บท
ตั้งค่า

ฉันคือหลี่ฟางซินคนใหม่ 1.2

เมื่ออีกฝ่ายพูดถึงแม่สามีขึ้นมา มารดาของหญิงสาวรู้สึกตื่นตระหนก ถึงขั้นเสนอตัวเพื่อที่จะทำตามคำสั่งเองแต่หลี่ฟางซินที่ได้ยินอย่างนั้น จึงเดินออกมาจากภายในห้องนอน เพราะจำได้ว่าภายในบ้านของตัวละครหลักมีคุณป้าสะใภ้ซึ่งมีนิสัยใช้ไม่ได้อยู่ และเธอก็คือต้นเหตุของเรื่องราววุ่นวายมากมายภายในนิยายเล่มนั้น เมื่อได้โอกาสกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งทั้งที ครั้งนี้หลี่ฟางซินจะต้องไม่ใช่หลี่ฟางซินคนเดิมแล้ว

“สวัสดีค่ะป้าใหญ่ ทำไมถึงต้องเกรี้ยวกราดแต่เช้าอย่างนี้ล่ะ รู้บ้างไหมคะว่าคนเราถ้าหากกราบไหว้บรรพบุรุษและเลี้ยงดูอย่างดีแล้ว แต่กลับทำตัวเป็นคนปากเสีย เที่ยวพูดให้ร้ายคนอื่นและยังไม่รู้จักความเกรงใจคนในครอบครัว ก็มักจะถูกวิญญาณของบรรพบุรุษลงโทษได้” หลี่ฟางซินเดินมายืนข้างๆแม่ของเธอแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“นี่แก..” ฮั่วอันหนานรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่โดนยอกย้อนจากเด็กสาว เธอหันไปมองหลี่จินเอียนแล้วพูดขึ้น “ไหนบอกว่าลูกสาวของเธอไม่สบาย ที่แท้แล้วก็ยังแข็งแรงดี ต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ได้อย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจ ฉันคงจะต้องบอกแม่แล้วว่าเธออ่อนด้อยในการอบรมลูก ๆ ต่อไปคงจะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลหลี่ของเราเสียหายได้แน่ ๆ”

หญิงสาวเห็นมารดา ซึ่งตามบทแล้วก็ไม่ค่อยจะสู้คนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่เมื่อครู่นางโต้เถียงออกไปเพื่อปกป้องเธอ เธอจึงเดินเข้ามาขวางหน้า พร้อมกับกอดอกเชิดหน้าขึ้นสูง มองดูใบหน้าที่แต่งประดับเอาไว้อย่างงดงามของป้าใหญ่อย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีความเกรงอกเกรงใจอย่างที่หล่อนบอกว่า

“โอ้โห เพิ่งเคยได้มีโอกาสเห็นหน้าป้าใหญ่ชัด ๆ ก็ครั้งนี้ แป้งที่ทาลงไปคงจะทาหนาน่าดูเหมือนกันนะคะ ถึงได้ทำให้หน้าหนาจนไม่รู้จักความเกรงใจคนอื่นแบบนี้ อีกอย่าง คนเราถ้าเรียกว่ามีน้ำยา ก็คงจะไม่ต้องขอยืมมือย่ามาทำให้คนอื่นปั่นป่วนอย่างนี้หรอกนะ หรือเป็นเพราะว่าเป็นคนที่มีนิสัยแบบนี้และทำจนเคยตัว จึงแยกแยะไม่ออกว่าสิ่งไหนดีสิ่งไหนไม่ดี สิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ จะให้ฉันสั่งสอนให้ไหมล่ะ ฉันยินดีสอนให้นะ”

คำพูดของหลี่ฟางซินทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะโดยปกติแล้วเธอไม่มีนิสัยกล้าสู้คนขนาดนี้ แถมใครสั่งให้ทำอะไรก็ก้มหน้าก้มตาทำอย่างไม่โต้แย้งสักครั้ง

“แก นังเด็กไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ พวกแกเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีเถอะ รับรองเย็นนี้ กับข้าวของบ้านรองจะต้องมีแค่

หัวไชเท้ากับน้ำแกงก้นหม้อเท่านั้น”

พูดจบฮั่วอันหนานก็หมุนตัวเดินกลับไปเธอเดินกระทืบเท้าคล้ายกับเด็ก ๆ ที่ไม่ได้ดังใจ

หลี่ฟางซินมองตามไปอย่างชอบใจ แต่เมื่อเธอหันกลับมามองใบหน้าของพ่อและแม่ เห็นพวกเขาอ้าปากค้างและมองมาที่เธอเหมือนกับตกตะลึง

“ทำไมต้องทำท่าทางตกใจขนาดนั้นด้วยคะ หรือเรื่องที่ฉันพูดไปเมื่อครู่เป็นเรื่องไม่จริงทั้งหมด ป้าสะใภ้เป็นคนนิสัยไม่ดี เธอมักจะชอบเอารัดเอาเปรียบคนอื่นโดยเฉพาะบ้านรองของเรา ต่อไปวันข้างหน้า ลูกชายของเธอก็จะก่อเรื่องได้ไม่หยุดหย่อนเหมือนเธอแน่ ๆ ที่เข้าทำนองดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” หลี่ฟางซินพูดขึ้นมาอย่างที่เธอคิด แม่ลูกก็คงไม่ต่างกัน ในนิยายก็เขียนไว้อยู่

“ฟางซิน ทำไมลูกถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ล่ะ เมื่อก่อนแค่เพียงได้ยินเสียงของป้าสะใภ้ลูกก็จะกลัวจนตัวสั่น ไม่ว่าจะถูกใช้งานหนักขนาดไหน ก็ไม่กล้าปริปากบ่น จนบางครั้งพ่อเองยังแอบรู้สึกสงสารลูก ๆ แต่ทำไมวันนี้ถึงได้พูดจาอย่างฉะฉานและใช้เหตุผลต้อนจนพี่สะใภ้จนมุมได้ขนาดนั้น” หลี่เกาถามขึ้นมาอย่างสงสัยในความเปลี่ยนไปของลูกสาวคนโต

หลี่ฟางซินได้ยินคำถามก็นึกหาคำตอบไม่ได้ แต่ที่เธอแสดงออกไปมันเป็นความเคยชินเวลาที่ต้องเข้าร่วมในการประชุมกับบอร์ดบริหารของบริษัท คนส่วนมากทำงานเพื่อที่จะทำให้หน้าที่ซึ่งได้รับเสร็จสิ้นและเรียบร้อย แต่ก็มีบางคนนอกจากจะไม่ลงมือทำแล้วยังจะทำตัวเป็นตัวถ่วง นอกจากนั้นระดับผู้บริหารที่สูงขึ้นไปมากเท่าไรก็ยิ่งมีอีโก้สูงเท่านั้น แม้จะทำผิด แต่คำว่าขอโทษก็ไม่เคยที่จะหลุดออกมาจากปากเลยสักครั้ง และบังเอิญว่าเธอเป็นพนักงานที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้กับความไม่ถูกต้อง ดังนั้นวันนี้พ่อและแม่ของฟางซินในโลกของนิยาย จึงมีโอกาสได้พบการใช้เทคนิคตอบโต้ขั้นสูงของเธอ

“วางใจเถอะค่ะพ่อแม่ ในเมื่อฉันฟื้นกลับมาจากความตายแล้ว ต่อไปมันก็จะไม่เป็นเหมือนที่แล้วผ่านมาเด็ดขาด ตอนนี้ฉันจะเป็นหลี่ฟางซินคนใหม่ พ่อแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันคงจะต้องตามน้ำไปก่อน ฉันจะไปทำงานเอง แล้วไม่ต้องให้ถงเอ๋อร์ตามไปช่วยนะคะ เรื่องนี้ฉันจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง” หญิงสาวเมื่อคิดหาทางออกได้แล้วก็หันไปพูดกับพ่อแม่

“แต่ลูกยังไม่หายดีนะฟางซิน” หลี่เกาพูดขึ้นมา เขาไม่อยากให้

ลูกสาวไปบ้านใหญ่ในตอนนี้ เพราะรู้ว่ามีอะไรรออยู่

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันหายดีแล้ว ฉันไปนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็เดินไปทางที่ฮั่วอันหนานเดินไป

หลี่จินเอียนและหลี่เกาไม่สามารถห้ามลูกสาวได้ พวกเขาทำได้เพียงมองเธอเดินออกไป

ส่วนหลี่ฟางซินก็เดินมาพร้อมกับแผนการบางอย่างในสมอง หากต้อง การที่จะทำความสะอาด แต่กลับไม่ลงมือหรือลงแรงด้วยตัวเอง รอจนกระทั่งมีคนอื่นทำจนแล้วเสร็จ ค่อยไปรายงานเพื่อเอาความดีความชอบ คนจำพวกนี้แม้แต่ในยุคสมัยที่เธออยู่ ก็ยังคงมีอยู่อย่างเกลื่อนกลาด ดังนั้นจะต้องสะสางสั่งสอนให้รู้สำนึกซะบ้างดีกว่า

“นั่นไง ซินเอ๋อร์มาแล้วค่ะแม่ แม่ต้องสั่งสอนหลานไม่ดีและก้าวร้าวคนนี้นะคะ มีอย่างที่ไหน เพิ่งจะเกิดแท้ ๆ แต่กล้าเถียงกับผู้ใหญ่ที่เกิดก่อน ต่อไปก็คงจะสร้างปัญหาให้กับตระกูลหลี่ของเราอย่างไม่ต้องสงสัย” ฮั่วอันหนานรีบฟ้องหลี่กวนซิงหรือย่าหลี่ทันทีเมื่อเห็นหลี่ฟางซินเดินเข้ามาที่บ้านใหญ่

“แน่นอนค่ะว่าจะต้องสร้างปัญหา แต่จะสร้างก็แค่ภายในบ้านตระกูล หลี่เท่านั้น ไม่ได้ออกไปก่อปัญหาให้คนนอกบ้านอย่างหลี่คุณนะคะ” หญิงสาวเดินมาถึงได้ยินพอดี ก็โต้กลับทันทีเหมือนกัน

“นี่เธอกล้าดียังไง ถึงมาโกหกว่าลูกชายของฉันจะไปก่อปัญหา แม่ดูสิคะ หลังจากที่ลื่นล้มหัวกระแทกพื้น ตื่นขึ้นมาก็คงจะกลายเป็นคนเสียสติไปแล้วแน่ ๆ แล้วแบบนี้เราจะกล้าให้คนเสียสติอยู่ภายในบ้านเดียวกับเราได้ยังไงกัน ต้องไล่ออกไปให้อยู่ข้างนอก ไล่ไปให้หมดทั้งครอบครัวเลยนะคะแม่” ฮั่วอันหนานรีบใส่ไฟทันทีเพราะเธอไม่ชอบบ้านรองมานานแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel