โจวเฟยเทียน1.2
โจวเฟยเทียนเดินไปนั่งลงยังเก้าอี้บนชุดรับแขก ก่อนจะหันกลับไปมองนายทหารอีกคนซึ่งกำลังเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ รายงานทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว” นายทหารคนนั้นทำความเคารพก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารให้ชายหนุ่มที่เป็นแขก
โจวเฟยเทียนรับแฟ้มเอกสารมาจากมือของนายทหารคนนั้นพร้อมกับเปิดออกอ่านทันที สายตาคมกวาดมองตามตัวหนังสือไปมาอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะถอนใจออกมาแรง ๆ
“ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพักหลังมานี้ทางกองทัพถึงต้องทำอะไรค่อนข้างรัดกุม เดาได้ว่าอาวุธสงครามที่ถูกลักลอบเข้ามาขายครั้งนี้ น่าจะมีคนในรู้เห็นด้วย” ชายหนุ่มอ่านจบก็ถอนหายใจและพูดขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร
“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะความช่วยเหลือของคุณ แทบจะพูดไม่ได้เลยว่าสินค้าทั้งหมดและการนำเข้าเกี่ยวกับอาวุธจะสะดวกราบรื่นอย่างที่เป็นอยู่ ทางเราต้องขอขอบคุณคุณมากนะครับ” นายพลเหวินหยวนเอ่ยขอบคุณแม้อีกคนจะอายุน้อยกว่า แต่ถ้าไม่มีชายหนุ่มคนนี้ เขาก็ไม่สามารถยืนหยัดในตำแหน่งได้มาจนถึงทุกวันนี้อย่างแน่นอน
“อย่าเกรงใจเลยครับท่านผู้การ พวกเราก็น้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า อย่างน้อยที่สุด อีกไม่ช้าไม่นานเราจะต้องตามตัวคนที่เป็นตัวต้นคิดเรื่องนี้ได้แน่ แต่ตอนนี้ผมมีเรื่องน่าสนใจนำเสนอกองทัพ ไม่ทราบว่าผู้การอยากจะฟังหรือเปล่า” ชายหนุ่มโบกมือไปมา ก่อนจะเข้าเรื่องที่เขาต้องการนำเสนอ
“ขอเพียงแค่เป็นความคิดเห็นจากคุณ ไม่ว่าจะพูดอะไรมาผมก็พร้อมจะรับฟัง” นายพลเหวินหยวนพูดขึ้นมาและตั้งใจฟัง
“เดือนหน้าผมจะมีสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ แล้วอยากจะให้ทางกองทัพช่วยเหลือเล็กน้อย ก่อนที่จะเข้ามาถึงน่านน้ำของเรา หลังจากนั้น ส่วนแบ่งกำไรที่ได้จากการส่งสินค้ารอบนี้ ผมจะแบ่งให้แก่ทางกองทัพอย่างน้อยสิบเปอร์เซ็นต์” ชายหนุ่มเสนอเงื่อนไขของเขาทันที
“น่าสนใจดี ตกลงการค้าของเราเป็นอันว่าเห็นพ้องต้องกัน เพราะฉะนั้นจากนี้ไปอีกหนึ่งเดือน ผมจะให้คนมารายงานเส้นทางการส่งสินค้า แล้วถึงตอนนั้นคุณค่อยรับแบ่งส่วนที่ควรจะได้ไป” นายพลเหวินหยวนพูดขึ้นมาอย่างพอใจ เพราะมองเห็นทางที่จะได้เงินเข้ากองทัพเพื่ออุดหนุนหน่วยที่เขารับผิดชอบอยู่
การตกลงซึ่งได้มาจากการพึ่งพาอาศัยในทำนองน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งป่า แต่ทางกองทัพให้ความเกรงใจในตัวของตระกูลโจวมากกว่าที่คิด แม้จะมีสินค้าซึ่งดูสุ่มเสี่ยงเกี่ยวกับการผิดกฎหมายการนำเข้า แต่นั่นกลับไม่เป็นปัญหาเมื่อโจวเฟยเทียนเอ่ยปาก
ชายหนุ่มออกมาจากกรมทหารมา เขายังคงส่ายสายตามองหาคนรูปร่างบอบบางทุกครั้งที่รถยนต์วิ่งออกไปตามท้องถนน
เขาแค่อยากจะรู้ว่าในตอนนี้หญิงสาวปริศนาคนนั้นอยู่ที่ไหน เขาหันไปทางคนคนสนิทพร้อมกับออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงมั่นคง
“ส่งคนไปเฝ้าที่ตลาดมืด ถ้าเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบางผมดำ ที่สำคัญ เธอจะค่อนข้างเป็นคนฉลาดมาก ให้ตามดูและเก็บประวัติมาให้ฉันให้หมด ถ้าจะให้ดี ไปสืบมาว่าเธออยู่ที่ไหนด้วย”
“รับทราบครับเจ้านาย” หวงซานที่เป็นคนสนิทขานรับคำสั่งทันที
“อีกอย่างพยายามอย่าทำให้เธอรู้สึกตัวว่ามีคนคอยติดตาม ฉัน ต้อง การจะรู้บางอย่างเงียบ ๆ อ้อ เรื่องนี้ให้เป็นความลับนะหวงซาน ห้าม คุณแม่รู้เด็ดขาด” ชายหนุ่มยังออกคำสั่งอย่างเข้มงวดเพราะกลัวว่าหากมารดารู้เรื่องนี้เข้า อาจจะเข้ามาวุ่นวายจนหญิงสาวคนนั้นอึดอัดใจได้
“ทราบครับ” หวงซานพยักหน้ารับคำสั่งอีกครั้ง ทั้งที่มีความสงสัยในใจไม่น้อย
จากนั้นโจวเฟยเทียนก็นั่งมองออกไปนอกรถต่อ เผื่อจะเจอเธอคนนั้น เขามีความรู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่เห็นหน้าผู้หญิงคนนั้น ตลอดเวลาที่เข้าไปเดินสำรวจในตลาดมืด ไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้เห็นผู้หญิงแบบเธอคนนั้น ผู้หญิงที่มีแววตาเฉลียวฉลาด คำพูดซึ่งไม่มีช่องว่างให้ใครเอาเปรียบ ผู้หญิงแบบนี้ถือว่าเป็นเพชรเม็ดงาม และหากลองเข้าตาเขาแล้ว ก็ยากเหลือเกินที่จะปล่อยให้หลุดมือ ชายหนุ่มอยากออกตามหาเธอด้วยตัวเขาเอง แต่ตอนนี้เขามีเรื่องสำคัญที่เขาจะต้องรีบสะสางนั่นก็คือ ตามหาตัวคนที่นำเอาอาวุธและสินค้าผิดกฎหมายเข้ามาจำหน่ายในตลาดมืด นอกจากนั้นเขายังจะต้องตามหาคนในคอมมูนที่ทำตัวเป็นหนอนบ่อนไส้ของกองทัพ เนื่องจากคน เหล่านั้นถึงแม้จะไม่เป็นอันตรายต่อเขาโดยตรง แต่ในไม่ช้าก็จะทำให้ศูนย์กลางของการทำงานของเขาอย่างกองทัพจะต้องเกิดปัญหาขึ้นในไม่ช้า
“แล้วเรื่องหนอนบ่อนไส้ จะให้จัดการต่ออย่างไรครับ ถ้าปล่อยไว้อาจ จะขยายวงกว้างได้นะครับ” ต้าหมิง คนสนิทอีกคนหนึ่งของชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นมา
“เรื่องแบบนั้นจะปล่อยให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด อย่าลืมส่งคนคอยตามสืบภายในกองทัพอีกด้วย ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้นนอกจากคนของตัวเอง อีกอย่าง หากรู้ว่ามีทหารคนไหนเข้าข่ายว่าจะทำตัวเป็นเกลือเป็นหนอน ก็ให้รายงานนายพลเหวินได้ทันที”
“ครับ” ต้าหมิงขายรับคำสั่งทันที
