ฉันจะเอาคืนอย่างสาสม 1.1
บทที่ 4 ฉันจะเอาคืนอย่างสาสม
หลังจากกลับมาจากตลาดมืด ในหัวสมองของหญิงสาวมีเพียงช่องทางการทำมาหากินวนเวียนอยู่เต็มไปหมด จนกระทั่งไม่ได้ยินเสียงของป้าสะใภ้ที่เรียก
“หูตึงหรือยังไง บอกให้มาช่วยทำงานในครัว แขกที่กำลังจะมาถึง พวกเขาต้องการคนครัวเพื่อที่จะทำอาหาร” ฮั่วอันหนานตะคอกใส่หญิงสาวอย่างเกรี้ยวกราด
“แล้วทำไมจะต้องไปช่วยด้วยละคะ งานเลี้ยงรับรองเพื่อประกาศให้ทุกคนรู้ว่าลูกชายของป้าสะใภ้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ก็ควรจะเป็นธุระของตัวเอง ฉันเพิ่งจะกลับมาจากการทำงาน คงไม่ว่างไปช่วยใครทำงานทั้งนั้น” หลี่ฟางซินตอบกลับทันทีเหมือนกัน เรื่องของบ้านใหญ่ก็ให้บ้านใหญ่จัดการกันเองสิ เกี่ยวอะไรกับเธอด้วยถึงจะต้องไปช่วย แค่ไปทำงานก็เหนื่อยพอแล้ว
“อย่าอวดดีไปหน่อยเลย ครั้งก่อนแม่ไม่เอาโทษเธอ ก็ไม่ใช่ว่าท่านจะยอมปล่อยไปง่าย ๆ คอยดูให้ดีเถอะ หลังจากงานเลี้ยงลูกชายฉันจบลง ยังไงเธอก็ต้องถูกลงโทษ” ฮั่วอันหนานพูดขึ้นมาอย่างข่มขู่ ก่อนจะสะบัดหน้าจากไป
ฮั่วอันหนานขอกู้หนี้ยืมสินจากบรรดาญาติพี่น้องของตนมาจัดงานเลี้ยงในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าบุตรชายของตัวเองอย่างหลี่คุณสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ ถึงแม้เงินที่มีจะไม่มากมาย แต่ตัวของฮั่วอันหนานเองก็ไม่ยอมที่จะเสียหน้า เธอรู้ว่าแม่สามีเป็นพวกที่ชอบให้คนอื่นเกรงใจ จึงจะต้องวางอำนาจและทำตัวให้ดูมีสง่าราศีอยู่ตลอดเวลา งานเลี้ยงครั้งนี้ต่อให้ต้องหมดเงินไปเท่าไร ก็ยังนับได้ว่ารักษาหน้าได้อย่างดี
หลังจากงานเลี้ยงสิ้นสุดลง ย่าหลี่บอกให้คนไปตามตัวหลี่ฟางซินมาพบ เธอก็ไปพบย่าหลี่ภายในห้องโถงโดยไม่ลังเลใจแต่ไม่พบ พบแต่ฮั่วอันหนานที่ยืนยิ้มอย่างเยาะเย้ยอยู่
“แม่อยู่ในห้องป้ายวิญญาณรีบเข้าไปสิ” นางบอกออกมาพร้อมกับแสยะยิ้ม
หลี่ฟางซินขมวดคิ้วอย่างสงสัย ที่คราวนี้ถูกเรียกตัวให้ไปในห้องที่มีป้ายวิญญาณของบรรพชน แต่แม้สงสัยเธอก็เดินเข้าไปอย่างเงียบๆ ก็พบย่าหลี่นั่งรออยู่ ครั้งนี้หญิงแก่มีใบหน้าบึ้งตึง เมื่อเห็นหลานสาวเข้าไปด้านใน
“คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ วันนี้ถ้าไม่สั่งสอน ก็คงจะไม่รู้สำนึก” ย่าหลี่ออกคำสั่งเสียงเข้มงวดทันที พร้อมกับชี้นิ้วไปตรงหน้าป้ายวิญญาณของบรรพชน
“คำว่าคุกเข่ามีไว้สำหรับคนที่ทำความผิด ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าทำอะไรผิดไป ช่วยอธิบายด้วย” หลี่ฟางซินยืนพูดอย่างไม่ยอมที่จะคุกเข่า แต่เธอก็โค้งศีรษะทำความเคารพป้ายวิญญาณอย่างมีมารยาท
“ยังจะมีหน้ามาปากแข็ง เด็กอย่างเธอ หากวันนี้ไม่สั่งสอนก็คงจะไม่มีทางรู้สำนึก คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะให้คนไปเอาไม้มาตีขา จนกว่าจะยอมคุกเข่าลง” ย่าหลี่ลุกขึ้นมายืนประจันหน้าก่อนจะตวาดใส่เสียงดัง พร้อมกับชี้ไปลงที่พื้นอย่างโมโห
“โอ้โห นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ยังคิดที่จะลงโทษกันแบบป่าเถื่อนอยู่อีกหรือไง บอกตามตรงนะคะ นอกจากคุณจะเป็นคนใจคอคับแคบกับ หลาน สาวตัวเองแล้ว ยังเป็นคนแก่ที่ค่อนข้างหัวรั้นมากๆ ฉันไม่เคยพบ คนแก่ที่ไหนลำเอียงและยังไร้คุณธรรมขนาดนี้มาก่อนเลย” หลี่ฟางซินพูดสวนกลับทันที คราวนี้เธอพูดในฐานะฟางซินคนที่มาจากโลกอนาคต โดยไม่ได้เคารพคนตรงหน้าในฐานะย่าอย่างที่ควรจะเป็น เพราะคนคนนี้ไม่ควรที่จะได้ความเคารพจากเธอ
“อวดดีเกินไปแล้ว ครั้งก่อนที่ไม่ลงมือสั่งสอน เป็นเพราะเห็นว่าเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บ และฉันเองก็ไม่ได้พาไปโรงพยาบาล จึงได้ละเว้นโทษเอาไว้ให้ แต่ครั้งนี้ป้าสะใภ้ไปเรียกให้มาช่วยงานทำไมถึงไม่มา คำพูดเย่อหยิ่งจองหองนั้นไปเอามาจากที่ไหน ดูท่าทางหลี่เกาจะสอนลูกได้ไม่ดีเสียแล้ว” หลี่กวนซิงโมโหจนลมแทบจับเมื่อโดนเด็กสาวต่อว่าขนาดนั้น จึงพูดไปถึงลูกชายที่เป็นบิดาของหลานสาวอย่างไม่พอใจ
“พ่อเป็นผู้ชายที่ดีมาก แม่ก็เป็นผู้หญิงและเป็นแม่บ้านที่ดีมากจริง ๆ เช่นเดียวกัน พวกเขาเพียงแค่อยู่ผิดที่ผิดทางเท่านั้น กับคำว่าสั่งสอนลูกหลานไม่ดี เห็นทีจะใช้คำนี้กับพ่อไม่ได้หรอกนะคะ” หลี่ฟางซินไม่พอใจอย่างมากเช่นกันที่พ่อของร่างนี้โดยต่อว่าอย่างไม่เป็นธรรม เธอจึงโต้ตอบกลับไปทันที
“แกพูดแบบนี้ออกมาหมายความว่ายังไง จะบอกว่าแม่อบรมใครไม่ดีกันแน่ ถ้ากล้าพูดก็ต้องกล้ารับอย่างเปิดเผย อย่าเอาแต่พูดพล่ามไปเรื่อย” ฮั่วอันหนานที่เดินเข้ามาฟังด้วยก็รีบพูดขึ้นมาทันทีอย่างร้อนตัว เธอกลัวว่าครอบครัวเธอจะโดนพาดพิงอีก
“คงไม่ต้องให้อธิบายมากหรอก เห็น ๆ กันอยู่ว่าลุงใหญ่วัน ๆ ไม่ทำงาน เอาแต่ใช้ให้พ่อไปทำงานแทนตัวเอง แล้วก็กลับมารายงานย่าเพื่อเอาหน้า แม้ แต่ตัวของหลี่คุณเองก็เหมือนกัน ถ้าหากว่าถูกคนอื่นถามถึง เรื่องคะแนนสอบและเนื้อหาในวิชาที่เข้าสอบ หากตอบไม่ได้ขึ้นมา คิดกันบ้างหรือเปล่าว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
คำพูดของหญิงสาวถึงกับทำให้ป้าสะใภ้ต้องอ้าปากค้าง ลูกชายของเธอไม่เคยมีความรู้ในเรื่องหนังสือ หรือแม้แต่บทประพันธ์ใดจริง ๆ คะแนนสอบที่ได้มา ก็เป็นเพียงคะแนนสอบระดับกลาง ไม่ได้เป็นคะแนนสอบระดับ สูงอย่างที่สมควรจะโอ้อวด แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังลงทุนไปมากกับการเลี้ยงคนเกือบทั้งหมู่บ้าน เพื่อที่จะประกาศให้รู้ว่าหลี่คุณสามารถเข้ามหาวิทยาลัยได้ แม้จะได้มาด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องก็ตาม
