โจวเฟยเทียน1.1
บทที่ 5 โจวเฟยเทียน
โจวเฟยเทียน นั่งเคร่งเครียดอยู่บนโซฟาตัวหนานุ่มภายในห้องทำงาน นับตั้งแต่ไปทำการสำรวจตลาดมืดครั้งก่อน แล้วมีโอกาสได้ช่วยเหลือหญิงสาวคนนั้น ชายหนุ่มมีความรู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ ไม่ว่าจะมองอะไรก็รู้สึกขวางหูขวางตาไปหมด ผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาด เขายังคงพกติดตัวอยู่ตลอดเวลา หวังว่าสักวันจะมีโอกาสได้พบกับเธออีกครั้ง
แต่ไม่ว่าจะไปยังตลาดมืดอีกสักกี่รอบ ก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบหน้าเธอ ยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดใจ โจวซือเหมยสังเกตว่าลูกชายของตนมีอาการเช่นนี้มานับอาทิตย์ ด้วยความสงสัยจนอดถามไม่ได้
“แม่เห็นว่าลูกหงุดหงิดอย่างนี้มาหลายวันแล้ว สินค้าที่สั่งมารอบนี้ ไม่ได้อย่างใจหรือยังไงกัน”
“เปล่าครับ ผมแค่รู้สึกรำคาญใจก็เท่านั้นเอง” ชายหนุ่มตอบคนเป็นแม่ออกไปเหมือนไม่มีอะไร
“ด้วยเรื่องอะไรกันนะ ถึงได้ทำให้ลูกชายของแม่หงุดหงิดรำคาญใจได้ขนาดนี้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่พิเศษมากๆ”
“ก็ไม่เชิงเท่าไรครับแม่ ก็แค่อยากจะตามหาคนคนหนึ่งให้พบเท่านั้นเอง” โจวเฟยเทียนยอมตอบในตอนที่ถูกถามอีกครั้ง
“คนนั้นของลูกผู้หญิงหรือผู้ชายกัน พอจะบอกแม่ได้ไหม” โจวซือเหมยถามอย่างสงสัยใคร่รู้ ว่าใครกันนะที่ทำให้ลูกชายร้อนใจได้ขนาดนี้
ชายหนุ่มเอียงใบหน้าไปทางมารดาอย่างครุ่นคิดอย่างมาก ต้องระมัดระวังคำพูดให้มาก เพราะมารดามักจะพยายามโน้มน้าวให้เขานั้นไปในทิศทางที่ต้องการเสมอ โดยเฉพาะเรื่องของคู่หมั้นคู่หมาย ตัวเขาในเวลานี้ยังไม่ต้องการถูกผูกมัดด้วยวิธีการโบราณ เขาอยากที่จะตามหาความรักในแบบที่ตัวเองต้องการ การแต่งงานจะต้องเกิดขึ้นจากความรัก ไม่ใช่เพราะขนบธรรมเนียมหรือความเกรงใจ
เขาทำเป็นมองไปทางอื่นแล้วพูดขึ้นเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรว่า
“เพื่อนร่วมงานครับ เขาหายหน้าไปหลายวันแล้ว งานที่สั่งเอาไว้ก็ไม่เสร็จสักที จึงทำให้ผมหงุดหงิดเพราะไม่สามารถติดต่อได้”
“ว้า เสียดายจัง แม่อุตส่าห์ดีใจว่าลูกชายอาจจะไปหมายตาผู้หญิงสักคนเข้าแล้ว แม่คงจะฝันลม ๆ แล้ง ๆ อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นแม่ขอถามอีกหน่อยเถอะว่าจะให้แม่รอแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน ใจคอไม่คิดว่าย่าจะอยากอุ้มหลานบ้างหรือไง” นางพูดขึ้นมาอย่างเสียดายที่ไม่ใช่เรื่องผู้หญิงที่ลูกชายพึงพอใจ ก่อนจะถามออกมาอย่างโอดครวญที่ป่านนี้ยังไร้วี่แววว่านางจะได้อุ้มหลาน
“แม่ครับ ผมยังอายุแค่นี้เอง เรื่องแต่งงานก็ยังไม่อยากจะคิดตอนนี้ กิจการที่กำลังทำอยู่ผมยังสามารถต่อยอดธุรกิจไปได้อีกมาก ยังไม่อยากที่จะมีครอบครัวให้เป็นภาระในตอนนี้” ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างโอดครวญไม่ต่างกัน เขายังไม่อยากแต่งงานในตอนนี้
“ภาระ ๆ ลูกพูดแบบนี้มากี่ปีแล้ว ตอนนี้สหายของลูก มีใครบ้างที่ยังไม่แต่งงาน กงเหยาก็แต่งงานไปแล้ว แม้แต่อาตุ้ยเองก็เหมือนกัน ยังอุตส่าห์ไปได้ลูกสาวของบ้านสกุลปิงมาเป็นภรรยา วาสนาดีเหลือเกิน”
“แม่ครับ ถ้าแม่อยากจะมีหลาน ก็คงต้องรอให้ผมว่างงานซะก่อน ผมยังไม่อยากจะมีห่วง มันจะทำให้ผมต้องคอยพะวงเวลาไปทำงานที่ไกล ๆ อีกอย่าง แม่ก็รู้ว่าธุรกิจของผมมันไม่สามารถอยู่กับที่ได้นาน ๆ ต้องอาศัยความชำนาญและประสบการณ์ พัฒนางานไปเรื่อย ๆ” ชายหนุ่มพยายามพูดให้แม่เข้าใจเขาเหมือนทุกครั้งที่แม่ถามเรื่องแต่งงานของเขา
“พูดไปเรื่อย แม่ไม่เคยเห็นว่าแกจะมีความคิดเห็นเหมือนแม่เลยสักครั้ง ไม่รู้ล่ะ อาทิตย์หน้าแม่สื่อจูจะมาที่บ้านของเรา ลูกจะต้องเลือกว่าที่คู่หมั้นออกมาให้แม่ให้ได้อย่างน้อยก็ต้องสักคน แม่อยากอุ้มหลานก่อนตายสักครั้ง” โจวซือเหมยพูดออกมาอย่างไม่ยอมแพ้ที่จะให้ลูกชายมีภรรยาเสียที เพราะนางอยากอุ้มหลานก่อนตาย
“ผมไม่รับปากนะครับแม่ เอาไว้ถ้าว่างจะลองนั่งอ่านให้ก็แล้วกัน แต่วันนี้ผมขอตัวก่อน พอดีมีนัดสำคัญ” พูดจบชายหนุ่มก็หาทางหนีทันที เพราะอยู่ไปก็คงต้องถูกเร่งรัดแต่เรื่องนี้
“แบบนี้ทุกที เวลาพูดกันเรื่องนี้ก็ต้องเอาเรื่องงานมาบังหน้าเพื่อหนีหน้าแม่ตลอด แล้วแบบนี้เมื่อไหร่พวกเราจะได้ข่าวมงคลสักที” โจวซือเหมยพูดขึ้นมาอย่างอ่อนใจ
ชายหนุ่มไม่สนใจฟัง เขาเดินออกจากบ้านไปจนถึงรถที่กำลังจอดรออยู่ คนขับรถเปิดประตูให้พร้อมกับรอให้เจ้านายใหญ่เข้าไปนั่งด้านในอย่างรู้หน้าที่
“ไปกองบัญชาการ” ขึ้นรถมาได้ชายหนุ่มก็แจ้งจุดหมายทันที
จุดหมายปลายทางของเขาในวันนี้ก็คือสถานที่ตั้งมั่นของกองกำลังทหาร ที่มีนายพลเหวินหยวนกำลังเฝ้ารอการติดต่อจากใครบางคน รถยนต์ของชายหนุ่มเข้าไปจอดทางด้านหน้าอย่างเปิดเผย บริษัทของตระกูลโจว เป็นผู้สนับสนุนให้ความช่วยเหลือกองทัพในหลาย ๆ ด้าน ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหลบซ่อนใด ๆ
รูปร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาภายในกองบัญชาการ นายพลเหวินหยวนมีท่าทีตื่นเต้นอย่างมากเมื่อได้เจอโจวเฟยเทียน
“สวัสดีครับคุณโจว” เขารีบทักทายออกไปทันที
“ไม่พบกันนานเลยนะครับท่านผู้การ ผมหวังว่าวันนี้จะได้ความ คืบหน้ากับข่าวที่เฝ้ารอ” โจวเฟยเทียนทักทายกลับและถามถึงเรื่องที่เขาให้อีกฝ่ายไปดำเนินการด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งน่าเกรงขาม
“เป็นเรื่องยากเหลือเกินกับการตามสืบเพราะเบาะแสที่คุณให้มาเล็กน้อยเช่นนี้ แต่ทางพวกเราก็ยังพอจะได้ข้อมูลมาบ้าง เดี๋ยวอีกสักครู่คงเข้ามารายงาน เชิญคุณโจวนั่งก่อนครับ” นายพลเหวินหยวนตอบกลับมาอย่างเป็นการเป็นงานและเชิญแขกไปนั่ง
