ตอนที่ 2 ข้าจะแต่งกับเขา
“เรื่องนี้ ข้าจะพูดคุยกับลูกสาวของข้าเอง” กัวหยุนเอ่ยเสียงเรียบ หันไปพยักหน้าขอบคุณชายหนุ่มผู้ช่วยชีวิตบุตรสาวก่อนพยุงร่างอ่อนแรงให้เดินจากมา
คล้อยหลังแม่ลูก เสียงของหูหลันก็ดังขึ้นแทรกความเงียบ “ช่างน่าสงสารตงจวินเสียจริง ต้องมารับชะตาแต่งกับหญิงปากกล้าเยี่ยงนั้น วัน ๆ เอาแต่แต่งตัวเดินชายตาไปมาหาเรื่องบุรุษ ช่างน่าสมเพชนัก”
สายตานางเหลือบมองตงจวินอย่างเสียดาย แม้เขาจะหน้าตาดี หากแต่ยากจนเสียอย่างเดียว
ชายหนุ่มหาได้สนใจถ้อยคำนินทาหรือสายตาของผู้คนไม่ เขาลุกขึ้นอย่างเงียบงันแล้วก้าวเดินจากไป การช่วยหญิงคนหนึ่งจากน้ำหาได้หมายความว่าเขาปรารถนาสิ่งใดตอบแทน นางจะยินยอมแต่งหรือไม่ ก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา ขอเพียงไม่ยุ่งวุ่นวายกับชีวิตของเขาก็พอ
เมื่อหูหลันเห็นว่าเขาเมินเฉยต่อคำพูด นางยิ่งเดือดดาล
“ดูสิพวกเจ้า เขาช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน ไม่คบหากับใคร วัน ๆ เอาแต่ออกเรือทะเล ถึงอายุป่านนี้ยังไม่มีภรรยา!”
กล่าวจบก็สะบัดตัวจากไปด้วยความไม่พอใจ
“พี่ตงจวิน!” เสียงเรียกไล่หลังดังขึ้น เหอซานวิ่งตามชายหนุ่มไปด้วยความร้อนใจ เมื่อนึกถึงคำพูดของตนก่อนหน้า หากเขายอมแต่งกับหลิวซินจริง นางคงต้องอกแตกตาย
ตงจวินหยุดเดิน หันกลับมามองหญิงสาวด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าตามข้ามาทำไม?”
“ข้า…ข้าเป็นห่วงพี่” เหอซานตอบเสียงแผ่ว สีหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอาย หากเขาไม่อยากแต่งกับหลิวซิน นางก็ยินดีจะแต่งแทน
“ห่วงตัวเองเถอะ” เขาปรายตามองเพียงแวบ ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อใย แล้วก็หมุนตัวเดินจากไปทันที
คำตอบนั้นทำเอาหญิงสาวหน้าเสีย ความอับอายและโกรธขึงตีขึ้นในใจจนแทบทนไม่ไหว นางกระทืบเท้าเต็มแรงลงบนผืนทราย ก่อนหมุนตัวเดินจากมาโดยไม่เหลียวกลับไปอีก
ด้านหลิวซิน ขณะนี้ถูกมารดาพากลับมายังบ้านหลังคุ้นตา แม้ไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน แต่นางกลับรู้สึกอบอุ่นแปลกประหลาด ราวกับทุกสิ่งคุ้นชินในความทรงจำ
เมื่อก้าวเข้าสู่บ้านไม้เรียบง่าย ที่มีเพียงสองแม่ลูกอาศัยอยู่ด้วยกัน กัวหยุนจึงเอ่ยเบา ๆ
“เจ้าไปอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อนเถิด”
“เจ้าค่ะ ข้าไปอาบน้ำก่อน ส่วนเรื่องอื่นไว้ค่อยพูดกัน”
หลิวซินรีบวิ่งตรงไปยังเรือนอาบน้ำโดยไม่รู้แม้แต่ทางเดิน ทว่าเท้ากลับพาไปถูกทางอย่างน่าอัศจรรย์
เมื่อร่างเปลือยเปียกสัมผัสกับน้ำเย็น ความเจ็บศีรษะก็แล่นวาบขึ้นทันที ความทรงจำบางส่วนที่หล่นหายไป ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
“ข้าจำได้แล้ว!” นางร้องออกมาเสียงดัง ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจและตื่นรู้
นางจำได้แล้วว่าแท้จริงแล้วตนคือหลิวซิน หญิงสาวผู้ย้อนเวลากลับมาก่อนเหตุร้ายจะเริ่มต้นขึ้น ชายในฝันที่ตามหลอกหลอนมานานก็คือตงจวิน ผู้เคยช่วยชีวิตนาง…และผู้ที่นางเคยผลักเขาสู่ความตาย
ชาติที่แล้ว นางเลือกเส้นทางผิดพลาดจนต้องตายอย่างทุกข์ทรมาน มารดาก็ตรอมใจตายตาม นี่คือโอกาสที่สวรรค์ให้มาแก้ไข… นางจะไม่มีวันทำผิดซ้ำเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด
เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย หลิวซินรีบแต่งกายแล้วกลับไปยังเรือนหลักที่ตนอยู่มาตั้งแต่เกิด มารดานั่งรออยู่เงียบ ๆ แม้ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่เพียงเห็นใบหน้าของท่าน นางก็รู้สึกอบอุ่นอย่างจับใจ
หลิวซินวิ่งเข้ากอดร่างบางนั้นด้วยความโหยหา “ข้ารักท่านแม่…”
นางกระชับอ้อมแขนแน่น ราวไม่อยากปล่อยให้ห่างอีกเลย
กัวหยุนลูบแผ่นหลังของลูกสาวอย่างแผ่วเบา “เจ้ามีเรื่องอันใดหรือ? หรือกลัวว่าแม่จะตำหนิ ถึงได้มาออดอ้อนเยี่ยงนี้?”
หลิวซินส่ายหน้าเบา ๆ “ข้าไม่ได้กลัวท่านแม่เลย เพราะตั้งแต่จำความได้ ท่านก็ไม่เคยตีหรือตำหนิข้าแม้แต่ครั้งเดียว”
นางถอยห่างออกมามองใบหน้าของมารดาให้ชัด แท้จริงแล้ว ท่านเป็นหญิงสาวที่งดงามมากผู้หนึ่ง แต่หลังจากบิดาจากไปเพราะออกทะเล ไม่เคยกลับมาอีก มารดาก็ต้องเลี้ยงนางเพียงลำพัง ใบหน้าเปื้อนแดด ผิวผอมกร้าน นางไม่เคยสังเกตมาก่อน เพราะมัวแต่เอาใจตัวเอง วิ่งตามชายผู้หวังแต่ผลประโยชน์จากนาง จนละเลยผู้หญิงคนเดียวที่รักนางอย่างไม่มีเงื่อนไข…
เมื่อได้ย้อนกลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง นางจะไม่มีวันทำตัวเช่นเดิมอีก ส่วนตงจวิน… นางรู้ดีว่าผิดต่อเขาอย่างมาก เพราะเป็นคนผลักเขาสู่ความตาย จึงไม่แปลกที่เขาจะกลับมาหลอกหลอนอยู่เช่นนี้ ทุกอย่างล้วนสมควรแล้ว
“ว่าอย่างไร เจ้าไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่า หรือว่าไม่อยากแต่งงานกับตงจวิน ถ้าเจ้าไม่ต้องการ ก็ไม่จำเป็นต้องแต่ง หากไม่มีใครอยากแต่งเจ้า แม่ก็จะเลี้ยงดูเจ้าเอง” กัวหยุนพูดพลางลูบศีรษะลูกสาวด้วยความห่วงใย
หลิวซินยิ้มน้อย ๆ “ข้าจะแต่งเจ้าค่ะท่านแม่ ข้ายินดีเต็มใจ” ดวงตาของนางแน่วแน่ มั่นคง ไม่ใช่เด็กสาวที่เคยงอแงเหมือนในอดีตอีกต่อไป
กัวหยุนเริ่มรู้สึกแปลกใจ… เหตุใดลูกของนางจึงว่าง่ายผิดปกติเช่นนี้ “เจ้าตัดสินใจดีแล้วจริงหรือ หรือว่ายังเวียนหัวอยู่?”
“ท่านแม่ ข้าตัดสินใจดีแล้วเจ้าค่ะ หากเขาไม่รังเกียจอะไรก็ให้มาสู่ขอข้าเถอะ” ในใจนางอยากชดใช้ให้เขาให้มากที่สุด… อีกทั้ง ยังอยากหลบหนีจากบางคนให้ไกลแสนไกลด้วย
“หากเจ้าพูดด้วยสติครบถ้วน พรุ่งนี้แม่จะไปคุยกับตงจวิน เจ้าจะไปด้วยหรือไม่?” จริง ๆ แล้ว กัวหยุนอยากให้ฝ่ายชายเป็นผู้เดินทางมาหามากกว่า
“ข้าไม่ไปดีกว่าค่ะ ให้ท่านแม่ไปพูดกับเขาก็พอแล้ว”
“ตกลง พรุ่งนี้แม่จะไปพูดกับเขาเอง วันนี้เจ้าเหนื่อยมากแล้ว เข้าไปพักผ่อนเถอะ แม่จะทำอาหารให้เจ้ากิน” นางกล่าวพร้อมผลักเบา ๆ ที่หลังลูกสาวให้เดินเข้าห้องพัก ส่วนตนเองจึงหันไปยังครัว
เมื่อเปิดโถข้าวออกดูก็พบว่าข้าวเหลือเพียงน้อยนิด นางจึงต้มข้าวต้มใส่ไข่สองฟองที่มีอยู่ ที่จริงตอนสาย นางกำลังเดินเก็บหอยเพื่อจะนำไปขาย ทว่ากลับมีข่าวเรื่องลูกสาวเสียก่อน
อีกไม่นานลูกก็จะแต่งงานจากไป แม้ใจจะเหงาเพียงใด นางก็ต้องอดทน
หลังจากจัดการอาหารเรียบร้อย กัวหยุนเดินไปที่ห้องลูกสาว ตั้งใจจะปลุกให้มากินข้าว แต่เมื่อเห็นหลิวซินหลับสนิท ก็เปลี่ยนใจ ไม่กล้าปลุก นางคงเหนื่อยล้ามาก เอาไว้เมื่อตื่นค่อยมากินก็แล้วกัน
กัวหยุนเดินไปยังหลังบ้าน ล้างหอยที่เก็บมาได้ให้สะอาด ในเมื่อวันนี้ยังไม่ได้เข้าเมือง พรุ่งนี้ค่อยเอาไปขายแทน แต่ที่ริมทะเลมีคนมารับซื้ออยู่แล้ว ถึงจะได้ราคาที่ถูกกว่าในเมือง แต่ก็ดีอยู่อย่าง คือนางไม่ต้องเดินทางลำบาก เอาของเข้าไปขายด้วยตัวเองภายในเมือง
เมื่อเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นแสงอาทิตย์เจือสีส้มอ่อน นางจึงวางของลงแล้วเดินกลับไปหน้าบ้าน
“หลิวซิน ตื่นได้แล้วลูก” นางเรียกพร้อมเขย่าตัวเบา ๆ
หลิวซินขยับตัวพลิกไปมาอย่างขี้เกียจ “ยามไหนแล้ว…” นางลืมตาข้างหนึ่ง มองเห็นฟ้ายามเย็นสีส้มแผ่จาง ๆ
“เย็นมากแล้ว ลุกมากินข้าวก่อนเถิด จะได้พักต่อ” ผู้เป็นแม่พูดพลางประคองร่างลูกสาวขึ้นอย่างทะนุถนอม
“เจ้าค่ะ ข้าจะลุกเดี๋ยวนี้” นางค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นด้วยความเมื่อยล้า ร่างกายยังเจ็บระบม ไม่รู้ว่าตอนจมน้ำร่างของนางกระแทกสิ่งใดเข้าไปบ้าง
เมื่อเดินมายังครัว สายตามองไปยังอาหารเรียบง่ายที่ผู้เป็นแม่ตั้งใจทำให้ ในช่วงเวลานี้ บ้านของนางช่างยากจนถึงที่สุด แม้แต่ข้าวกินยังแทบไม่มี
แต่หลังจากนี้… นางจะใช้ความรู้ ความสามารถที่มี สร้างชีวิตใหม่ให้แม่ได้อยู่ดีมีสุขมากกว่านี้
“เจ้ากินเยอะ ๆ หน่อย” กัวหยุนตักข้าวต้มให้ลูกจนเกือบเต็มชาม
“ท่านแม่ก็ต้องบำรุงเช่นกันนะเจ้าคะ ท่านแม่ยังต้องอยู่กับลูกไปอีกนาน ถึงตอนนี้บ้านของเราจะลำบาก แต่ข้าเชื่อว่าในอนาคต ชีวิตของเราจะดีขึ้น ข้าจะเชื่อฟังท่านให้มากกว่านี้” นางหันไปพูดด้วยแววตาจริงจัง
“ได้สิ แม่เชื่อเจ้า ลูกของแม่เก่งที่สุดเลย” กัวหยุนยิ้มกว้าง ใจเต็มตื้น… ลูกของนางไม่เคยพูดจาน่าชื่นใจเช่นนี้มาก่อนเลย
