บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4 เกาะลับของเรา

หลิวซินเดินทอดน่องไปตามริมหาด ช่วงเวลานี้ก่อนที่ชายฝั่งจะกลายเป็นท่าเรือใหญ่ ยังเต็มไปด้วยเสน่ห์ตามธรรมชาติ หาดทรายขาวสะอาดทอดยาวรับแสงแดดอ่อน ลมทะเลพัดโชยพาเอากลิ่นเกลือและเสียงคลื่นมากระทบใจ นางมองบรรยากาศรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน โชคดีที่ชาวบ้านต่างแยกย้ายกันออกไปทำงาน จึงไม่มีใครมารบกวนหรือซักไซ้ให้รำคาญใจ

เมื่อมาถึงจุดที่ตั้งใจจะลงว่ายน้ำ จุดนี้อยู่ห่างไกลจากสายตาผู้คนพอสมควร เกาะเล็ก ๆ ที่เคยพบโดยบังเอิญอยู่ไม่ไกลนัก หลิวซินถอดรองเท้า วางไว้ในตะกร้าสาน แล้วค่อย ๆ ก้าวลงสู่ผืนน้ำ ความเย็นของทะเลสัมผัสปลายเท้าอย่างแผ่วเบา นางสูดลมหายใจลึก รู้สึกผ่อนคลายแม้ลมจะเย็นจนขนลุก

เมื่อระดับน้ำสูงขึ้นถึงลำคอ นางวางตะกร้าไว้บนหัวก่อนจะว่ายน้ำไปยังเกาะฝั่งตรงข้ามอย่างไม่เร่งรีบ แม้คลื่นจะซัดเบา ๆ แต่นางก็ถึงฝั่งโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย

บนเกาะเงียบสงบไร้ผู้คน ต้นไม้สองต้นขึ้นเรียงเคียงกันให้ร่มเงาพอเป็นที่บังสายตา นางเลือกที่เหมาะสมจัดวางสิ่งของที่นำติดตัวมา เมื่อทุกอย่างพร้อม หลิวซินจึงค่อย ๆ ดำลงสู่ใต้ผิวน้ำ

นางกลั้นหายใจอย่างระมัดระวัง สำรวจพื้นทะเลเบื้องล่าง ทันใดนั้นสายตาก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งสีแดงสดเตะตา ทว่าความสามารถในการกลั้นหายใจเริ่มถึงขีดจำกัด นางรีบตีแขนตีขาว่ายขึ้นเหนือน้ำ สูดเอาอากาศเข้าปอดเต็มที่

“สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่…” นางพึมพำกับตัวเอง ความอยากรู้เอาชนะความกลัว จึงตัดสินใจดำกลับลงไปอีกครั้งจนสามารถเข้าใกล้วัตถุปริศนาได้ชัดเจน มันคือหอยทะเลขนาดใหญ่ สีแดงสดสะดุดตา และใกล้กันยังมีหอยเป๋าฮื้ออีกหลายตัว นางรีบดึงมันขึ้นมา พร้อมหยิบหอยเป๋าฮื้ออีกสองตัวติดมือมาด้วย

ขณะว่ายกลับผิวน้ำ จู่ ๆ นางกลับสำลักน้ำ ร่างดิ้นรนในความตระหนก หายใจไม่ทัน ลมหายใจขาดห้วง…แต่แล้วสิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

นางหายใจใต้น้ำได้ อย่างไม่มีเหตุผล และยังมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ใต้น้ำได้ชัดเจนขึ้นอีกด้วย

‘นี่มันอะไรกันแน่… ข้าเป็นอะไรไป?’นางคิดในใจอย่างสับสน จะว่าเป็นเงือกก็คงไร้เหตุผล เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยตกน้ำมาก่อน และเรื่องเงือกก็มีแค่ในนิทานเท่านั้น

เมื่อรู้ว่าหายใจใต้น้ำได้ หลิวซินก็ไม่ปล่อยโอกาสงามให้หลุดมือ นางเก็บของที่ได้ใส่ตะกร้า แล้วคว้าถุงผ้าอีกใบว่ายกลับลงมา

ใต้ทะเลเบื้องล่างกลายเป็นโลกของนาง นางว่ายน้ำด้วยความคล่องแคล่วราวกับปลาตัวหนึ่ง กุ้งตัวใหญ่ ปูทะเล และหอยเป๋าฮื้อกลายเป็นสมบัติล้ำค่า นางรวบรวมสิ่งมีค่าใส่ถุงจนเกือบเต็ม ก่อนจะกลับขึ้นฝั่งอย่างแผ่วเบา

เมื่อแน่ใจว่าปลอดคน นางจึงค่อย ๆ นำหอยสีแดงวางแยกไว้ จากนั้นจัดการปูกับกุ้งโดยจับขาให้เกี่ยวกันป้องกันไม่ให้พวกมันหนี นางใช้ผ้าผืนใหญ่ซับตัวให้แห้ง แล้วนั่งลงใต้ร่มไม้ สูดลมหายใจลึก ดื่มด่ำบรรยากาศอย่างเงียบงัน

ทว่าโชคชะตาก็ไม่เปิดทางให้นางได้นั่งนิ่งนานนัก เรือไม้ลำหนึ่งแล่นเข้ามาเทียบท่าตรงหน้า เมื่อนางเห็นชายผู้ควบคุมเรือ หัวใจก็พลันสะท้าน

“ตงจวิน…” เสียงเรียกแผ่วเบาดังขึ้นจากริมฝีปาก

ชายหนุ่มผู้นั้นเคยใช้ที่แห่งนี้เป็นที่พักใจเสมอ ทว่าในครั้งนี้ สถานที่สงบกลับถูกแบ่งปันโดยใครอีกคน ว่าที่ภรรยาของเขาในอนาคต

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่ หรือคิดฆ่าตัวตายอีก?” เขาถามขึ้นด้วยแววตาคม

“ใครกันจะอยากตาย ข้าตกน้ำต่างหาก ว่าแต่… ท่านมาทำไมที่นี่” นางย้อนถามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ตงจวินเลิกคิ้ว “ข้ามาที่นี่ไม่ได้หรือไร? หรือที่นี่มีเจ้าของ?”

หลิวซินถอนหายใจ มองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจนัก “ตามใจท่านเถิด จะมาหรือไม่มาก็เรื่องของท่าน” น้ำเสียงของนางเริ่มหงุดหงิดขึ้นเรื่อย ๆ

ขณะกำลังจะหันหลังกลับลงน้ำ มือหยาบกร้านก็ยื่นมาจับข้อมือของนางเอาไว้

“จับข้าไว้ทำไม?” นางพยายามสะบัดออก

“เจ้าคิดจะว่ายน้ำกลับ?” เขาถามเสียงเรียบ คล้ายจะห่วงแต่ก็เหนื่อยหน่าย

“ถ้าไม่ว่ายน้ำ ข้าจะกลับบ้านได้อย่างไรเล่า?” นางตอบกลับเสียงขุ่น

เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “เจ้าไม่ต้องว่ายกลับให้ลำบาก เดี๋ยวข้ากลับขึ้นฝั่งอยู่แล้ว พาเจ้าไปด้วย คงไม่หนักเรือนักหรอก” เขาตอบพร้อมปรายตามองรูปร่างของนางด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ท่านเป็นห่วงข้าก็พูดมาตรง ๆ เถิด” หลิวซินเอ่ยแหย่เขา ทั้งที่ยังยิ้มไม่หุบ

“ข้าเพียงไม่อยากเห็นใครบางคนตกน้ำอีกก็เท่านั้น” ตงจวินเหลือบตามองนาง ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเรือโดยไม่หันกลับมา

นางมองชายฝั่งอย่างชั่งใจ หากว่ายกลับไป ก็ต้องเปียกโชกอีกครั้ง ไหนจะตะกร้าหนัก ๆ ที่แบกมา หากอย่างนั้นขึ้นเรือของเขากลับไปคงไม่เสียหาย นางจึงตามขึ้นไปอย่างเงียบ ๆ แล้วเริ่มมองสำรวจรอบบริเวณบนเรือของเขา

แม้ว่าในชาติก่อน นางจะเคยใช้ชีวิตร่วมกับชายผู้นี้อยู่ช่วงหนึ่ง จึงรู้ว่าเขามีเงินเก็บมากพอสมควรจากการออกทะเลและขายของดี ๆ ที่หามาได้ แต่ชาตินี้เพิ่งสังเกตว่าเรือของเขาดูเก่าและผ่านการใช้งานมานาน ทว่าเจ้าของเรือก็ยังดูแลมันอย่างดี แม้ไม่ใหญ่โต แต่ก็มีหลังคาเล็ก ๆ ไว้กันแดดกันฝนพอเหมาะ เช่นเดียวกับที่ชาวประมงทั่ว ๆ ไปใช้กัน

ระหว่างที่นั่งอยู่บนเรือ เสียงท้องร้องของนางก็ดังขึ้นมาจนเจ้าตัวหน้าแดงด้วยความเขิน ตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ นางยังไม่ได้แตะข้าวปลาเลยแม้แต่น้อย ว่ายน้ำก็ว่าย ของก็หนัก จะหยิบมากินตอนนี้ก็คงไม่เหมาะนัก อีกไม่นานก็ถึงฝั่งแล้ว คงอดใจรอได้

เมื่อเรือเทียบฝั่งเรียบร้อย นางกระโดดลงจากเรืออย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มซึ่งกำลังใช้ไม้ตอกเรือไว้กับตลิ่ง

“ท่านกินข้าวหรือยัง?” นางเอ่ยถามพลางชำเลืองมองไปยังเรือ

ตงจวินส่ายหน้าเบา ๆ “ข้ายัง”

“ข้ามีข้าวห่อที่ยังไม่ได้แตะ ท่านเอาไปกินเถิด ถือเป็นการตอบแทนที่ช่วยส่งข้ากลับมาในวันนี้” นางพูดพลางยื่นห่อใบบัวใส่อาหารให้เขา แล้วรีบวิ่งจากไปโดยไม่รอฟังคำตอบ

ชายหนุ่มมองห่ออาหารในมือตนอย่างงุนงง พอได้สติ ก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่ยังได้ยินเสียงท้องของนางร้องอยู่แท้ ๆ นึกว่านางจะกินเสียเอง กลับกลายเป็นว่าเอามาให้เขาแทนเสียอย่างนั้น

“นี่นางกำลังเริ่มทำตัวเป็นภรรยาของข้าแล้วหรือ?” เขาพึมพำกับตัวเอง ยิ่งคิดก็ยิ่งยิ้มออกอย่างอดไม่ได้

ตงจวินแกะใบบัวออกอย่างระมัดระวัง กลิ่นหอมของข้าวและกับข้าวพื้นบ้านโชยขึ้นมาแตะจมูก เมื่อได้ลิ้มรสจึงพบว่าแม้หน้าตาจะดูธรรมดา แต่รสชาติกลับอร่อยเกินคาด

“ข้าไม่เคยรู้เลยว่า… นางทำอาหารได้อร่อยถึงเพียงนี้”

ด้านหลิวซิน หลังจากเดินห่างออกมาจากริมทะเลได้สักระยะ ตะกร้าในมือก็เริ่มหนักจนต้องหยุดพักเป็นระยะ นางลอบขอบคุณเขาในใจที่เตือนเรื่องไม่ให้ว่ายกลับ มิฉะนั้นคงหมดแรงกลางทางแน่

เมื่อเดินมาถึงบ้านหลังเล็กเรียบง่าย นางเปิดประตูเข้าไปก็พบมารดากำลังยืนอยู่หน้าเตาไฟ กลิ่นเครื่องปรุงลอยตลบอบอวล

“เจ้าไปไหนมา แม่บอกให้พักผ่อน!” หญิงวัยกลางคนเอ่ยดุเล็กน้อยพลางหันมามองลูกสาว

“ข้าไปทะเลมาน่ะท่านแม่ อย่าดุนักเลย วันนี้ข้าได้ของดีมาด้วยล่ะ” นางพูดพลางวางตะกร้าลงตรงหน้า

กัวหยุนชะโงกหน้ามองเข้าไปในตะกร้า “นี่มัน…หอยเป๋าฮื้อไม่ใช่หรือ? เจ้าไปหามันมาได้อย่างไรกัน? มันอยู่ในน้ำลึกนะ”

“ข้าเจอมันอยู่ไม่ห่างจากฝั่งมากนัก เลยลงไปเก็บมา ที่จริงไม่ได้ลึกอย่างที่ท่านคิดหรอก” นางรีบชิงพูดก่อนที่มารดาจะถามซ้ำ

กัวหยุนส่งสายตาขึงขังไปให้อย่างรู้ทัน ก่อนจะสังเกตเห็นหอยสีแดงขนาดใหญ่ที่วางอยู่ในมุมตะกร้า นางหยิบมันขึ้นมาดูแล้วพลิกไปมา

“แล้วนี่ล่ะ หอยอะไร?” นางถามพลางหรี่ตาพิจารณา

“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก เจอมันใกล้ ๆ หอยเป๋าฮื้อนั่นแหละ… หน้าตาคล้ายหอยบางอย่างที่เคยเห็นมาก่อน” นางขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด

“อยากรู้ไหมว่าข้างในมันมีอะไร?” นางหันไปถามมารดา น้ำเสียงแฝงความตื่นเต้น

เมื่อทั้งสองตกลงกันได้ ก็ช่วยกันค่อย ๆ ใช้มีดแงะเปลือกหอยออกทีละน้อย จนในที่สุด… เมื่อเปิดออก พวกนางก็ต้องตะลึงกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายใน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel