บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 คำหวานของคนเลว

หลิวซินมองการกระทำของเขาอย่างตั้งใจ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้เพ่งพินิจชัด ๆ จึงเห็นว่าเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด ถึงจะไม่เรียบร้อยงดงามแบบบัณฑิตในเมืองใหญ่ แต่ร่างสูงใหญ่สง่างาม ใบหน้าคมแฝงความอ่อนหวานอย่างลงตัว ริมฝีปากได้รูปรับกับสันจมูกโด่งผึ่งผาย… นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นหน้าของตงจวินอย่างจริงจัง ‘สามีเช่นนี้ เหตุใดชาติก่อนข้าถึงตามืดบอด มองไม่เห็นคุณงามความดีของเขากันเล่า’

ในขณะที่นางกำลังยิ้มบางมองเขาอยู่นั้น พอดีกับที่ตงจวินเงยหน้าขึ้น สายตาของเขาสบเข้ากับรอยยิ้มหวานแฝงความลึกซึ้งทันที

หลิวซินสะดุ้งเล็กน้อย รีบหุบยิ้ม มือที่ถูกเขาจับอยู่ค่อย ๆ ดึงกลับ “ข้าขอบคุณท่านมาก” นางเอ่ยเสียงเบา แม้เขาจะทำแผลให้นาง แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บเท่าใดนัก

“เจ้าแน่ใจหรือไม่ ว่าไม่รู้ว่าใครเป็นคนผลักเจ้า” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

ทันใดนั้น ภาพเหตุการณ์ย้อนเข้ามา แม้นางหันหลังอยู่ แต่ยังพอมองเห็นร่างหนึ่งรีบก้าวออกจากโขดหินอย่างลนลาน และนางจำแผ่นหลังนั้นได้ชัดเจน เหอซาน หญิงสาวที่แอบรักตงจวินข้างเดียว นางเลือกที่จะไม่บอกเรื่องนี้ออกไป หากอีกฝ่ายหมายเอาชีวิตตน เช่นนั้นนางก็จะตอบแทนกลับไปให้สม

หลิวซินหันมาสบสายตาเปี่ยมห่วงใยของเขา ก่อนส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าไม่เห็นว่าเป็นใคร ตอนนั้นข้าหันหลังอยู่” น้ำเสียงและสีหน้าที่ทำออกมาเต็มไปด้วยความน่าสงสาร

ตงจวินมองอย่างจับผิดเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นดวงตาแดงเรื่อที่สั่นระริก ก็คงเพราะเหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้นางหวาดกลัวจริง ๆ จึงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อเจ้าไม่รู้ เช่นนั้นข้าจะคอยช่วยสืบหาเอง ช่วงนี้อย่าออกไปไหนตามลำพัง หากจะไปไหนให้พามารดาไปด้วย จะได้ปลอดภัยกว่า”

หลิวซินฟังจนจบ ดวงตาสั่นระริกยิ่งกว่าเดิม “ท่าน…เป็นห่วงข้าหรือ”

คำถามนั้นทำให้ตงจวินชะงัก ใบหน้าแดงซ่านทันตา เขาหลุบตาลงต่ำตอบแผ่วเบา “ในเมื่อเจ้าจะเป็นภรรยาของข้าแล้ว ข้าย่อมไม่อยากให้เจ้าต้องบอบช้ำเพราะเหตุใด ๆ อีก”

สีแดงระเรื่อที่ขับให้ใบหูเด่นชัดยิ่งนัก ยิ่งทำให้หลิวซินมองเขาแล้วหัวใจอบอุ่น “ข้ารู้แล้ว ท่านไม่ต้องห่วงหรอก” นางเอ่ยตอบ พลางเหลือบตาไปยังฝั่งที่เริ่มมีคนเดินเข้ามา “ท่าน…ช่วยไปส่งข้าที่ฝั่งได้หรือไม่ ข้าไม่อยากให้ผู้อื่นเห็น”

ตงจวินเหลือบตามองตาม ก่อนค่อย ๆ พายเรือเข้าใกล้ฝั่งเพื่อส่งนางกลับ “ช่วงนี้อย่าเพิ่งมาหาของแถวนี้ รอให้แผลหายดีก่อนเถิด น้ำเค็มจะยิ่งทำให้เจ็บมากกว่าเดิม”

“ข้ารู้แล้ว ข้าไปก่อน” หลิวซินรีบปีนลงจากเรือ โดยมีเขายืนช่วยอยู่ไม่ห่าง

เมื่อเท้าสัมผัสพื้นดิน นางก็รีบเดินตรงไปหามารดาทันที พอถึงที่ที่กัวหยุนนั่งอยู่ หลิวซินก้มลงมองตะกร้า เห็นเพียงหอยเล็กน้อย ที่จริงแถบนี้เคยมีหอยแมงภู่ชุกชุม แต่เพราะผู้คนแห่มาหามากเกินไป จึงทำให้จำนวนลดน้อยลงทุกที

สำหรับผู้ที่มีเรือ ย่อมได้เปรียบกว่าชาวบ้านทั่วไป สามารถออกไปกลางทะเลเพื่อตกปลาและหาสัตว์น้ำหลากชนิดไปขาย ทว่าก็ต้องเสี่ยงชีวิตกับคลื่นลมแรงที่พร้อมจะซัดเรือให้คว่ำได้ทุกเมื่อ

กัวหยุนเงยหน้าขึ้นเพราะเห็นเงาสะท้อนบนพื้นทราย พลันพบว่าลูกสาวยืนอยู่ตรงหน้า เสื้อผ้าเปียกชุ่มแนบเรือนร่าง และมือข้างหนึ่งยังมีผ้าพันเอาไว้ชัดเจนว่าเพิ่งบาดเจ็บมา

“เจ้าไปหาของตรงไหน ถึงได้ตกน้ำเปียกปอนเช่นนี้ แล้วมือไปโดนอะไรมา” กัวหยุนเอื้อมคว้ามือบุตรสาวมาดูใกล้ ๆ ด้วยความร้อนใจ

สายตาของหลิวซินเหลือบไปเห็นเหอซานที่เพิ่งเดินกลับมา สีหน้าและท่าทีของหญิงสาวผู้นั้นกลับปกติราวกับไม่เคยเกิดเหตุใดขึ้น ทำเอาหลิวซินยิ่งแน่ใจในสิ่งที่คิด แต่ก็เลือกตอบมารดาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นกว่าเดิม

“เมื่อครู่ข้าถูกผู้ใดไม่รู้ผลักตกน้ำ มือเลยไปกระแทกหินเข้า แค่พักรักษาไม่กี่วันก็คงหายแล้ว”

เหอซานได้ยินดังนั้น ใบหน้าร้อนวาบ กัดฟันแน่นพลางส่งสายตาขุ่นเคืองมาให้ หลิวซิน ราวกับจะข่มขู่ ก่อนจะเดินกระแทกส้นเท้าลงบนพื้นทรายอย่างไม่สบอารมณ์

กัวหยุนสังเกตเห็นท่าทีไร้มารยาทนั้น ก็อดรู้สึกไม่ชอบใจไม่ได้ จึงหันไปถามลูกสาว “เด็กคนนั้นเป็นอะไรไป”

หลิวซินเบี่ยงสายตาเล็กน้อย ก่อนตอบเสียงเรียบ “บางทีอาจเป็นคนไม่ดีที่ข้าพูดถึงเมื่อครู่ก็เป็นได้…แต่ไม่ต้องสนใจหรอกเจ้าค่ะ”

กัวหยุนยิ่งกังวล ยกมือของบุตรสาวขึ้นมาดูอีกครั้ง “ในเมื่อมือเจ้าเจ็บแล้ว กลับไปพักที่บ้านก่อนเถอะ”

“เช่นนั้น ข้าจะกลับไปเตรียมอาหาร รอให้ท่านกลับไปกินด้วยกัน” หลิวซินกล่าวจบ ก็นำของที่มารดาหาได้มาแบ่งใส่ตะกร้าของตนเอง แล้วสะพายขึ้นหลังมุ่งหน้ากลับบ้าน

ระหว่างทาง นางทอดสายตามองสองข้างทางไปด้วย หมู่บ้านนี้อยู่ไม่ห่างทะเลนัก ผู้คนส่วนใหญ่เลี้ยงชีพด้วยการหาสัตว์น้ำไปขาย เพราะผืนดินแถบนี้ไม่อุดมสมบูรณ์เท่าไหร่ การเพาะปลูกแทบไม่อาจทำได้ ส่วนใหญ่บรรดาชายหนุ่มจึงมีเรือไว้ใช้หาปลา ทว่าทะเลก็โหดร้ายพอ ๆ กับที่เลี้ยงดูพวกเขา คลื่นลมแรงอาจคร่าชีวิตผู้คนได้ทุกเมื่อ

ราวกับสวรรค์ไม่ได้ปรานี หลิวซินกลับต้องพบกับคนที่ครั้งหนึ่งเคยรักหมดใจในชาติก่อน นางรีบเบี่ยงตัวเพื่อหลบ แต่ยังไม่ทันก้าวพ้น ชายผู้นั้นกลับคว้าข้อมือเอาไว้ หลิวซินสะบัดแรงจนเขาต้องปล่อยทันที

“ท่านต้องการสิ่งใด” นางจ้องเขม็งไปด้วยแววตาเย็นชา

เจียงหมิงมองใบหน้าของหญิงสาวด้วยความประหลาดใจ แววตาเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกดี แต่กลับแฝงความลังเลอยู่ลึก ๆ “เหตุใดเจ้าต้องปัดมือพี่ออกเช่นนั้น” น้ำเสียงเขาเจือความน้อยใจ

“ก็เพราะท่านมาจับมือข้ากลางทาง ผู้คนแถบนี้สัญจรพลุกพล่าน หากมีใครมาเห็นเข้าคงไม่ดีนัก” หลิวซินเหลือบตามองรอบ ๆ พลางนึกถึงเรื่องของตงจวินที่ไม่อยากให้ใครเอาไปพูดถึง

เจียงหมิงก้มหน้าลงเล็กน้อย “จริงของเจ้า…ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้ากำลังจะแต่งงานจริงหรือ”

หลิวซินพยักหน้าเบา ๆ “ท่านเองก็เช่นกันไม่ใช่หรือ” นางก้มหน้าลง ทำเสียงเศร้าราวกับเจ็บปวดใจ

ชายหนุ่มเห็นท่าทีอ่อนแรงนั้นก็ยิ่งอยากปลอบโยน “อย่าได้เสียใจไปเลย ถึงแม้เจ้าจะแต่งงานแล้ว ข้าก็ยังคงรักเจ้าเช่นเดิม ส่วนเรื่องแต่งงานของพี่…หาใช่ความสมัครใจไม่ เจ้าก็รู้ว่าพี่ไม่อาจขัดใจท่านแม่ได้” เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่ในใจกลับคิดถึงเพียงเงินทองและอำนาจของหญิงที่ตนจะเกี่ยวดองด้วย

“เมื่อท่านแต่งงานแล้ว เช่นนั้นเรื่องของเราก็ควรสิ้นสุดเพียงเท่านี้” หลิวซินเอ่ยเสียงเรียบ ไม่คิดจะสานสัมพันธ์อีก

เจียงหมิงรีบร้อนรน “น้องอย่าคิดเช่นนั้นเลย ถึงพี่จะมีภรรยา แต่วันหนึ่งเมื่อสอบได้ตำแหน่งใหญ่ พี่สามารถมีอนุภรรยาได้อีก พี่จะให้น้องอยู่อย่างสุขสบาย ไม่ต้องลำบาก ข้าจะหย่ากับหญิงนั้น แล้วมาแต่งกับน้อง ดีหรือไม่”

คำพูดออดอ้อนเหล่านี้ ทำให้หลิวซินเพียงยิ้มมุมปาก แท้จริงแล้วมิได้ต่างจากถ้อยคำที่เขาเคยพร่ำบอกในชาติปางก่อนเลยแม้แต่น้อย… และก็เพราะถ้อยคำลวงนี้เอง ที่ทำให้นางตัดสินใจลงมือฆ่าสามีเพื่อไปอยู่กับเขา ในที่สุดก็ต้องตายอย่างโง่เขลาและโดดเดี่ยว

แต่ในชาตินี้ หลิวซินจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมอีกต่อไป…

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel