1.2
เมื่อกินอาหารจนอิ่มท้องนางก็ดื่มยาต่อจนหมดโดยไม่อิดออดอันใด เพราะนางจำได้ว่าวันนี้เป็นวันพิเศษต่อชีวิตนางอีกวันหนึ่ง ในชาติก่อนนางป่วยหนักจนไม่สามารถไปร่วมงานในเทศกาลซีซีในช่วงเย็นได้ ทำให้นามของคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่กลายเป็นตัวแทนของคุณหนูต้นแบบเรื่องไร้ความสามารถ อีกทั้งยังขี้ขลาดไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง ยามนางออกเรือนไปก็ถูกตระกูลสามีใช้เหตุผลนี้กดจนมิมีอำนาจในจวนเลย
ต้นเหตุของภาพลักษณ์อันแสนเลวร้ายนี้ล้วนมาจากน้องสาวต่างมารดา หลี่หลิงเจิน หรือ คุณหนูรอง ที่ไม่รู้อิจฉาอันใดนางนัก เรื่องบ่าวไพร่ในจวนละเลยไม่เห็นหัวล้วนมาจากคำสั่งสตรีนางนี้นั่นแหละ
เมื่อวานผลักหลิงฟางตกน้ำจนจับไข้ไม่พอ เมื่อเห็นว่ายังมีลมหายใจอยู่ก็ยังมาเยี่ยมหา เยี่ยงตอนนี้
เหม่ยฮวาเก็บจานชามไป ผ่านไม่ถึงเค่อสตรีร่างขาวผุดผาดในชุดสีชมพูอ่อนหวานก็เข้ามาพร้อมบ่าวหน้าคุ้นสองนางติดตามมาด้านหลัง
“เห็นว่าเจ้าไม่สบายหนักคงมิอาจไม่ร่วมงานเย็นนี้ได้กระมัง”
หลิงฟางนั่งอยู่เก้าอี้ในห้องตั้งแต่มื้อกลางวันไม่ลุกไปไหน สายตานิ่งมองมายังสตรีสามนางที่มาใหม่อย่างไร้ความหวั่นเกรงเหมือนอย่างเคย
“ไม่รบกวนให้น้องรองต้องเป็นกังวลไปหรอก ข้าหายดีแล้วย่อมไปร่วมงานเย็นนี้ได้แน่นอน”
สายตาสำรวจจ้องมาจนคนถูกจ้องแทบพรุน พอเห็นว่าหลิงฟางดูไม่ได้ป่วยหนักอย่างใจคิด คุณหนูที่มักมีแต่เรื่องดั่งใจก็แสดงหน้าหงุดหงิดทันใด
“เหอะ อย่างนั้นแปลว่าบ่าวของเจ้าปดน่ะสิ เมื่อคืนไยมาแจ้งพ่อบ้านว่าเจ้าป่วยหนักจนถึงขั้นขอให้ไปเรียกหมอกัน!”
หลิงฟางน่ะแสนจะเกลียดไอ้คนที่เมื่อสู้ไม่ได้ก็ลากบ่าวไพร่มารับแรงอารมณ์ตนเยี่ยงสตรีตรงหน้าเสียจริง ที่ผ่านมา
เหม่ยฮวารับเคราะห์แทนเจ้านายไม่ได้เรื่องมามาก ครานี้อย่าหวังว่านางจะง่ายดั่งลูกพลับนิ่ม เลย
จะทำอันใดบ่าวของนางต้องข้ามหลิงฟางคนนี้ไปก่อนเถอะ!!!
“โอ น้องรองก็รู้หนิว่าข้าป่วยหนัก ไยไม่เห็นมีหมอมารักษาข้าสักรายเลย เหม่ยฮวาพูดไปหาได้เกินจริงไม่ ทว่าช่างโชคดีนัก สวรรค์คงเข้าข้างข้า มิรู้เคราะห์ดีอันใดถึงตื่นมาก็หายไข้เสียอย่างนั้น อีกทั้งเมื่อคืนข้ายังฝันอีกนาว่า ท่านจะไปลงโทษคนที่ผิดต่อพี่ให้ได้รับผลกรรมไม่แพ้กัน น้องรองว่าคนที่ทำให้พี่ตกน้ำไปเดิน ๆ อยู่จะตกน้ำเหมือนพี่หรือไม่ ฮ่าฮ่า”
หลิงฟางพูดไปเพียงอยากให้หลิงเจินหวาดกลัวเล่น หรือไม่ก็อย่างน้อยขอปั่นประสาทเสียหน่อยเท่านั้น พอได้เห็นท่าทางราวผีเข้าเป็นโกรธเป็นแค้นของผู้เป็นน้องก็พอใจแล้ว
“พูดเรื่อยเปื่อยอันใด สวรรค์มีจริงเสียที่ไหนกัน หากมีจริงไฉนเจ้ายังมีสภาพน่าเวทนาเยี่ยงนี้อีกเล่า ไยเจ้าไม่ขอพรให้เจ้าขึ้นสวรรค์ไปเสีย จวนตระกูลหลี่จะได้รุ่งเรืองขึ้นเสียที!”
“อืม น้องรองรู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ขอพร ไม่แน่ข้าอาจจะขอให้เจ้าขึ้นสวรรค์แทนก็ได้ใครจะรู้กัน ใช่ไหมเจ้าคะท่านเทพ”
ในเมื่อพูดกันดีดีหลิงฟางรู้ว่าน้องจอมหาเรื่องผู้นี้ไม่ไป นางก็สร้างเรื่องราวมันเสียเลย
พอพูดจบก็แสร้งทำทีมองเลยข้างหลังทุกคนไปเหมือนพูดประโยคสุดท้ายกับใครสักคน ทั้งที่ตรงนั้นคือความว่างเปล่าเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแปลกประหลาดทั้งหมดในมุมมองของ
หลิงเจิน!
แน่นอนหลิงฟางคนเดิมหาได้เคยต่อล้อต่อเถียงหลิงเจินมากมายเพียงนี้ไม่ ยามปรกติเพียงหลิงเจินมา สตรีขี้ขลาดนั่นก็กลัวจนหัวหด นิ่งเงียบและพยักหน้ารับคำแล้ว ไยตกน้ำจับไข้ไปแล้วเปลี่ยนไปราวคนละคนเยี่ยงนี้!
จากคนไม่เคยกลัวเรื่องผีสาง มาเห็นความเปลี่ยนแปลงของสตรีตรงหน้าผสมกับคำพูดกล่าวอ้างถึงสวรรค์ก็พาลเอาแอบหวิวในใจได้ พอไม่เห็นใครข้างหลังแต่คนตรงหน้ากลับพูดด้วย
ก็ไม่อยากอยู่ต่อแม้เพียงเสี้ยวเดียว
ไม่ใช่เพียงแต่เจ้านายเท่านั้น บ่าวทั้งสองด้านหลังก็มองซ้ายขวาพร้อมค่อย ๆ ก้าวถอยหลังอย่างพร้อมเพรียงแบบไม่ได้นัดหมาย
สุดท้ายพอหลิงฟางเห็นเหล่าผู้บุกรุกเริ่มถอยไปชักช้าไม่ทันใจ เลยหาสิ่งกระตุ้นเสียหน่อย
ร่างผอมบางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างไม่มีใครคาดคิดอีกทั้งยังทำให้เก้าอี้ที่ไม่ได้แข็งแรงมั่นคงอันใดล้มลมเกิดเสียงครึกโครม !!!
บัดนั้นเองผู้บุกรุกทั้งสามก็วิ่งเผ่นแนบไม่เหลือเงา วิ่งแบบไม่เหลียวหลัง จากไปรวดเร็วจนไม่ทันหันมองหลิงฟางที่อดอั้นไม่ไหวปล่อยเสียงหัวเราะชอบใจเลย
“คุณหนูมิกลัวคนในจวนหาว่าท่านประหลาดหรือเจ้าคะ เดี๋ยวถูกใส่ร้ายไปจะเป็นเรื่องใหญ่เอาได้นะเจ้าคะ”
เหม่ยฮวาที่ยิ้มแต่ไม่เต็มปากเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล ซึ่งสิ่งที่บ่าวผู้นี้พูดนั้นมิใช่ว่าหลิงฟางไม่ทันคิด เพียงแต่สถานะตอนนี้ก็ไม่ได้ดีกว่ากันเท่าใดหรอก ทว่าพอมีประกาศเรื่องพระราชทานสมรสระหว่างนางกับท่านแม่ทัพใหญ่ที่เพิ่งชนะศึกมา พวกคนในจวนอยากฆ่านางให้ตายมากเพียงใดก็มิอาจทำได้แล้ว
...ส่วนจะถูกทรมานเพิ่มไหม มันก็คงไม่มีอันใดมากไปกว่านี้แล้วล่ะ
อย่างน้อยงานเทศการซีซีเย็นนี้หลิงฟางก็สามารถไปเข้าร่วมได้ อย่างน้อยนี่ก็ต่างไปจากอดีตแล้วมิใช่หรือ นางจะใช้เทศกาลซีซีนี้ช่วยสร้างความมั่นคงให้ตนเองนี่ล่ะ