทิพย์ฟ้องเพื่อหาพวก แต่กลับถูกหม่อมจอมขวัญตอกกลับ
“ว่างมากหรือหม่อมปราง ถึงได้มีเวลามานั่งเฝ้าบันไดวังราวกับสุนัขเฝ้าเจ้าของเยี่ยงนี้”
“คุณพี่!”
“สร้อยจะกลับหรือยัง ฉันจะไปที่เรือนครัวพอดี เดินไปพร้อมกันไหม”
“กำลังจะกลับพอดีค่ะหม่อม”
“อย่างนั้นก็มาเถอะ อย่าเสียเวลาเสวนากับ…” หม่อมจอมขวัญกดสายตามองต่ำ ไล่ตั้งแต่ปลายเท้าจนขึ้นมาถึงใบหน้าบึ้งตึงของหม่อมปรางทิพย์ เธอละคำว่าสุนัขเอาไว้ในฐานที่ควรจะเข้าใจเพราะเพิ่งกระทบกระเทียบไปเมื่อครู่
หม่อมจอมขวัญคว้าแขนสร้อยฟ้า แล้วพากันเดินออกมาจากเรือนสามชั้น ปล่อยให้หม่อมปรางทิพย์เข่นเขี้ยวไล่หลัง
“รักใคร่กลมเกลียวกันไปเถอะ ฉันจะรอดูว่าจะกลมเกลียวกันไปได้อีกนานแค่ไหน”
เพราะเธอเห็นสายเนตรของท่านชายยอมทอดมองสร้อยฟ้า มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอื้ออาทรและแสนรัก หาใช่ปรารถนาเพียงความใคร่อย่างเดียวเช่นที่เธอได้รับไม่ อีกไม่นานท่านต้องยกสร้อยฟ้าขึ้นมาเป็นหม่อมอีกคนแน่!
“ขอบคุณนะขวัญ”
ยามอยู่ด้วยกันสองต่อสอง สร้อยฟ้ากับจอมขวัญก็คุยกันเยี่ยงเพื่อนสนิท ไม่มียศศักดิ์แบ่งแยกระดับชั้น เพราะเดิมทีทั้งสองเป็นสาวบ้านนอกเหมือนกัน สมัยที่ยังสาวแรกรุ่นมุ่งมั่นเข้ามาร่ำเรียนในพระนคร ขาดเหลืออะไรก็แบ่งปันกันมาตลอด จะมีเรื่องให้ขัดเคืองใจก็คงเป็นเรื่องที่รักผู้ชายคนเดียวกันในวันวาน แต่เมื่อสร้อยฟ้าแต่งงานกับพศุตม์ และจอมขวัญมาเป็นหม่อมของท่านชายตุ้ม ทั้งสองก็กลับมาพูดคุยกันบ้างตามโอกาส เพราะอย่างไรเสียท่านชายตุ้มกับพศุตม์ก็ยังคบหาเป็นเพื่อนรักกัน
“หม่อมปรางทิพย์ก็เป็นเสียแบบนี้ เห็นใครได้ดีกว่าไม่ได้ ท่านชายโปรดใคร หล่อนก็คิดเป็นศัตรูเสียหมด เธอก็อย่าไปใกล้ชิดมากนัก เลี่ยงได้ก็เลี่ยงเสีย”
“ฉันก็ไม่ได้อยากจะเข้าใกล้นักหรอก หากท่านชายไม่รับสั่งให้เข้าเฝ้า ฉันก็ไม่คิดจะเข้าไปยุ่มย่ามในตึกใหญ่”
“ว่าแต่… ท่านชายตรัสอะไรกับเธอหรือ ถึงได้ให้เข้าเฝ้าตอนนี้”
สร้อยฟ้าเม้มปากคิดหนัก ก่อนจะตอบเพื่อนออกไปแบบเลี่ยง ๆ
“ทรงตรัสถามสารทุกข์สุกดิบทั่วไปนั่นแหละจ้ะ ไม่มีอะไร”
แต่หม่อมจอมขวัญสังเกตเห็นสีหน้าของสร้อยฟ้าก็พอจะเดาได้
“ท่านชายโปรดให้สร้อยเป็นหม่อมของท่านหรือ?”
“ขวัญ…”
อาการของสร้อยฟ้าเป็นคำตอบอย่างชัดเจน ซึ่งก็ไม่ได้ถือเป็นเรื่องน่าตกใจอะไร เธอรู้อยู่แล้วว่าสักวันท่านชายต้องเดินหน้าเรื่องนี้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วถึงเพียงนี้
“แล้วเธอว่าอย่างไร?”
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ได้คิดอะไรกับท่านชายมานานมากแล้ว”
“แต่ท่านชายไม่เคยลืมเธอ”
“ท่านชายทรงมีเหตุผลและมีเมตตา ฉันปฏิเสธไปแล้วและท่านก็เข้าใจ”
“แต่ท่านคงไม่หยุดแค่นี้แน่”
หม่อมจอมขวัญมั่นใจ และก็กังวลใจในเวลาเดียวกัน สามีตนเป็นคนเยี่ยงไรทำไมจอมขวัญจะไม่รู้ แต่ที่เธอไม่แน่ใจก็คือใจของสร้อยฟ้านี่แหละ เมื่อก่อนมีสามีเป็นเสาหลัก แต่หลังจากที่คุณชายพศุตม์สิ้นแถมวังระวิวรรณและทรัพย์สินทั้งหมดก็ถูกยึดไป สองแม่ลูกจึงเคว้งคว้างอยู่กลางมหาสมุทร แล้วเมื่อมีเรือสำเภาบรรทุกสมบัติมาเต็มลำผ่านมารับ สร้อยฟ้าจะไม่กระโดดขึ้นเรืออย่างลิงโลดหรอกหรือ ในเมื่อท่านชายก็เต็มใจเอื้อมหัตถ์ไปรั้งขึ้นมาอย่างสุดองค์
“แต่ถึงอย่างไรฉันก็เชื่อว่าเธอซื่อสัตย์ภักดีกับสามีเพียงคนเดียว” หม่อมจอมขวัญดักคอและเตือนสติ
“เธออย่ากังวลไปเลยขวัญ ถึงหัวเด็ดตีนขาดอย่างไรฉันก็ไม่มีวันปลงใจให้ท่านชายตุ้ม”
“ได้ยินเธอยืนยันแบบนี้ฉันก็เบาใจ เช่นนั้นก็ไปเถอะ ไปทำงานในเรือนครัวเช่นที่เธอถนัด วันนี้ฉันอยากกินแกงบอน เธอทำให้ได้หรือไม่”
“ได้สิ”
หลังจากนั้นทั้งสองก็พากันเข้าไปในเรือนครัว สร้อยฟ้าลงมือปรุงอาหารคาวหวานเยี่ยงคนรับใช้คนหนึ่งในวัง ในขณะที่หม่อมจอมขวัญยืนสั่งการบรรดาบ่าวไพร่อย่างเข้มงวดในฐานะที่ท่านชายตุ้มไว้ใจและมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลทั้งเรื่องอาหารขึ้นโต๊ะเสวยและงานบ้านงานเรือนอื่น ๆ รวมถึงบัญชีรายรับรายจ่ายภายในวังตุลยาธร เหลือก็แต่เครื่องเพชรเครื่องทองของหม่อมเจ้ารวีเท่านั้นกระมังที่หม่อมจอมขวัญปรารถนาจะถือครอง แต่ท่านชายตุ้มยังไม่ยอมประทานให้ใครเลยสักชิ้น
