บท
ตั้งค่า

3

รถม้าของตระกูลหลี่ทั้งหมดมาจอดที่หน้าบริเวณจัดเวทีประชัน จากมุมมองของหลิงฟางคิดว่าผู้คนค่อนข้างรอคอยพวกนางเลยล่ะ ทั้งตระกูลหลี่ไร้บุตรสืบทอดมีแต่บุตรีที่ล้วนสวยสดงดงามและถึงวัยออกเรือนได้

อ้อ สตรีตระกูลหลี่ทุกคนคงไม่นึกถึงคุณหนูใหญ่ที่แม้คนในจวนบอกว่าสติไม่สมประกอบหรอก พอหลิงฟางลงจากรถม้ามา ล้วนถูกมองข้ามทั้งสิ้น เพราะด้วยชุดที่นางสวมนั้นกลืนไปกับชุดบ่าวไพร่แล้วไหนจะชื่อเสียงที่เริ่มจางหายไปจากความทรงจำผู้คนอีกเล่า

เหล่าคุณหนูเมื่อมาถึงก็พากันไปลงทะเบียนแซ่ นามและการแสดงส่วนตัว โดยหลิงฟางนั้นแทบจะถูกเยี่ยนจือจับมือเขียนชื่อการแสดงว่าเป็นการเย็บปักที่คุณหนูไร้ความสามารถส่วนใหญ่เลือก ซึ่งหลิงฟางก็ไม่ได้ขัดอันใดไป

ตลอดการแสดงนั้นหลิงฟางหลับสัปหงกเพราะความอ่อนเพลียจากพิษไข้ที่นางยังไม่หายดี จนเมื่อเวลาผ่านไปเข้าใกล้ชุดการแสดงของหลิงเจิน เยี่ยนจือก็ให้คนมาพาหลิงฟางไปหลังเวทีทันที

พิณหลังหนึ่งถูกเตรียมพร้อมไว้หลังผืนผ้าที่กั้นระหว่างคนเบื้องหลังและคนหน้าเวทีในตำแหน่งพอเหมาะ

ฝีมือดีดพิณของมารดาหลิงฟางเป็นที่ประจักษ์ถ้วนทั่วในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งเพลงผีเสื้อรื่นรมย์ เพลงที่นางกำลังจะได้บรรเลงในวันนี้ก็เป็นท่านแม่ประพันธ์ขึ้นเอง ด้วยอารมณ์เพลงสุดแสนสดใสทำให้คนฟังเหมือนหลงเข้าไปอยู่ในสวนดอกไม้ที่มีบุปผาส่งกลิ่นหอมโชยและมวลหมู่แมลงดอมดมได้ ทำให้เพลงนี้ถูกใช้เป็นเพลงแสดงความสามารถด้านพิณกันอย่างแพร่หลาย แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นท่านแม่ของนางที่บรรเลงได้ไพเราะที่สุด รองลงมาก็คงเป็นผู้เป็นบุตรีอย่างนางนั่นแล ที่ได้รับการถ่ายทอดทักษะมาโดยตรง

ทวาไม่รู้เยี่ยนจือรู้มาจากผู้ใด ว่าหลิงฟางบรรเลงเพลงไพเราะ เพราะในชาติก่อนนั้นนางถูกใช้ให้บรรเลงเป็นฉากหลังหลายครา มิคิดว่าชาตินี้นางจะถูกหลอกใช้เร็วว่าเก่าก่อน

หลิงฟางบรรเลงพิณเพลงของท่านแม่ที่นางคะนึงหาจนจบก็พาลน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่รู้ตึว นางนึกถึงความอบอุ่นของท่านแม่ เสียงปรบมือเกรียวกราวด้านหน้าเวทีช่วยเรียกสติหลังฟาง พอเดินกลับมายังที่นั่งของตนเองก็ได้รับสายตาหยักยิ้มพอใจของเยี่ยนจือส่งมาให้

หากเป็นชาติก่อนหลิงฟางคงปลื้มปริ่มยิ้มแก้มแทบปริไปแล้ว แต่มาตอนนี้นางเข้าใจว่ารอยยิ้มนั้นไม่ได้จะกล่าวชื่นชมนางแต่อย่างใด เพียงแต่ชอบใจที่นางทำตามสั่งอย่างไม่ขัดข้องต่างหาก

“ฝีมือพิณเจ้าพัฒนาขึ้นมากโขเชียว ได้อาจารย์ท่านใดสอนช่วยบอกแก่ข้าด้วย”

พอหลิงเจินเดินกลับมานั่งที่ ก็ถูกสหายคุณหนูทั้งหลายรายล้อมทันที ใบหน้าเปื้อนยิ้มนั้นยังไม่หายแดงจากความเขินอาย เมื่อได้รับคำชมก็ตอบรับทุกคำ ทำราวไม่รู้ว่าฝีมือเมื่อครู่เป็นของผู้ใดอย่างนั้นแหละ

“ข้าฝึกมากหน่อยเท่านั้น ตามจริงหากนิ้วมือมิมีแผลน่าจะบรรเลงได้ดียิ่งกว่าวันนี้ด้วยซ้ำ”

ในใจของหลิงเจินนั้นแม้นจะไม่ชอบใจที่คำชมเหล่านั้นเหมือนชมหลิงฟางที่เป็นคนบรรเลงเพลงพิณเสียมากกว่า แต่นางก็ไม่สนหรอก เพราะเมื่อครู่ตอนนางทำการแสดงพิณอยู่นั้น นางรับรู้ได้ถึงสายตาเสน่หาและประทับใจจากองค์ชายรองรุ่นเหยียนตลอดเพลง เมื่อจบก็มีเสียงปรบมือของเขานำก่อนใคร ทั้งที่การแสดงผ่านมาเขาล้วนไม่มีท่าทีชอบใจแสดงออกชัดเจนเพียงนี้

ให้เดาว่าตอนนี้หลิงเจินก็คงเข้าไปอยู่ในเสี้ยวหนึ่งในดวงใจขององค์ชายรองบ้างแล้วกระมัง...

จากที่โกรธท่านแม่ ที่อยู่ ๆ ให้หลิงฟางที่ตนไม่ชอบหน้ามาช่วยแต่พอเห็นผลลัพธ์เหล่านั้น ความโกรธก็หายวับจนเหมือนว่าไม่เคยมีอยู่เลยล่ะ

“โอ พวกเจ้าเงียบเถิด ต่อไปก็ถึงลำดับการแสดงของพี่สาวข้าแล้ว ให้เกียรตินางหน่อยเถิด ที่ผ่านมานางเตรียมมาอย่างดีเชียวนะ”

มุมปากที่หยักยกร้ายช่างขัดกับเนื้อความที่แสร้งหวังดีเสียจนหลิงฟางที่ถูกชักจูงให้เข้ามาเป็นศูนย์กลางของบทสนทนาอยากบิดเบ้ปากในทีแต่จำต้องอดไว้ก่อน

จากคำพูดของน้องรองล้วนเป็นการหยิบยื่นยาพิษให้หลิงฟางโดยอ้อม หากนางทำไม่ดีขึ้นมาก็พิสูจน์ได้เลยว่านางคือสตรีไม่เอาไหนหลุดจากที่ควรจะเป็นของสตรีจวนตระกูลหลี่

ฉะนั้นแล้วบุรุษใดจะอยากนำปลาเหม็นเน่าเข้าสู่ตระกูลตนกันเล่า หลังจากนี้แม้หลิงฟางไม่ชอบใจก็ต้องแต่งออกไปเพราะความกดดันจากทั้งคนตระกูลเองและอายุสิบเจ็ดย่างสิบแปดใกล้เป็นสาวเทื้อ นั่นแล...

ทว่าหลิงฟางคนนี้ต้องขออภัยที่ต้องทำให้พวกเขาผิดหวังเสียแล้วสิ เพราะนางไม่คิดหดหัวในกระดองเก็บงำความสามารถของคุณหนูตระกูลใหญ่อีกต่อไป ขัดขวางการแสดงความสามารถโดยการให้นางบรรเลงเพลงพิณที่ทั้งยากที่สุดและสุดยอดที่สุดแล้วอย่างไร

มิเคยได้ยินกันหรือว่า ภูผาสูงยังมีที่สูงกว่า แล้วมีหรือเพลงพิณตั้งแต่สมัยท่านแม่นางยังอยู่ แล้วจะไม่มีเพลงพิณที่เหนือกว่า...

พวกเขามองนางต่ำเกินไปแล้วล่ะ!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel