๕.๑ กรงนกขังใจ
๑ เดือนต่อมา
ดูเหมือนว่าพระพายจะทำใจเรื่องที่สูญเสียบิดาและวังระวิวรรณไปได้แล้ว ความเศร้าหมองเลือนหายไปจากใบหน้าสวยหวาน มีเพียงความสดใสตามวัยและเสน่ห์มากมายจนใครบางคนต้องมารับมาส่งที่โรงเรียนด้วยตัวเองทุกวัน
หม่อมราชวงศ์รพี ตุลยาธร ชะลอรถลงจอดหน้าโรงเรียนหลวงชื่อดังที่บรรดาลูกเจ้านายและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่หรือพ่อค้าวาณิชย์ที่ร่ำรวยมักส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ เขาจอดรถนิ่งอยู่ไม่นานกระจกประตูด้านข้างคนขับก็ถูกเคาะ รพีเอื้อมมือไปหมุนกระจกลงอย่างแปลกใจว่าเหตุใดพระพายจึงไม่ขึ้นมาเสียเลยเช่นทุกวัน
“น้องยังกินขนมไม่หมด พี่ชายพีรอสักครู่ได้ไหมครับ”
พระพายยกถุงขนมเบื้องให้รพีดูเป็นหลักฐาน เพราะวันนี้ผู้ปกครองมารับเร็วกว่าทุกวัน ครั้นจะถือขึ้นไปกินต่อบนรถยนต์คันหรูก็คงถูกคนพี่ต่อว่าเอาแน่
“เอาขึ้นมากินบนรถสิ”
“หืม…” น่าแปลก คุณชายเจ้าระเบียบยอมให้นำอาหารขึ้นรถคันโปรดด้วย ขนาดคนขับรถที่วังคุณชายรพียังไม่ใช้เลย เขายอมขับรถไปทำงานที่กระทรวงด้วยตัวเองเพราะเป็นคนเรื่องมากระเบียบจัด
“พี่บอกให้ขึ้นมา”
“ครับ ๆ”
พระพายรีบเปิดประตูด้านหลังเพื่อนำกระเป๋าหนังสือไปวาง แล้วก็วิ่งดุ๊ก ๆ มานั่งเบาะด้านหน้าเคียงคู่กับคนขับ ในมือถือถุงขนมเบื้องเจ้าอร่อยหน้าโรงเรียนมาด้วย
พระพายหยิบหนึ่งชิ้นยื่นไปตรงหน้ารพี “พี่ชายพีลองชิมสิครับ ขนมเบื้องเจ้านี้เพิ่งมาขายหน้าโรงเรียน เมื่อวานน้องลองชิมแล้ว อร่อยจนติดใจ วันนี้เลยซื้อมาฝากพี่ชายพีด้วย”
ซื้อมาฝากอะไรกัน เมื่อครู่ยังบอกอยู่เลยว่ายังกินไม่หมด คงกลัวว่าถ้ากลิ่นขนมติดรถจะมีความผิดอยู่คนเดียวมากกว่า จึงได้หาคนร่วมรับผิดชอบ เจ้าเล่ห์นัก
“พี่ขับรถอยู่จะกินได้อย่างไร”
คุณชายรพีเคลื่อนรถออกจากหน้าโรงเรียน พลางก็เหล่มองคนข้างกายว่าจะทำอย่างไรต่อ
“น้องป้อน”
ขนมเบื้องถูกยื่นเข้ามาจ่อถึงปาก ทำอย่างไรได้ก็ต้องอ้าปากรับเข้ามาเคี้ยวช้า ๆ
“อร่อยไหมครับ”
“อืม อร่อยแต่หวานติดลิ้นไปหน่อย” รพีให้ความเห็น ปกติเขาก็ติดของหวานหลังกินของคาว แต่ไม่นิยมหวานมากเพราะในวังต้องระวังเรื่องอาหารคาวหวานของท่านชายตุ้มที่เริ่มมีโรครุมเร้า
“แม่ค้าเพิ่งมาขายได้ไม่กี่วัน เลยใส่ครีมให้เยอะหน่อยเพื่อเรียกลูกค้า แต่น้องชอบนะครับ ชอบใส่ครีมเยอะ ๆ”
พูดแล้วก็เลือกหยิบขนมเบื้องชิ้นที่มีครีมเยอะที่สุดใส่ปาก เคี้ยวหงุบหงับอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าเนื้อครีมบางส่วนติดอยู่ตรงมุมปาก
รพีหันมาเห็นก็ยิ้มอย่างเอ็นดู พอดีว่ารถข้างหน้าจอดส่งผู้โดยสารเขาจึงต้องจอดตาม ได้จังหวะจับใบหน้าเล็กมาปาดนิ้วเช็ดครีมให้
“อื้อ”
พระพายเห็นคนพี่ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าจะเช็ดครีมที่ติดนิ้วไปก็เกิดเสียดายขึ้นมา รีบคว้านิ้วหัวแม่มือของพี่มาดูดครีมเข้าปากตัวเองอย่างรวดเร็ว
“จ๊วบ แผล็บ แผล็บ”
การกระทำนั้นทำเอากระแสไฟแล่นพล่านจากปลายนิ้วสู่หัวใจของคนตัวใหญ่ทันที ความอุ่นในอุ้งปากและความฉ่ำแฉะของเรียวลิ้นที่ตวัดเลียปลายนิ้วสร้างความรู้สึกมวนท้อง สายตาของน้องที่เหลือบมองมาอย่างใสซื่อเล่นเอาราชนิกุลหนุ่มวัยกำหนัดรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้ ใบหน้าคมร้อนผ่าวและแดงซ่านขึ้นมาในฉับพลัน
“พี่ชายพีไม่สบายหรือครับ”
พระพายผละปลายลิ้นออกจากปลายนิ้วใหญ่ แล้วยื่นหลังมือไปแตะแก้มคนพี่อย่างรวดเร็ว
“ปะ เปล่า พี่ไม่ได้เป็นอะไร”
รพีรีบรวบมือน้อยลงมา แต่ยังกุมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ก่อนจะสอน
“พระพาย อย่าเที่ยวไปทำแบบนี้กับใครอีกนะ”
“ทำอะไรหรือครับ”
“ก็ดูดนิ้วคนอื่นแบบเมื่อครู่”
ดูเหมือนว่าพระพายจะเพิ่งรู้ตัว เขาลืมไปว่าคุณชายรพีเป็นพวกระเบียบจัดและรักความสะอาด แล้วเขาดันไปเลียนิ้วอีกฝ่าย เช่นนี้น้ำลายก็คงติดนิ้วพี่สินะ
“น้องขอโทษครับ” พระพายรีบดึงผ้าเช็ดหน้าในมืออีกข้างของรพีมาเช็ดนิ้วให้เขา “พี่ชายพีทนเอาหน่อยนะครับ พอถึงวังแล้วน้องจะเอาน้ำเกลือมาล้างให้สะอาดเลย น้องขอโทษที่ทำนิ้วพี่ชายพีสกปรก”
“พี่ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
“แล้ว…?”
ดวงตาคมขลับไหววาบ จะบอกน้องว่าอย่างไรดีล่ะว่าการทำแบบเมื่อครู่มันเป็นหนึ่งในการเล้าโลมก่อนการสังวาส แล้วน้องก็ทำให้ความรู้สึกบางอย่างมันก่อตัวขึ้นมาในร่างกายของเขา ทั้งการกระทำ ทั้งสายตา ทั้งคำพูด อีกทั้งกลิ่นกายของพระพายมันมีผลต่อการตอบสนองของร่างกายและการสั่นคลอนของหัวใจเขาทั้งหมด
ปริ๊น!
ก่อนที่รพีจะได้อธิบายอะไรต่อ รถยนต์คันหลังก็บีบแตรไล่ด้วยถนนเบื้องหน้าโล่งไร้รถรา แต่รถยนต์ของเขายังจอดแช่นิ่งอยู่อย่างนี้
รพีรีบเคลื่อนรถออกมา แล้วหันไปสนใจกับถนนเบื้องหน้า ทิ้งให้พระพายค้างคาใจอยู่อย่างนั้น
หากไม่ใช่เพราะเขาทำนิ้วพี่เปื้อนน้ำลาย แล้วเพราะอะไรกันเล่าถึงดูดนิ้วพี่ไม่ได้
