บทที่ 2 เริ่มต้นใหม่
บทที่ 2 เริ่มต้นใหม่
“ลายมือคุณหนูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ แอบไปฝึกตอนไหนกัน” ซือเจียที่เหลือบมองตัวหนังสือที่คุณหนูของนางกำลังตวัดปลายพู่กันอย่างคล่องแคล่วให้ความรู้สึกเพลินตา
“งั้นหรือ” ซินหยานไม่ได้ตอบอะไรมากนักเหมือนไม่ได้สนใจคำถามของอีกฝ่ายและเขียนต่อไป
ในชีวิตก่อนตอนที่ยังอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ซินหยานแทบจะอ่านหนังสือไม่ออกเลยสักตัว พอนางบอกว่าไม่ชอบท่านตาก็ไม่บังคับ ยิ่งกับน้าสะใภ้ที่ไม่อยากให้หลานรักคนนี้ได้ดียิ่งปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
การที่นางเขียนหนังสือไม่ได้และอ่านไม่ออกอาจจะเป็นหนึ่งในชนวนที่สร้างความขัดแย้งระหว่างนางและมารดา
เมื่อท่านแม่ของนางรู้ว่าบุตรสาวคนนี้ไม่ได้เรื่องขนาดไหนก็เคี่ยวเข็ญนางทุกอย่าง หากนางปฏิเสธก็จะโดนลงโทษท้ายที่สุดทุกอย่างก็เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ
ตั้งแต่เมื่อใดกันที่ระหว่างเฉินซินหยานและเพ่ยเจินมีกำแพงตั้งตระหง่านสูงชันจนไม่สามารถเอื้อมไปหากันได้ อาจจะตั้งแต่ที่ตอนนั้นมารดาของนางไม่ยอมเชื่อคำพูดของบุตรสาวคนนี้จนส่งนางมาอยู่ที่นี่
“ฝากจดหมายนี้ไปให้ท่านตาที บอกท่านตาว่าข้าอยากส่งมันให้ท่านปู่อย่างด่วนที่สุด”
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก็ถึงเวลานอน ซินหยานทิ้งตัวลงบนเตียงหลังเล็กที่คุ้นเคย ห้องนี้เหมือนหลุมหลบภัยของนางในวัยเด็ก พอได้กลับมาอีกครั้งก็ทำให้จิตใจปลอดโปร่งขึ้นมาบ้าง
“พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่” ซินหยานพึมพำก่อนจะผล็อยหลับไป
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าที่สาดส่องผ่านหน้าต่างบานเล็กพาให้เด็กน้อยขี้เซาค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นทีละน้อย และก็พลิกตัวไปอีกฝั่งเพื่อนอนต่อ
“ข้าเห็นนะเจ้าคะคุณหนูว่าท่านตื่นแล้ว” เสียงสดใสของใครบางคนดังมาจากปลายเตียง
“...” ซินหยานทำหูทวนลมและดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมจนมิดศีรษะ
“คุณหนู อย่าดื้อสิเจ้าคะ” ซือเจียบ่นเสียงเล็กเสียงน้อย มือก็จับปลายผ้าห่มแกว่งไปมา
“รีบแต่งตัวให้ข้าเร็วเข้า” ซินหยานนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นางรีบดีดตัวขึ้นมานั่งด้วยความรวดเร็ว
นางจะต้องรีบตื่นขึ้นมาเพื่อดูว่าน้าสะใภ้ของนางจะตอบสนองท่าทีที่นางแสดงเมื่อวานอย่างไร
ผลที่ตามมาก็ไม่ได้ต่างไปจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้มากนัก ซินหยานถูกลดอาหารให้เหลือแค่ข้าวต้มเปล่าๆอย่างเดียวไม่มีแม้แต่เครื่องเคียงสักอย่าง
น้าสะใภ้ให้เหตุผลกับท่านตาว่าเพราะเมื่อวานซินหยานทานขนมเข้าไปเยอะท้องไส้ก็ไม่ดี ให้ทานข้าวต้มเพื่อปรับความสมดุล
ต่อให้ท่านตาของนางอยากจะช่วยหลานรักแค่ไหนแต่ก็ไม่อยากให้เรื่องราวมันบานปลายไปมากกว่านี้ เพราะถ้าเขาทำอะไรไปผลสุดท้ายก็จะมาตกที่ซินหยานอีกอยู่ดี
เฉินซินหยานทนกินข้าวต้มทุกมื้อมาเป็นเวลาสามวันแล้ว พอดีกับที่จดหมายตอบกลับจากท่านปู่ของนางก็เดินทางมาถึงเช่นกัน
“คุณหนูมีความสุขเรื่องอะไรหรือเจ้าคะ” ซือเจียถามด้วยความแปลกใจ
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คุณหนูของนางมีท่าทีต่อต้านเซียวฮูหยินขึ้นมาบ้างแล้ว แต่พอโดนลงโทษก็ดูจะกลับไปเงียบสงบเหมือนเดิม แต่เด็กๆก็คงจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาง่ายเช่นนี้
“ท่านปู่ตอบจดหมายข้ามาแล้ว เจ้าดูสิ” มือเล็กๆยื่นจดหมายให้อีกคนดู
ซือเจียมองกระดาษที่อยู่ในมือคุณหนูของนางแล้วก็ต้องเบิกตาโพลง ในอกเต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก ถึงเนื้อความจะมีแค่ไม่กี่บรรทัดแต่นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากเลยทีเดียว
“นายท่านตอบจดหมายของคุณหนูจริงๆด้วย หรือว่าพวกเขาจะให้อภัยคุณหนูแล้วเจ้าคะ” ซือเจียรีบถามด้วยความตื่นเต้น
“เปล่าหรอก ข้าไปรีดไถเงินเขามา” ซินหยานยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ไถเงิน ! ” ซือเจียเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง
ซือเจียได้แต่คิดโทษตัวเองที่คิดว่าคุณหนูแค่แปลกไปไม่กี่วันก็หาย นี่นางถึงกับกล้าส่งจดหมายไปขอเงินนายท่านเฉินเลยหรือ ใจกล้าเกินไปแล้ว
“เฮ้อ ไม่ต้องคิดมากหรอก”
“จะไม่ให้บ่าวคิดมากได้อย่างไรกันเจ้าคะ นี่ใช่เรื่องเล็กเสียเมื่อไหร่กัน”
“ไม่ต้องห่วง เงินส่วนนี้คือเบี้ยเลี้ยงที่ลูกหลานตระกูลเฉินทุกคนควรจะได้ทุกเดือนอยู่แล้ว ข้าก็แค่ขอในส่วนของข้าย้อนหลังเท่านั้นเอง” ร่างบางช่วยไขข้อสงสัยให้กับบ่าวที่ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาเสียให้ได้
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ...”
“เชื่อข้าสิซือเจีย ที่ข้าทำไปล้วนมีเหตุผล”
“ถ้าเช่นนั้น คุณหนูจะเอาเงินไปทำอะไรเจ้าคะ”
อย่างน้อยซือเจียคิดว่านางก็ควรรู้ว่าคุณหนูของนางจะเอาเงินมากมายเหล่านั้นมาใช้จ่ายไปกับสิ่งใด เพื่อป้องกันผลร้ายที่อาจจะเกิดขึ้น
“เป็นความลับ” ซินหยานกระซิบเสียงเบา
ยังไม่ทันที่บ่าวคนสนิทจะพูดอะไรต่อซินหยานก็รีบวิ่งออกจากห้องไปเพื่อไปยังห้องทำงานของท่านตาของนางทันที
“ท่านตาาาา” เสียงสดใสของซินหยานดังไปตลอดทางที่นางวิ่งผ่านเรียกความสนใจของบ่าวรับใช้ให้ต้องหันมองตาม
“อย่าวิ่งสิซินซินเดี๋ยวก็หกล้มเจ็บตัวอีก” ผู้เป็นตาบอกเสียงดุแต่ก็แฝงไปด้วยความเป็นห่วง
เฉินซินหยานแค่ยิ้มกว้างเป็นการตอบรับ ราวกับว่านางไม่ได้มีเรื่องทุกข์ร้อนอะไรทั้งๆที่ต้องทนกินข้าวต้มมากี่มื้อแล้วก็ไม่รู้
“ได้มาไหมเจ้าคะ” สายตาซุกซนกวาดไปทั่วบริเวณห้องเพื่อหาสิ่งที่ต้องการ
“เจ้าหมายถึงสิ่งใดกัน”
“ท่านตาไม่ต้องมาทำเป็นไขสือเลยเจ้าค่ะ” นิ้วชี้ป้อมๆโบกไปมาตรงหน้าผู้เป็นตาราวกับรู้ทัน
“เอ้า รับไป” ตั๋วเงินจำนวนหนึ่งถูกวางลงตรงหน้าซินหยานให้นางฉีกยิ้มกว้าง
“ท่านตาดีที่สุดเลยเจ้าค่ะ” ซินหยานรวบกระดาษตรงหน้ามากอดไว้ด้วยความหวงแหน
“เจ้าจะเอาเงินมากมายขนาดนี้ไปทำอะไรซินเอ๋อร์”
“ท่านตาได้ข่าวไหมเจ้าคะว่าช่วงนี้ไหมราคาถูกมากแทบจะราคาต่ำที่สุดในรอบเกือบสิบปีเลย” ซินหยานพูดน้ำเสียงไม่จริงจังนักเหมือนสิ่งที่พูดออกมาเป็นเรื่องทั่วไป
“หืม เจ้าสนใจเรื่องการค้าพวกนี้ด้วยหรือ” ผู้เป็นตาเลิกคิ้วสูงด้วยความใคร่รู้
ต้องยอมรับว่าช่วงนี้ซินเอ๋อร์ของเขาเปลี่ยนไปอยู่บ้างแต่นี่ถึงกับสนใจเรื่องความเป็นไปของกิจการของผู้ใหญ่ด้วย
“ข้าบังเอิญได้ยินพวกบ่าวพูดกันเจ้าค่ะ”
“แล้วเจ้าอยากจะซื้อพวกมันไว้งั้นสินะ” เขาก็พอจะเข้าใจได้ว่าหลานตัวน้อยคงจะอยากเล่นสนุกตามประสาเด็กแต่นี่ก็เป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลย
“ใช่เจ้าค่ะ” ซินหยานพยักหน้ารับ ในหัวก็วางแผนว่าจะใช้เงินเจ็ดร้อยตำลึงนี้อย่างไรดี
