๖.๑ หม่อมของท่านชาย
“ท่านชายให้คนไปตาม ทรงมีอะไรให้หม่อมฉันถวายการรับใช้หรือเพคะ”
สร้อยฟ้าอาศัยอยู่ในวังตุลยาธรอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวที่สุด แม้ได้ชื่อว่าเป็นสหายของท่านชายตุ้ม แต่เธอก็ไม่เคยคิดอาจเอื้อมตีเสมอ ยามนี้ที่ไร้สามีเป็นที่พึ่งพาเชิดหน้าชูตา ก็ยิ่งกดตัวเองให้ต่ำ จากที่ไม่เคยใช้คำราชาศัพท์ ก็เริ่มสอดแทรกเข้ามาบ้างเพื่อรักษาระยะห่างที่เหมาะสม
“พูดจากันเยี่ยงคนเคยคุ้นเช่นเดิมเถิดสร้อย เรามิใช่คนอื่นคนไกล เคยเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ฉันไม่เคยเปลี่ยน”
“หม่อมฉันก็ไม่เคยเปลี่ยนเพคะท่านชาย เพียงแต่เวลานี้หม่อมฉันอยู่ในวังตุลยาธรในฐานะผู้อาศัย หาใช่พระสหายของท่านชายเช่นแต่ก่อน”
“อาศัยในวังของฉัน แล้วเราจะเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมมิได้รึ” ท่านชายตุ้มเริ่มเสียงขุ่นอย่างไม่พึงพอใจนัก สร้อยฟ้าไม่เคยเปลี่ยนจริง ๆ นั่นแหละ ขีดเส้นให้เขาเป็นแค่เพื่อนอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ต่อให้เขาพยายามเพียงใดก็เป็นได้แค่นั้นมาตลอดยี่สิบเจ็ดปี ในขณะที่ท่านชายไม่เคยตัดใจจากเธอได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว
ทั้งสองสบตากันอยู่ครู่หนึ่งด้วยความรู้สึกที่ต่างกัน ความรักความปรารถนายังเปี่ยมล้นอยู่ในเนตรคู่คมของท่านชายตุ้ม ในขณะที่แววตาของสร้อยฟ้ายามสบกลับมามีเพียงความว่างเปล่าจนน่าใจหาย
“สร้อยฟ้า” หม่อมเจ้าตะวันฉายใช้น้ำเสียงเชิงตัดพ้อ ก่อนจะจริงจังในประโยคต่อมา “เราเหลือเวลาในชีวิตกันไม่มากแล้ว อย่าทิฐิใส่กันอีกต่อไปเลย เธอย่อมรู้ดีแก่ใจว่าฉันเต็มใจที่จะดูแลเธอกับพระพาย ใช่ว่าเพราะคำสั่งเสียของพศุตม์ แต่เป็นความปรารถนาจากหัวใจของฉัน”
“ทุกวันนี้ท่านชายก็ดูแลหม่อมฉันกับลูกดีอยู่แล้วเพคะ”
“จะดีกว่านี้หากเธอยอมรับข้อเสนอของฉัน หม่อมสร้อยฟ้า ตุลยาธร มันควรเป็นนามของเธอตั้งแต่เมื่อยี่สิบเจ็ดปีก่อน”
สร้อยฟ้าเตรียมใจมาแล้วก่อนที่จะก้าวเข้ามาในวังตุลยาธรว่าวันหนึ่งหม่อมเจ้าตะวันฉายจะต้องตรัสเรื่องนี้ขึ้นมาอีก
“หม่อมฉันยังยืนยันคำเดิมเพคะท่านชาย”
หม่อมเจ้าตะวันฉายทอดเนตรใบหน้าของสร้อยฟ้าอย่างหนักหทัยและแสดงถึงความอาลัยอาวรณ์ ท่านรอโอกาสครั้งที่สองจากนางอันเป็นที่รักมานานหนักหนา การจากไปของหม่อมราชวงศ์พศุตม์สร้างความโศกาลัยให้สร้อยฟ้า หม่อมหลวงพระพาย รวมทั้งท่าน แต่หม่อมเจ้าตะวันฉายก็อดที่จะยินดีอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ว่าท่านมีความหวังว่าสร้อยฟ้าจะใจอ่อน
แต่นอกจากสร้อยฟ้าจะไม่กระโจนเข้าหาคนรักเก่าที่เฝ้ารอคอยและพร้อมที่จะดูแล เธอยังประกาศกร้าวด้วยการวางตัวห่างเหินเกินกว่าคนที่จะเป็นสหายกันด้วยซ้ำ
“หนึ่งเดือนมันคงจะเร็วเกินไป ฉันจะให้เวลาเธอค่อย ๆ คิดอีกหน่อยก็แล้วกัน แต่ฉันขออะไรสักอย่างเถิด อย่าใช้ถ้อยคำห่างเหินกันถึงเพียงนี้”
หม่อมเจ้าตะวันฉายโปรดให้บรรดาหม่อมและบุตรธิดารวมทั้งญาติที่สนิทไม่ต้องใช้คำราชาศัพท์กับท่าน เว้นเสียแต่ว่าอยู่ต่อหน้าบุคคลภายนอก ดังนั้นในวังตุลยาธรจึงมีเพียงคนรับใช้เท่านั้นที่ใช้คำราชาศัพท์กับท่านชาย
“ค่ะ ท่านชาย” สร้อยฟ้ารับคำเสียงอ่อนลง เมื่อเห็นว่าอดีตคนรักไม่ใช้อำนาจบังคับขืนใจให้เธอรู้สึกอึดอัด
ตั้งแต่ที่ย้ายเข้ามาอาศัยใบบุญตุลยาธร หม่อมเจ้าตะวันฉายก็เริ่มรื้อฟื้นความหลัง ทั้ง ๆ ที่เธอเดินหน้าต่อมานานเกินอายุของพระพาย จริงอยู่ว่าทั้งคู่เคยเป็นคนรักกันมาก่อน แต่เพราะฐานันดรของท่านชายตุ้มสูงศักดิ์เป็นถึงพระอนุวงศ์ ในขณะที่เธอเป็นเพียงสาวบ้านนอกที่กระเสือกกระสนเข้ามาเรียนหนังสือในพระนคร ในตอนนั้นเสด็จพระองค์ชายมีพระดำรัสให้ท่านชายตุ้มเสกสมรสกับหม่อมเจ้ารวี ท่านชายตุ้มมิอาจขัดพระทัยเสด็จพ่อได้จึงต้องเสกสมรสและขอร้องให้สร้อยฟ้ามาเป็นหม่อมอีกคน แต่สร้อยฟ้าเป็นสาวบ้านนอกที่ยึดถือผัวเดียวเมียเดียว เธอเข้าใจในความจำเป็นของท่านชาย แต่ก็เสียใจจนแทบจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ในเวลานั้นหม่อมราชวงศ์พศุตม์ซึ่งเป็นสหายสนิทกับท่านชายตุ้มเข้ามาดูแลและคอยให้กำลังใจ สร้อยฟ้าใช้เวลากว่าห้าปีถึงจะลืมท่านชายตุ้มได้และแพ้ความดีของพศุตม์ ในที่สุดทั้งสองก็แต่งงานกันและให้กำเนิดพระพายด้วยความรักในอีกสามปีต่อมา
สร้อยฟ้าหมดรักในตัวท่านชายตุ้มในเชิงชู้สาวโดยสิ้นเชิง เธอมอบหัวใจให้สามีแสนดีอย่างพศุตม์เพียงคนเดียวเท่านั้น
ปีเดียวกันกับที่สร้อยฟ้าแต่งงานกับพศุตม์ ท่านชายตุ้มก็รับจอมขวัญเป็นหม่อม แล้วให้กำเนิดหม่อมราชวงศ์รัชนีกรในอีกไม่กี่เดือนถัดมา ทำให้สร้อยฟ้ารู้ว่าระหว่างที่ท่านชายตุ้มพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้เธอมาเป็นหม่อม ท่านก็ลอบมีสัมพันธ์กับจอมขวัญที่แอบรักท่านมานานแล้วด้วยเช่นกัน
“หล่อนขึ้นมาทำอะไรบนเรือนนี้”
ทันทีที่สร้อยฟ้าเดินลงมาจากชั้นสามของตึกใหญ่ หม่อมปรางทิพย์ก็เข้ามาหาเรื่อง
“ท่านชายมีรับสั่งให้เข้าเฝ้าค่ะ”
“เข้าเฝ้าเรื่องอะไร แล้วทำไมต้องขึ้นไปเฝ้าถึงห้องบรรทม”
“ไม่ใช่ห้องบรรทมค่ะ ห้องโถงเล็ก”
“นั่นแหละ มาทูลออดอ้อนขออะไรอีกล่ะ แม่ลูกเหมือนกันไม่มีผิด”
