หนึ่ง ย้อนเวลากลับมาในคืนแต่งงาน
นี่นางย้อนเวลากลับมาใหม่หรือนี่!!!
ช่วงเวลานี้น่าจะเป็นคืนเข้าหอในวันแต่งงานของนางและโจวซินเหยียน เนื่องจากนางจดจำการแต่งงานที่มิเหมือนผู้ใดในครั้งนี้ได้แม่นยำ
การแต่งงานที่มิมีแขกภายนอก
การแต่งงานที่มีเพียงการส่งเกี้ยวไปรับเจ้าสาว แต่มิมีพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน มิมีการยกถ้วยน้ำชาหรือการส่งตัวเข้าหอใดใดทั้งสิ้น
เพราะอันใดน่ะหรือ....
มิใช่ว่าฝ่ายเจ้าบ่าวต้อนรับดูแลนางไม่ดีหรอก ตรงกันข้ามพวกเขาล้วนดูแลนางอย่างดีมาโดยตลอดยามที่นางเดินเข้ามาในวังชินอ๋องแห่งนี้ แต่เหตุผลสำคัญยิ่งเพียงประการเดียวคือ...
เจ้าบ่าวของนางหรือชินอ๋องผู้ยิ่งใหญ่เวลานี้นอนป่วยมิได้สติสภาพมิต่างอันใดกับผักต้ม
มิตื่นมิฟื้นแต่ยังมิตาย
นี่เป็นคำนิยามที่เย่วซินขอมอบให้แก่เจ้าบ่าวของนางก็แล้วกัน
การฟื้นคืนชีวิตและได้ย้อนเวลากลับมาก่อนที่ครอบครัวของนางเผชิญกับหายนะ
นี่หมายความว่า สวรรค์ให้โอกาสที่สองแก่นางงั้นหรือ
ชาติที่แล้วเย่วซินได้แต่มองตระกูลของตนเองล่มสลาย
โดนกล่าวหา โดนใส่ร้ายทั้งที่มิสามารถยื่นมือเข้าไปช่วยอันใดได้
ชาตินี้ได้ย้อนเวลากลับมเย่วซินคนนี้ขอสัญญาว่าจะมิทำให้สวรรค์ต้องผิดหวัง!
นางจะต้องหาตัวคนใส่ร้ายและมอบจุดจบที่คู่ควรให้แก่มันให้ได้อย่างแน่นอน!
ทว่าเดี๋ยวก่อน....เวลานี้สิ่งที่สำคัญที่สุดมิใช่การหาตัวคนผิด แต่นางต้องพาตัวเองออกจากต้นเหตุที่พานางไปสู่หายนะเช่นการแต่งงานกับบุรุษเห็นแก่ตัวผู้นี้ให้ได้เสียก่อน
เย่วซินต้องการหย่า
หย่าแม้ว่าจะแต่งมาได้เพียงหนึ่งคืนก็ตามที
“นั่นพระชายาจะไปที่ใดหรือเพคะ ออกจากตำหนักนี้มิได้นะเพคะ”
แน่นอนว่านางกำนัลวิ่งตามเย่วซินที่อยู่ดีดีก็ก้าวเท้าลงจากตั่งนอนหลังใหญ่แหวกม่านสีแดงสดเดินออกมาจากห้องหอที่ไร้รี่แววเจ้าบ่าว
ห้องนี้คงเป็นเพียงห้องหอแค่เพียงภายนอก เพียงการตกแต่งเท่านั้น ชาติที่แล้วก็เช่นกัน เย่วซินต้องนอนหลับในคืนเข้าหออย่างโดดเดี่ยวไปทั้งคืนจวบจนเช้าตรู่
มิใช่เพราะเจ้าบ่าวรังเกียจนางหรอกเย่วซินรู้ดี แต่เพราะเจ้าบ่าวยังคงนอนเป็นผักรอการรักษาขั้นสุดท้ายในค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวงคืนนี้ต่างหาก
เย่วซินรู้ความลับข้อนี้เมื่อชาติที่แล้ว
คนของตำหนักชินอ๋องล้วนไปรวมตัวกันที่ลานด้านหลังตำหนักเพื่อรอลุ้นผลจากการรักษาครั้งสำคัญของเจ้านายตนเอง
หากการรักษาครั้งไม่สำเร็จเท่ากับว่าโจวซินเหยียนจะกลายเป็นหุ่นกระบอกที่มีลมหายใจ เป็นผู้ป่วยนอนติดเตียงไปตลอดชีวิต
ชาติที่แล้ว....
การรักษาครั้งนี้เย่วซินมิได้มาร่วมนั่งภาวนากับบรรดาคนในตำหนัก มิใช่เพราะนางไม่แยแสกับอาการป่วยของสามีนางหรอกนะ
แต่....
เพราะว่าไม่มีใครบอกนางเรื่องการรักษาในครั้งนี้ต่างหาก ทั้งๆที่ตระกูลของนางมีส่วนทำให้เกิดการรักษาเพื่อถอนพิษของโจวซินเหยียนมากมายขนาดไหน
หากถามว่าตระกูลนางมีส่วนเกี่ยวข้องในการรักษาอย่างไรคงต้องย้อนไปถึงข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ทำให้เกิดการแต่งงานระหว่างองค์ชายสามพระโอรสของฮ่องเต้คนปัจจุบันกับบุตรสาวของตระกูลพ่อค้าธรรมดาที่มีดีแค่ร่ำรวยเงินทองแต่หาได้มีฐานะบรรณาศักดิ์ใดเหมาะสมกับตำแหน่งพระชายาสักนิดไม่
แล้วทำไมจึงเกิดการแต่งงานครั้งนี้ได้?
เพราะเมื่อหกเดือนก่อนชินอ๋องหรือโจวซินเหยียนถูกวางยาพิษชนิดร้ายแรงพิเศษจนกลายเป็นสลบไสล นอนป่วยมิต่างอันใดจากหุ่นกระบอกไม้
หนักขนาดหมอหลวงมิสามารถรักษาได้ พวกเขาประกาศตามหาหมอมีฝีมือทั่วทุกสารทิศจนมาได้เจอท่านหมอเทวดาท่านหนึ่งที่สามารถวินิจฉันและรู้วิธีถอนพิษชนิดที่โจวซินเหยียนโดนได้
แต่ความยากลำบากมิได้มีเพียงเท่านั้น สมุนไพรหนึ่งในส่วนผสมสำคัญของยาถอนพิษไม่ครบ
ตัวพิษร้ายแรง ยาถอนพิษย่อมปรุงได้ยากเพราะส่วนผสมหลายอย่างหายากยิ่ง
การประกาศตามหาสมุนไพรหายากจึงเริ่มต้นขึ้น จุดนี้จึงเป็นจุดที่ทำให้ตระกูลเย่วผู้เป็นตัวกลางซื้อขายสมุนไพรชั้นนำในแคว้นต้าต่านสามารถเชื่อมโยงเข้ากับตระกูลอ๋องอันแสนสูงส่งได้
มิใช่ว่าท่านพ่อติดต่อเสนอขายสมุนไพรล้ำค่าให้แก่พวกเขา แต่เป็นคนของตำหนักชินอ๋องต่างหากที่สืบหาจนรู้ว่าตระกูลของนางมีเทือกเขาอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การปลูกสมุนไพรที่พวกเขาต้องการอยู่
พวกเขายื่นข้อตอบแทนเป็นเงินตราแน่นอนว่าตระกูลของนางมีมากพออยู่แล้ว ด้วยเพราะเห็นว่าพวกเขาเข้าหาอย่างเป็นมิตรท่านพ่อคงคิดว่าเป็นคนดีไปด้วย จึงยื่นข้อเสนอให้พวกเขารับนางเข้าไปเป็นสะใภ้หลวง ซึ่งเย่วซินในชาติที่แล้วอายุล่วงเลยวัยปักปิ่นมาแล้วหนึ่งปี แต่ไม่มีทีท่าว่าถูกใจบุรุษบ้านใดนางเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีที่สามารถทำให้ตระกูลของนางมีหน้ามีตาในสังคมได้ และที่สำคัญเพื่อรองรับอนาคตของน้องชายตัวน้อยผู้มีความใฝ่ฝันอยากเป็นขุนนางในราชสำนัก นางจึงมิปฏิเสธบิดามารดา
แต่ใครจะไปคิดว่าการตัดสินใจด้วยความโลภของนางในครั้งนั้นจะนำพาให้นางและครอบครัวตกเป็นเครื่องมือใช้ทำร้ายกันของคนในราชวงศ์จนตายตกทั้งตระกูลอย่างน่าอนาถเช่นนั้น
ครานี้เย่วซินมิขอใช้ความโลภนำพาหายนะมาสู่ครอบครัวของตน เวลานี้นางตึงมุ่งหน้าสู่ลานหลังตำหนักที่เป็นศูนย์รวมของผู้คนในวังชินอ๋องเพลานี้
บุรุษผู้นั้นคือท่านหมอเทวดา เย่วซินเคยเห็น
หญิงสาวซอยเท้าเดินโดยไม่รอนางกำนัลที่วิ่งตามนางมาแทบไม่ทัน ชาติที่แล้วนางเคยอยู่ที่วังชินอ๋องมาหลายปีจึงรู้เส้นทางเป็นอย่างดีมิต้องพึ่งให้นางกำนัลผู้ใดนำทาง
ข้ารับใช้นางกำนัลจำนวนหนึ่งที่ภักดีและรู้ว่าความ ต่างมานั่งเฝ้าอยู่ไกลๆหน้าห้องไร้หลังคาหลังหนึ่งใจกลางผู้คน
ที่ต้องไร้หลังคาดเพราะการรักษาคือต้องทั้งดื่มยาถอนพิษและแช่น้ำอาบสมุนไพรพร้อมทั้งให้คนป่วยอาบแสงจันทราในวันที่ดวงจันทร์เต็มดวงไปด้วย
เย่วซินเห็นร่างของบุรุษวัยกลางคนผู้สวมใส่ชุดเรียบง่ายสีขาวเครื่องแบบประจำของท่านหมอเทวดาผ่านประตูห้องซึ่งเปิดทิ้งเอาไว้ให้คนขนของเข้าออกได้อย่างง่ายดาย
ภายในห้องเท่าที่เย่วซินเห็นน่าจะมีหญิงชรา กูกูผู้เป็นแม่นมของท่านอ๋องยืนอยู่ข้างอ่างแช่น้ำใบใหญ่
และน่าจะมีท่านพ่อบ้านชราอีกคนเท่าที่เย่วซินมองเห็น
ดียิ่ง ข้างในมิค่อยมีผู้คุ้มกันอยู่ เพียงนางสามารถรอดปลอดภัยผ่านด่านผู้คุ้มกันข้างนอกห้องเข้าไปได้ แผนของเย่วซินก็จะมีทางสัมฤทธิ์ผล
นั่น ในอ่างมีร่างกึ่งมีสติครึ่งหลับครึ่งตื่นของคนป่วยนั่งนิ่งอยู่ภายใน
“พระชายาไยท่านจึงทรงมาอยู่ที่นี่ได้พะย่ะค่ะ”
องค์รักษ์คุ้มกันที่ยืนเฝ้าระวางอยู่รอบนอกเห็นร่างนางแล้วจึงเข้ามายับยั้งการมาทันที
“ซือเล่อบอกข้าว่าท่านอ๋องพระสวามีของข้ากำลังผ่านช่วงเวลาทุกข์ยากอยู่ที่นี่ ข้าเป็นภรรยาแม้เพียงแค่วันเดียวจะให้ข้านอนหลับสบายแต่เพียงผู้เดียวอย่างนั้นรึ ข้ามิใช่สตรีใจร้ายไส้ระกำเช่นนั้นหรอกนะ”
ขณะพูดเย่วซินแสร้งบีบน้ำตาโดยการแอบหยิกเนื้อแขนภายใต้แขนเสื้อตัวเองจนหยาดน้ำตามาเอ่อคลอหน่วย
ช่างน่าสงสารยิ่ง
“อะ เอ่อ แต่ท่านอ๋องกำลังรักษาอาการป่วยเกรงว่า หากท่านมาขัดจังหวะอาจสร้างความวุ่นวายให้แก่ท่านหมอเทวดาหะ....”
“ข้าเพียงเข้าไปยืนภาวนาให้ท่านอ๋องเงียบๆ รับรองมิรบกวนพวกเขาเป็นแน่ เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไปเลย”
“....”
“ขอรับ เชิญทางนี้”
สุดท้ายเย่วซินก็สามารถเดินเข้ามาในห้องไร้หลังคาที่บริเวณกลางห้องมีอ่างไม้ขนาดใหญ่วางตั้งอยู่ได้
โจวซินเหยียนนั่งนิ่งอยู่ภายในอีกฝ่ายเห็นนางเข้ามาแต่มิได้เอ่ยพูดอันใดเพียงเหลือบสายตากลับไปที่เดิม
ก็แน่ล่ะ เขามิมีแรงเอ่ยพูดสิ่งใดเหมือนทุกวัน ทำได้มากสุดคือกระพริบตาเท่านั้น
คนอื่นที่อยู่ในห้องก็เช่นกัน พวกเขาตกใจแค่ตอนเห็นนางแวบแรกก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว กลับไปทำหน้าที่ของตนเองต่ออย่างเคร่งครัด
“แช่น้ำอาบสมุนไพรนี้อีกประมาณหนึ่งเค่อแล้วค่อยเปลี่ยนน้ำอาบสมุนไพรอีกตัวหนึ่ง จากนั้นแช่อีกครึ่งชั่วยาม ทว่าเวลานี้ควรแก่เวลาจงให้ท่านอ๋องดื่มยาน้ำถอนพิษได้แล้ว”
ท่านหมอเทวดาน้ำเสียงจริงจัง บนหน้าผากมีเหงื่อแย่งกันผุดขึ้นมาแสดงถึงความเหนื่อยล้าเต็มทน
กลิ่นสมุนไพรในน้ำแช่แรงมาก มันผสมไปด้วยสมุนไพรหายากหลากหลายชนิด หากนำน้ำแช่นี้ไปขายคงได้เงินหลายแสนตำลึง
ลูกสาวเถ้าแก่เช่นนางตาลุกวาวชั่วขณะ
ไม่ๆ นางมิควรคิดเรื่องอื่นเวลานี้
เย่วซินเห็นทุกคนตั้งใจทำงานกัน นางที่มีแผนการอยู่ในใจแอบรู้สึกผิดเล็กน้อยแต่เพื่อความอยู่รอดมิต้องตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของฝ่ายใด เย่วซินต้องจำใจทำในสิ่งควรทำ
“ข้าว่างงาน ให้ข้าช่วยป้อนยาให้พระสวามีของข้าดีหรือไม่ท่านหมอเทวดา”
“หืม?”
“ข้าเป็นภรรยาของเขา มีผู้ใดเหมาะสมกว่าข้าอีกหรือเจ้าคะ”
“เช่นนั้นรบกวนพระชายาด้วย”
ทว่าพอถ้วยยาถอนพิษมาอยู่ในมือนางเท่านั้นแหละท่าทีของเย่วซินก็เปลี่ยนไป นางหันไปทางบุรุษผู้มีอำนาจมากที่สุดของที่นี่ นั่นก็คือโจวซินเหยียนที่กำลังนั่งร่างกายไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ่างแช่น้ำ
“ท่านอ๋องหม่อมฉันมีหนึ่งเรื่องที่จะขอก่อนที่หม่อมฉันจะส่งยาตัวนี้ให้พระองค์ดื่มเพคะ”
ประโยคของสตรีผู้มาใหม่และกำลังทำหน้าที่สำคัญเรียกความสนใจจากทุกคน
“....” โจวซินเหยียน
“นั่นพระชายากำลังพูดสิ่งใด ยะ ไยท่านมินำยาให้ท่านอ๋องดื่มอีกหรือขอรับ”
“ข้าให้เขาดื่มแน่ท่านพ่อบ้าน เมื่อเขาทำตามที่ข้าต้องการเสียก่อน”
“จะ เจ้า ต้องการสิ่งใด” เสียงแหบแห้งไร้เรี่ยวแรงจากโจวซินเหยียนดังขึ้น ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นกำลังจ้องมองนางเขม็ง
ช่างเย็นชาเหมือนอย่างเคย
เย่วซินเลือกทำเช่นนี้เพราะรู้ว่าเขาไม่มีทางมอบหนังสือให้กับนางเพราะชาติที่แล้วก็เช่นกัน นางรู้ความลับของอีกฝ่ายมากเกินกว่าจะปล่อยให้เป็นอิสระ
ชาตินี้ก็เช่นกัน เย่วซินและครอบครัวรู้จุดอ่อนของเขาแล้วการถอดตัวนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย
เย่วซินจึงได้เลือกทางนี้
“ข้ามีสัญญาแลกเปลี่ยนกับยาถ้วยนี้ให้คนของท่านนำพู่กันกับหมึกมาร่างสัญญาเดี๋ยวนี้”
“ทะ ท่านอ๋อง”
“ทำตามนาง”
“ขอรับ”
“มาแล้วขอรับพู่กัน น้ำหมึกและแผ่นกระดาษ”
“ท่านอ๋องมอบหนังสือหย่าขาดกับข้าตั้งแต่วันนี้....”
“ท่านบ้าไปแล้วหรือ.....” แม่นมชราตะโกนคัดค้านเข้ามาทันทีอย่างมิอาจสงวนท่าทีได้อีก
“เขียนตามข้าบอกโดยเร็ว อย่าขัด ข้ามิเอาเปรียบพวกท่านหรอกน่า....ข้อสองพวกท่านห้ามส่งคนมาทำร้ายครอบครัวข้าทั้งทางตรงและทางอ้อม พวกเรามิมีสิ่งใดติดค้างซึ่งกันและกัน จากนั้นลงลายมือข้า และลายนิ้วมือท่าน”
“หึ ตะ ต้อง การ เพียง เท่านี้ รึ” โจวซินเหยียนกัดฟันพูด ในขณะที่สายตาไม่ละจากการจ้องมองนางราวกับต้องการเอาเลือดออกจากหัวนาง
“ข้าต้องการเพียงเท่านี้....เอาหมึกจิ้มที่นิ้วหัวแม่มือและกดลงไปบนกระดาษสิท่านพ่อบ้าน”
“ตะ แต่ นั่นอาจทำให้ท่านอ๋องร่างกายสกปรก”
“รีบทำรีบล้างออกสิ หรืออยากให้ข้าเทยาตัวนี้ทิ้ง”
“มะ ไม่ขอรับ”
โจวซินเหยียนในเวลาร่างกายอ่อนแอขนาดสัมผัสน้ำหมึกเขียนตัวอักษรธรรดาก็อาจส่งผลต่อร่างกายได้
หลังจากเย่วซินได้ในสิ่งที่ปรารถนาแล้ว นางก็ทำการเก็บกระดาษสัญญาใส่ช่องเสื้อ เรียบร้อยแล้วก็หันไปหาคนป่วยพบว่าอีกฝ่ายสลบไปแล้ว หมอเทวดาตกใจเพราะกระบวนการรักษาครั้งนี้ไม่ควรทำให้คนป่วยหมดสติเพราะต้องดื่มยาถอนพิษ
หากไร้สติแล้วจะดื่มอย่างไรเล่า!
หมอเทวดาที่กำลังจับชีพจรอยู่ใบหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันที
“ต้องรีบให้ท่านอ๋องดื่มยาถอนพิษ”
เย่วซินไม่รู้หรอกว่าเพราะดื่มยาช้าหรือเพราะโดนน้ำหมึกเขาจึงเป็นเช่นนี้ นางรู้แต่ว่าหากอีกฝ่ายเป็นอันใดไปเพราะนาง
เย่วซินคงรู้สึกผิดไม่น้อยที่เอาชีวิตคนมาเป็นเดิมพัน
สมองไม่ทันประมวลสิ่งใด หญิงสาวผู้มียาถอนพิษอยู่ในมือยกดื่มเพื่ออมน้ำสมุนไพรไว้ในปากและโน้มตัวลงไปประกบปากกับคนป่วยที่กำลังหมดสติ
อึก อึก อึก
หมดแล้ว....
เย่วซินกรอกยาถอนพิษลงปากคนป่วยหมดแล้ว
