ตอนที่ 8 หน้ามืดตาบอด
หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อย หลิวซินก็แบกตะกร้าเดินตามมารดาออกมาหาของขายริมทะเล ช่วงนี้นางยังไม่คิดหาหนทางสร้างรายได้ด้วยตนเองนัก จึงตั้งใจลองติดตามมารดามาดูเผื่อจะได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ
ทว่าเมื่อมาถึงกลับเห็นว่ามีผู้คนจับจองพื้นที่กันอยู่ก่อนแล้ว ชาวบ้านมากมายต่างกระจายกันหาของขาย ไม่ใช่ว่านางมาช้า เพียงแต่คนอื่นมาก่อน จึงทำให้หลิวซินกับมารดากลายเป็นจุดสนใจในสายตาผู้คนทันที
สายตาของเหอซานสะดุดเข้ากับหลิวซินตั้งแต่นางก้าวเข้ามาเพียงไม่กี่ก้าว ยิ่งเห็นใบหน้างดงามของอีกฝ่าย ความขุ่นมัวในใจยิ่งก่อตัวแรงขึ้น หลังได้ยินคำยืนยันจากชายหนุ่มที่ตนหมายปอง ความริษยาที่มีอยู่แต่เดิมก็ยิ่งทวีขึ้น จากเดิมที่อิจฉาเพียงเพราะความงาม กลับกลายเป็นทั้งอิจฉาและเกลียดชังจนอยากให้หลิวซินเลือนหายไปจากโลกนี้เสียจริง
หลิวซินยิ้มทักทายชาวบ้านรอบข้าง ทว่าความรู้สึกเหมือนถูกสายตาใครบางคนจ้องมอง ทำให้นางเผลอเหลียวตาม และดวงตาก็สบเข้ากับเหอซานพอดี แววตาของหญิงสาวผู้นั้นเต็มไปด้วยความไม่เป็นมิตร หลิวซินหวนคิดถึงชาติก่อน เหอซานก็มีบทบาทอยู่ในชีวิตนางเช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยแสดงท่าทีเกลียดชังโจ่งแจ้งเช่นตอนนี้ ทว่าเรื่องนี้นางหาได้เห็นเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคนที่ตงจวินตั้งใจจะแต่งด้วยก็คือหลิวซิน มิใช่เหอซานอยู่แล้ว
นางจึงเพียงยกยิ้มมุมปากตอบกลับด้วยท่าทีเย้าหยอกเล็กน้อย
รอยยิ้มอันดูเหนือกว่าของหลิวซินยิ่งทำให้หัวใจเหอซานปั่นป่วน ความริษยาเปลี่ยนเป็นความคิดร้ายแรงขึ้นทุกที หากหลิวซินตายไปเสีย คนที่ได้แต่งกับตงจวินก็คงไม่พ้นตน
สายตาอาฆาตของทั้งสองแม้ไม่พูดออกมา แต่ก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาของป้าหูหลันผู้ช่างสังเกตได้ นางเพียงยกคิ้วเล็กน้อยอย่างมีเลศนัย พลางคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องจะจบลงง่าย ๆ อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่คิดนำไปเล่าให้ตงจวินรับรู้ เพราะเรื่องเช่นนี้ดูเป็นเพียงปัญหาของหญิงสาวสองคนเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าไม่มีเหตุการณ์บานปลาย ป้าหูหลันจึงเบนความสนใจ หันไปทักกัวหยุนแทน
“กัวหยุน ลูกสาวเจ้าจะแต่งเมื่อใด อย่าลืมชวนข้าเล่า ข้าอยากไปร่วมกินเลี้ยงงานแต่งเสียจริง”
กัวหยุนยิ้มกว้าง “เมื่อได้วันแล้ว ข้าจะบอกกล่าวกับทุกคนแน่นอน ใครเล่าจะไม่เชิญแขกในวันมงคล โดยเฉพาะลูกสาวที่ข้ารักปานดวงใจเช่นนี้ ต้องป่าวประกาศให้ทั่วกันอยู่แล้ว”
หลังทักทายกันอยู่ครู่หนึ่ง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตน เรื่องการแต่งงานของลูกสาวกัวหยุนเป็นข่าวที่ผู้คนได้ยินจนชินหู จึงไม่มีใครตื่นเต้นพูดถึงอีก
หลิวซินเองก็เลือกจะเมินสายตาอาฆาตของเหอซาน นางรู้ว่าคงไร้ประโยชน์ที่จะลงไปรับมือกับความริษยาเช่นนั้น อีกทั้งชาติก่อนก็ผ่านพ้นมาแล้ว ชาตินี้นางจะต้องใช้ชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับผู้ใด
“ท่านแม่ ข้าขอเดินไปดูตรงนั้นหน่อยนะเจ้าคะ” นางบอกพร้อมชี้ไปยังทางที่หมายตาไว้
กัวหยุนเหลียวตามสายตาลูกสาว เห็นว่าบริเวณนั้นปลอดภัยจึงพยักหน้าอนุญาต “เจ้าระวังตัวให้ดี อย่าได้ลงเล่นน้ำลึกนักเชียว” กล่าวเตือนด้วยความเป็นห่วง
“เจ้าค่ะ ข้าไม่ลงไปลึกหรอก” หลิวซินรีบก้าวไปทันที ไม่อยากให้ตนต้องข้องแวะกับเหอซานอีก
แต่เหอซานหาได้ยอมปล่อยไปง่าย ๆ เมื่อเห็นหลิวซินเดินออกห่าง นางก็แอบติดตามไปด้วย ความคิดร้ายกาจเริ่มผุดขึ้นในใจ หากมีจังหวะเหมาะ…หลิวซินก็ควรจะหายไปจากโลกนี้เสียที แววตาของเหอซานพลันแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน ก่อนจะกลับมาเรียบเฉยราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
หลิวซานเหลือบมองชาวบ้านรอบด้าน พอเห็นว่าไม่มีใครสนใจ นางจึงแอบลอบเดินตามหลิวซินไป หลบอยู่หลังโขดหินใหญ่ มองเงาร่างตรงหน้าด้วยความสงสัย หลิวซินไม่ใช่หรือที่กลัวน้ำ? แล้วเหตุใดถึงกล้าลงไปในน้ำลึกเช่นนี้
นางค่อย ๆ ย่องไปด้านหลัง หลิวซินยืนอยู่บนหินก้อนหนึ่งซึ่งถัดออกไปเป็นน้ำลึก สถานที่นี้เหอซานเคยเผลอลงไปหาของจนเกือบตกน้ำมาแล้ว ครั้งนี้เมื่อสบจังหวะที่หลิวซินเผลอและอยู่ไกลผู้คน เหอซานจึงเหยียดมือผลักเต็มแรง
ร่างบางไม่ทันระวังถูกผลักจนเสียหลัก ตกลงไปในน้ำเสียงดังตูม ความแรงของแรงกระแทกพาให้หลิวซินชนเข้ากับโขดหินใต้น้ำ นางรีบใช้แขนบังศีรษะไว้ แต่กลับทำให้ฝ่ามือขูดกับผิวหินจนเลือดไหลซิบ ความเค็มของน้ำทะเลยิ่งทำให้แผลแสบระบม ร่างทั้งร่างจมลึกลงไปอย่างยากลำบาก ถึงอย่างนั้น นางยังพออุ่นใจเพราะตนหายใจใต้น้ำได้ จึงไม่ทรมานนัก
เมื่อได้สติ หลิวซินชูมือที่บาดเจ็บขึ้นดู เห็นเป็นรอยถลอกแดงและเลือดซึมไม่หยุด ขณะกำลังพยายามว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ จู่ ๆ กลับมีมือใหญ่คว้าข้อมือดึงขึ้นไปอย่างแรง
หลิวซินเงยหน้ามอง มือหนาที่กำแน่นจนข้อมือเล็กแทบมิด เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่ช่วยก็ต้องตะลึง ตงจวิน! เขาดึงนางขึ้นมาบนเรือ เสื้อผ้าที่เปียกชุ่มแนบไปกับเรือนร่างจนเผยสัดส่วนอย่างชัดเจน แต่ด้วยความเจ็บแปลบที่มือ นางจึงไม่สนใจสิ่งอื่นนัก
“เจ้าคิดจะหาความตายหรือ ถึงได้ลงไปในน้ำลึกเช่นนี้!” ตงจวินถามด้วยน้ำเสียงดุดัน
หลิวซินเม้มปากแน่น มองสีหน้าโกรธขึงของเขาด้วยความน้อยใจ “ข้าไม่ได้อยากลงไปเองเสียหน่อย…มีคนผลักข้าต่างหาก” น้ำตารื้นขึ้นตรงหางตาสวยจนผู้มองใจอ่อนยวบ
ตงจวินเห็นดังนั้นก็หลบตาลงเล็กน้อย ความแข็งกร้าวเมื่อครู่ค่อย ๆ คลายลง “ข้ามิได้ตั้งใจดุเจ้า…อย่าร้องเลย” เขาไม่เคยปลอบหญิงใดมาก่อน จึงไม่รู้จะเอ่ยคำเช่นไร ได้แต่เหลือบมองดวงตาแดงก่ำอย่างเวทนา แล้วสายตาก็สะดุดเข้ากับมือเล็กที่ยังมีเลือดไหลซึม ความรู้สึกผิดแล่นเข้ามาเต็มอก
ด้านเหอซาน หลังผลักหลิวซินตกน้ำ นางแอบซ่อนตัวอยู่หลังโขดหิน มองดูเหตุการณ์ด้วยความคาดหวัง แต่กลับต้องขบกรามแน่น เมื่อเห็นเรือของตงจวินผ่านมาและช่วยหลิวซินขึ้นไปต่อหน้าต่อตา ความโกรธและริษยาลุกฮือในอก เมื่อแผนล้มเหลว นางจึงรีบผละออกไปทันที พร้อมความคิดมืดดำในใจ ‘ครั้งนี้เจ้าไม่ตาย…ครั้งหน้ายังมีโอกาสอีก’ รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏบนริมฝีปาก
บนเรือ ตงจวินเอื้อมมือมาประคองมือเล็กอย่างแผ่วเบา “เจ้าเจ็บมากหรือไม่” เขาล้วงหยิบอุปกรณ์ทำแผลออกมา ของเหล่านี้เขามักเตรียมไว้เสมอเผื่อยามจำเป็น
น้ำเสียงอ่อนโยนของเขาทำให้หัวใจของหลิวซินอ่อนลง นางพยักหน้ารับเบา ๆ แต่พอเขาแต้มยาลงบนแผล ความแสบแล่นจี๊ดจนต้องชักมือกลับทันที
“อยู่นิ่ง ๆ หากไม่รีบรักษา มือสวย ๆ ของเจ้าจะกลายเป็นแผลเป็นเอาได้” เขากล่าวปลอบพลางดึงมือเล็กกลับมาด้วยความถนุถนอม
