บท
ตั้งค่า

โลกของนิยาย

เธอจะตายภายในสามเดือน สามีจะถูกใส่ร้าย ลูกสาวจะโดนเอาไปเลี้ยง ลูกชายคนพี่จะหนีออกจากบ้าน ลูกชายคนเล็กจะต้องเลิกเรียนแล้วไม่เหลืออะไรดี

‘ฉันจะทำอย่างไรดี ทำไมฉันถึงต้องเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเอง และที่สำคัญทำไมต้องเป็นแม่ ทำไมต้องให้ฉันเห็นตอนจบที่เลวร้าย หรือเพราะว่าฉันเขียนมันค้างไว้ค้างตรงที่แม่ตาย’

หลินอวี้เหนียนกัดริมฝีปากจนเลือดซึมพลางมองไปรอบตัวอีกครั้ง บ้านหลังนี้ยังคงอยู่ เสียงทะเลาะยังคงดัง เด็กยังคงร้องไห้ ไม่มีใครรู้ว่าเธอไม่ใช่แม่ที่เคยอยู่ตรงนี้อีกแล้ว นี่มันนิยาย แต่ตอนนี้มันได้กลายเป็นชีวิตจริงไปแล้วและเธอยังเขียนให้เป็นนิยายยุค80ที่ข้าวยากหมากแพงอีก แล้วต่อไปนี้เธอจะใช้ชีวิตอย่างไร

‘ฉันจะเปลี่ยนตอนจบได้ไหม ถ้าเขียนได้ฉันก็จะเขียนใหม่ด้วยมือของฉันเอง’

หลังจากตั้งสติได้ หลินอวี้เหนียนที่กลายเป็นแม่ในนิยายที่เธอเขียน ตอนนี้ได้ยืนนิ่งอยู่กลางบ้านหลังเก่า บ้านที่เธอรู้ดีว่าอีกไม่นานมันจะกลายเป็นซากของครอบครัว

มือบางยกขึ้นลูบไปตามขอบเสาไม้ที่ผุพัง ด้วยใจที่สั่นจนแทบจะยืนไม่อยู่ บ้านนี้ยังไม่เคยแยกเรือน สามรุ่นอัดกันอยู่ในบ้านหลังเดียว รุ่นปู่ย่าที่ยังมีชีวิต รุ่นลูกชายและสะใภ้ ซึ่งก็คือเธอกับพี่น้องสามี และรุ่นหลานโตจนจะออกเรือนกันหมดแล้ว รวม ๆ กันก็มีสิบหกคน

ทั้งหมดอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ใช้ครัวเดียวกัน ห้องน้ำเดียวกัน จะก้าวเท้าก็แทบจะเหยียบกัน

‘บ้านหลังนี้มันเล็กอย่างที่ฉันตั้งใจเขียนไว้จริง ๆ’

หลินอวี้เหนียนหลับตาลงในขณะที่ใช้ความคิด ในนิยายที่เธอเขียนไว้ ซึ่งหลังจากแม่ตายบ้านหลังนี้จะระเบิดไม่มีใครเหลืออะไรดี พี่น้องจะฆ่ากันเองเพราะเรื่องที่ดิน ลูก ๆ จะเกลียดกันเพราะเงินสุดท้ายไม่มีใครเหลือครอบครัว

ซึ่งสิ่งแรกที่เธอต้องทำหากต้องการเปลี่ยนเนื้อเรื่องก็คือต้องแยกบ้านให้ได้ และเรื่องนี้ต้องคุยกับสามี จากเนื้อเรื่องอีกไม่นานซ่งอี้เหวินจะกลับมาจากสวน และระหว่างที่รอ หลินอวี้เหนียนก็คิดทางแก้ต่อไปอีกต่าง ๆ นา ๆ

‘ต้องพูดอย่างไรเขาถึงจะยอม แล้วถ้าเขาไม่ยอมล่ะ ฉันจะทำอย่างไรดี ทำไมชีวิตของฉันถึงต้องเจอเรื่องยุ่งยากตลอดเลย ทำไมกัน…’

ตึก! ตึก!

ระหว่างที่หลินอวี้เหนียนกำลังคิดแก้ปัญหา เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของใครบางคนก็ดังเข้ามาใกล้ เมื่อหันไปมองก็พบกับบุรุษที่มือทั้งสองข้างเปื้อนโคลน สวมเสื้อเชิ้ตตัวเก่าสีซีด รองเท้าฟางที่สานเองสวมอยู่กับเท้าที่เปรอะไปด้วยดินโคลนเช่นกัน

ร่างกายของเขาผอมแต่ดูแข็งแรง กล้ามเนื้อแขนเต็มไปด้วยรอยขูดขีดจากการทำงานในไร่ ใบหน้าคมเข้มแต่เต็มไปด้วยริ้วรอย และความเหนื่อยล้าเกาะอยู่ตรงหางตาทั้งสองข้างอย่างเห็นได้ชัด

‘เขาเป็นเหมือนที่ฉันตั้งใจเขียนออกมาทุกอย่างจริง ๆ’

หลินอวี้เหนียนรู้ได้ทันทีว่าบุรุษผู้นี้คือใคร เขาคือ ซ่งอี้เหวิน สามีในนิยายที่เธอแต่งขึ้นมา เธอจึงไม่รอช้าที่จะพูดเรื่องที่ตั้งใจไว้ในทันที

“ฉันอยากแยกบ้าน”

เมื่ออวี้เหนียนพูดขึ้น เสียงรอบตัวก็เงียบกริบทันที ตามมาด้วยซ่งอี้เหวินเงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้วเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ

“เธอพูดอะไรน่ะอวี้เหนียน”

“ฉันบอกว่าฉันอยากแยกบ้าน”

เมื่อภรรยาพูดซ้ำ ริมฝีปากหนาของผู้เป็นสามีก็ขยับเหมือนจะพูดอะไร แต่กลับยังไม่มีเสียงใดออกมา มือที่ยังมีโคลนติดอยู่สั่นนิด ๆ ก่อนที่เสียงเบา ๆ เหมือนขอร้องจะถูกเปล่งออกมา

“…อยู่ด้วยกันมาสามรุ่นแล้ว พ่อกับแม่ก็แก่แล้ว จะไปแยกบ้านได้อย่างไรกันล่ะ”

“ฉันเข้าใจ แต่ฉันไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในความอึดอัดแบบนี้อีกแล้ว”

ซ่งอี้เหวินนิ่งไปทันที เขาเป็นลูกชายคนกลางที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าการอยู่รวมกันคือความกตัญญู และการแยกบ้านคืออกตัญญู แยกบ้านคือทำให้พ่อแม่เสียใจ แยกบ้านคือคนในหมู่บ้านจะนินทา

“ถ้าไม่แยกบ้านฉันจะหย่า”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel