ตอนที่ 1 ชายในฝัน
ในยามค่ำคืนอันเงียบสงัด สวี่ซินหลับใหลเหมือนเช่นทุกคืน และทุกครั้งที่ดวงตาปิดลง นางมักฝันเห็นใบหน้าของชายคนหนึ่งเสมอ ชายหน้านิ่งผู้นั้นมีดวงตาคมดุจนน่าหวาดหวั่น แม้รูปลักษณ์จะหล่อเหลาน่าเอ็นดู หากแต่ในความฝันกลับมีเพียงความโกรธแค้นฉายชัดในแววตา ไม่รู้เลยว่านางเคยล่วงเกินสิ่งใดให้เขาโกรธเกลียดได้ถึงเพียงนั้น
สวี่ซินสะดุ้งตื่นขึ้นกลางดึก ร่างเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าร้อนผ่าว นางพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
‘ฝันเรื่องนั้นอีกแล้วหรือ? ชายในฝันผู้นั้นเป็นใครกันแน่…’
นางพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ตั้งแต่เกิดมาจนอายุยี่สิบห้า ปีหลังมานี้นางฝันเช่นนี้ติดต่อกันมาห้าปีเต็ม
เมื่อแรกเริ่ม นางมองเห็นเพียงเงาร่างลางเลือนของชายผู้นั้น แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ภาพนั้นยิ่งคมชัดขึ้นทุกที ทั้งแววตา ท่าทาง และบรรยากาศรอบตัวก็สมจริงจนน่าหวาดหวั่น ราวกับนางเคยมีชีวิตอยู่ในโลกนั้นจริง ๆ และในความฝันนั้น ชายผู้นั้นหาได้มองนางด้วยความรัก หากกลับแฝงไว้ด้วยแรงโกรธแค้นลึกล้ำ
ยิ่งฝันครั้งนี้ยิ่งชัดเจน… ยิ่งน่ากลัว
ชายผู้นั้นพยายามจะทำบางสิ่งกับนางอยู่เสมอ ขณะที่นางก็หนีอย่างอ่อนแรงและหวาดหวั่น ไม่เคยรอดพ้นไปได้เลย
ในฝัน นางพายเรือลอยเคว้งกลางทะเลกว้าง ไม่เห็นแม้แต่ฝั่งไกลตา ทว่ามีชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งกำลังว่ายน้ำตามมาอย่างไม่ลดละ ความรู้สึกกลัวแล่นเข้าจับใจ
แม้จะบอกตัวเองว่าทั้งหมดเป็นเพียงความฝัน ไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่นางก็อดรู้สึกหวั่นใจไม่ได้
สวี่ซินลุกขึ้นอาบน้ำ เตรียมตัวออกไปทำงานเช่นทุกวัน แม้ใจยังอึดอัดและไม่รู้ว่ากังวลเรื่องใดกันแน่…
หลังเลิกงาน นางแวะกินข้าวข้างทางพร้อมจิบเหล้าย้อมใจเพียงเล็กน้อย หวังเพียงค่ำคืนนี้จะไม่ต้องฝันเห็นชายผู้นั้นอีก เมื่อนางกลับถึงห้อง ก็ล้มตัวลงนอนทันที ความเหนื่อยล้าจากการงานและการอดนอนสะสมทำให้นางเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
คืนนั้นนางหลับสนิทกว่าทุกคืน… แต่ในความฝัน ก็ยังเป็นชายคนเดิม คนที่ไล่ล่านางมาตลอดห้าปี
หากแต่ฝันในคราวนี้แตกต่างออกไป…
คราวนี้นางไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ หากกลับกลายเป็นผู้เฝ้ามองจากที่ไกล
นางมองเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กับหญิงสาวผู้หนึ่งกำลังนั่งเรือไปด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศสงบงดงาม ทว่าเมื่อเรือแล่นไปถึงจุดซึ่งสายน้ำเชี่ยวกรากวนเวียนเป็นวงกลมน่าหวาดกลัว จู่ ๆ หญิงสาวกลับผลักชายหนุ่มตกลงไปในกระแสน้ำนั้น
สวี่ซินอุทานด้วยความตกใจ นางเห็นชัดเจน…รอยยิ้มสมใจของหญิงสาวผู้นั้น
เมื่อนางพยายามโน้มตัวลงไปดูชายแปลกหน้าและเอื้อมมือหวังจะดึงเขาขึ้นมา กลับเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ชายผู้นั้นโผล่ขึ้นจากสายน้ำ…จ้องนางด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น ก่อนจะคว้ามือของนางฉุดลงไปพร้อมกัน
สวี่ซินดิ้นรนพยายามจะว่ายขึ้นมาจากน้ำ แต่ทุกครั้งที่นางจะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำ ชายผู้นั้นกลับกดร่างนางจมลงไปอีก ราวกับไม่ยอมให้นางหลุดพ้นจากความผิดที่ไม่รู้ว่าเคยก่อไว้เมื่อใด
ในวินาทีสุดท้ายที่กำลังสิ้นใจ มีมือหนึ่งยื่นเข้ามาฉุดร่างนางขึ้นจากผืนน้ำ
สวี่ซินหอบหายใจเฮือกใหญ่ สูดอากาศเข้าเต็มปอด ดวงตาพยายามลืมขึ้นท่ามกลางแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาที่ใบหน้า และภายใต้แสงนั้นเอง นางเห็นเงาชายที่ฝังแน่นอยู่ในฝันตลอดห้าปี
ความกลัวแล่นปราดกลับมาทันทีที่ภาพนั้นปรากฏ นางรีบผลักชายผู้นั้นออกห่างโดยสัญชาตญาณ
“นี่ท่านจะทำอันใดกันแน่!” นางร้องถาม สายตากวาดไปรอบตัว พบเห็นชาวบ้านแต่งกายมอซอ และที่น่าตกใจกว่านั้น… นางนอนอยู่บนชายฝั่งทะเลแห่งหนึ่ง!
“หลิวซิน เจ้ายังมีสติหรือไม่?”
เสียงหญิงชราผู้หนึ่งเอ่ยถามพลางก้าวเข้ามาใกล้ สีหน้าฉายชัดถึงความเป็นห่วง
“ข้า…หรือ?” นางชี้มือตัวเองอย่างสับสน
“ตกน้ำจนปัญญาอ่อนไปแล้วหรือไร ถึงจำชื่อตนเองมิได้?” หูหลันถามพลางขมวดคิ้ว
หลิวซินมองหญิงผู้นั้นนิ่งไปชั่วครู่ พยายามรื้อฟื้นความทรงจำเท่าไรก็นึกไม่ออก หรือว่านางจะเสียสติไปจริง ๆ?
“ข้าไม่เป็นไร…” สวี่ซินตอบเสียงเบา พลางกวาดตามองชาวบ้านที่เริ่มทยอยเดินเข้ามามุงดูด้วยความอยากรู้
“เจ้ายังจะบอกว่าไม่เป็นอะไรอีกหรือ? เจ้าเป็นหญิงยังมิได้ออกเรือน แต่กลับถูกเนื้อต้องตัวกับบุรุษเช่นนี้ จะให้พวกเราทำเป็นไม่เห็นได้อย่างไรกัน เจ้าเองก็ต้องแต่งงานกับเขาเสีย!”
“ใช่ ๆ เจ้าต้องแต่งกับตงจวินแล้วล่ะ พวกเราก็เห็นกันเต็มตา ช่างน่าอับอายจริง ๆ”
เสียงชาวบ้านเริ่มดังเซ็งแซ่จนสวี่ซินรู้สึกอึดอัด นางยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางวงล้อมด้วยความสับสน ในยามนี้มิได้สนใจเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศ ขอเพียงมีเวลาสักครู่ให้นางได้ตั้งสติและคิดทบทวน
“เหตุใดข้าจึงต้องแต่งงานด้วยเล่า? ข้าเพียงตกน้ำ แล้วก็มีผู้ช่วยชีวิตขึ้นมาเท่านั้นเอง!” เสียงของนางสั่นเล็กน้อย แต่ยังพยายามรักษาความมั่นคงเอาไว้
“หรือเจ้ารังเกียจตงจวินเพราะเขายากจน เจ้าถึงไม่ยินดีจะแต่งกับเขาใช่หรือไม่?”
เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมาจากเบื้องหลัง สวี่ซินหันกลับไปมอง เห็นหญิงหน้าตาหยาบกร้านผู้หนึ่ง สีหน้ามิได้แสดงความเป็นมิตรแม้แต่น้อย
สายตานางเลื่อนไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่ไม่ห่าง เขาเงียบขรึม แววตาเรียบนิ่งราวกับมิได้สนใจสิ่งใด ทั้งที่เรื่องทั้งหมดเกี่ยวข้องกับตนโดยตรง
“เจ้าพูดออกมาได้อย่างไร! เรื่องฐานะก็ส่วนหนึ่ง แต่หากมิได้มีใจให้กัน จะให้แต่งงานกันได้เยี่ยงไร? การแต่งงานควรเกิดจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย!”
สวี่ซินเอ่ยเสียงหนักแน่น นี่เป็นเรื่องที่นางไม่เคยคาดคิดว่าจะต้องเผชิญมาก่อน
“ในเมื่อเจ้าไม่ยินยอม เช่นนั้นก็ต้องไปแจ้งเรื่องนี้ให้มารดาของเจ้าทราบ นางคงจะดีใจนักที่ลูกสาวขายออกเสียที”
เหอซานกล่าวพลางหัวเราะเสียงดังด้วยความสะใจ นางรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูกที่ได้เห็นหลิวซินตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ใบหน้างดงามของอีกฝ่ายยิ่งทำให้นางรู้สึกริษยาไม่เลือนหาย
“จริงดังที่เหอซานว่า เรื่องนี้ต้องให้มารดาของนางเป็นผู้ตัดสิน จะเลือกขายหน้า หรือจะขายลูกสาวออกไปก็ว่ากันไป!”
เสียงเห็นด้วยดังขึ้นเป็นทอด ๆ
ขณะที่เสียงชาวบ้านยังถาโถมกดดันให้แต่งงาน จู่ ๆ ก็มีหญิงผู้หนึ่งวิ่งมาด้วยท่าทางร้อนรน
“หลิวซิน! ลูกแม่ เป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงผู้นั้นรีบทรุดตัวลงข้างกาย เอื้อมมือแตะหน้าผาก ลูบศีรษะ พลิกตัวลูกสาวซ้ายขวาเพื่อตรวจดูว่ามีบาดแผลใดหรือไม่
เห็นท่าทางเป็นห่วงของหญิงผู้นั้น สวี่ซินรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หญิงคนนี้ต้องเป็นมารดาของนางแน่
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ…” นางตอบเสียงแผ่ว พยายามฝืนยิ้มเพื่อให้มารดาเบาใจ
“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้าเช่นนั้น…กลับบ้านกันเถิด”
กัวหยุนค่อย ๆ ประคองลูกสาวให้ลุกขึ้นอย่างทะนุถนอม
แต่ก่อนจะเดินจากมา เสียงของชาวบ้านก็ยังไม่ยอมจางหาย
“กัวหยุน! เจ้าจะปล่อยเรื่องนี้ไปเฉย ๆ หรือ หากมีผู้ใดล่วงรู้เข้า ลูกสาวเจ้าคงไม่มีใครกล้าสู่ขออีกแล้ว!”
“ใช่แล้ว เจ้าควรคิดให้รอบคอบ เรื่องเช่นนี้มิอาจมองข้ามได้!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น กัวหยุนเริ่มลังเล แม้จะสงสารบุตรสาวเพียงใด แต่ธรรมเนียมปฏิบัติในหมู่บ้านนี้ก็ไม่อาจละเลยได้ หญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือน หากถูกเนื้อต้องตัวกับบุรุษ ย่อมถือเป็นเรื่องเสื่อมเสีย แม้จะงดงามเพียงใด ก็อาจไม่มีใครกล้ามาขอแต่ง
นางหันไปมองหลิวซินด้วยสายตาเวทนา ลูกสาวที่เลี้ยงดูมาด้วยความรักและหวงแหน วันนี้กลับต้องมาเผชิญเรื่องอัปยศเช่นนี้
แต่เมื่อสายตาหญิงชราเหลือบไปเห็นชายหนุ่มผู้ช่วยลูกสาวเอาไว้ ใจของนางก็คล้ายเบาลง
แม้ตงจวินจะไร้พ่อแม่ ไม่มีผู้ใดค้ำจุน แต่เขาเป็นชายหนุ่มขยันขันแข็ง และเป็นที่หมายปองของหญิงสาวในหมู่บ้านมากมาย รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมเข้ม แม้ดวงตาจะดูดุอยู่บ้าง แต่ก็ดูน่าเชื่อถือกว่าบัณฑิตบางคนที่ลูกสาวเคยหมายตาเสียอีก…
