ตอนที่ 7 : เรื่องราวที่ต้องจัดการ
ตอนที่
[5]
เรื่องราวที่ต้องจัดการ
หลังจากที่เขาเดินจากไป ไม่นานนางก็เดินตามหลังเขาไปอย่างเงียบ ๆ เช่นกัน จวบจนกระทั่งออกมาจากบริเวณป่าและเขาก็เดินเข้าสำนักศึกษาไป นางจ้องมองที่ประตูครู่หนึ่งด้วยความหวังว่าเขาจะออกมาอีกหรือไม่ แต่แล้วก็ต้องผิดหวัง จึงได้แต่คอตกและเตรียมจะเดินกลับบ้าน จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นที่ด้านหลัง
“แม่นางหยวน หยุดก่อน”
เมื่อนางหันกลับไปก็พบกับบุรุษรูปงามผู้หนึ่ง ซึ่งเขาผู้นั้นก็คือสหายสนิทของเจิ้งซีฮัน
คุณชายหาน
หลังจากนั้นนางจึงเอ่ยถามเขาว่ามีอันใดหรือไม่ อีกฝ่ายยิ้มและตอบอย่างครบถ้วนว่าเจิ้งซีฮันบอกให้เขาเอารถม้าไปส่งนางที่บ้าน แม้นางจะปฏิเสธแต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ เพราะรับคำสั่งมาแล้ว ใจของนางสั่นไหวอีกครั้ง พลางคิดถึงบุรุษผู้นั้น เขาสั่งให้สหายไปส่งนาง
เขาเป็นห่วงนางหรือ
หรือเป็นเพราะเขาเป็นบัณฑิตที่มีคุณธรรม
แต่ไม่ว่าอย่างใด นางก็ล้วนดีใจทั้งสิ้น
อย่างน้อยในเสี้ยวความคิดของเขาก็มีนางบ้างแล้ว
ระหว่างทางนางพูดคุยกับคุณชายหานไม่มาก เป็นฝ่ายนั้นที่เป็นฝ่ายชวนนางพูดคุยมากกว่า เขาเป็นคนที่น่าไว้ใจและดูเป็นมิตรยิ่ง
“นี่ แม่นางหยวน เจ้ารู้จักกับซีฮันได้อย่างไรหรือ”
“ข้าไม่...”
“เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเจ้าเป็นสตรีคนแรกที่ทำให้ซีฮันสนใจได้ ปกติแล้วสิ่งที่เขาสนใจก็มีแต่ตำรา ตำรา และตำราเท่านั้น”
เป็นสตรีคนแรกที่เขาสนใจเช่นนั้นหรือ
ไม่รู้เพราะเหตุใด จู่ ๆ แก้มของนางก็เห่อร้อนขึ้น
นางไม่ได้ตอบคำถามคุณชายหาน แต่กลับเป็นฝ่ายถามเขาไปว่าวันนี้เจิ้งซีฮันผิดปกติอันใดหรือไม่ เขาจึงคิดครู่หนึ่งก่อนจะตอบมาว่า วันนี้สหายของเขาก็เย็นชาและเรียบนิ่งเป็นปกติแต่มีช่วงหนึ่งที่เขาแสดงสีหน้าว่าคล้ายมีบางอย่างไม่สบายใจ จากนั้นก็ลุกหายออกไปจากที่นั่งครู่ใหญ่ จวบจนกระทั่งกลับมาอีกครั้งก็มาบอกให้เขานำรถม้าไปส่งสตรีแซ่หยวนที่อยู่ด้านหน้าสำนักศึกษาที่บ้าน ทั้งยังย้ำว่าต้องส่งให้ถึงบ้าน
ยิ่งได้ฟังคุณชายหานเล่า นางยิ่งรู้สึกว่าแก้มของนางยิ่งร้อนขึ้นเรื่อย ๆ และที่สำคัญหัวใจของนางกำลังได้รับการเติมเต็ม เขาช่วยเหลือนาง ทั้งยังให้คนมาส่งนางและยังจำนางได้
สตรีแซ่หยวน....
ช่างราวกับความฝันเหลือเกิน
นางแอบหยิกที่แขนตนเอง ก็รับรู้ถึงความเจ็บปวดอย่างชัดเจน นั่นก็หมายความว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง
แม้เขาจะบอกให้สหายของเขาส่งนางให้ถึงบ้าน แต่นางเห็นว่าไม่เป็นการดีแน่ หากให้ผู้อื่นเห็นว่านางมีบุรุษมาส่ง นางจึงให้คุณชายหานส่งนางก่อนถึงทางเข้าหมู่บ้าน แม้เขาจะไม่ยินยอมในตอนแรก แต่เมื่อนางอธิบายเหตุผลไป ไม่นานเขาก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“อ้อ ลืมเกือบลืมสนิทเลย นี่ ซีฮันฝากเอามาให้เจ้าด้วย”
นางมองสิ่งที่คุณชายหานยื่นมาให้
ยาหรือ
“เห็นซีฮันบอกว่าเป็นยาแก้ฟกช้ำทาภายนอก เจ้าบาดเจ็บหรือ... นี่ แม่นางหยวนได้ยินข้าหรือไม่!”
หานฝู่หลิงเอ่ยเรียกสตรีตรงหน้าเมื่อเห็นว่านางเอาแต่เหม่อลอยและมีใบหน้าแดงจัดราวกับคนเป็นไข้
“อะ...อ้อ ข้าได้ยิน ขอบคุณคุณชายหานแล้วก็...รบกวนฝากไปขอบคุณคุณชายเจิ้งด้วยนะเจ้าคะ ยามนี้ข้าขอตัวก่อน”
นางหยิบยาจากมือของอีกฝ่ายจากนั้นก็รีบลงจากรถม้าทันที
เฮ้อ เมื่อนึกไปถึงเขาผู้นั้น ที่ฝากสหายให้นำยามามอบให้นาง หัวใจนางก็เต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอกด้านซ้ายเสียแล้ว
คุณชายหานแม้นางจะลงจากรถม้าและเดินออกมาแล้วแต่เขาก็ไม่จากไปในทันที ยามที่นางหันหลังกลับไปก็ยังพบว่ารถม้ายังจอดอยู่ที่เดิมตลอด
ช่างเป็นบุรุษที่ดีเสียจริง
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ก็พบว่ามารดายังไม่กลับมา นางจึงรีบไปชำระกายและเปลี่ยนอาภรณ์ทันที เพราะกลัวว่าหากมารดาพบนางในอาภรณ์ชุดเดิม อีกฝ่ายจะต้องรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในช่วงเย็นวันเดียวกันที่จวนตระกูลเจิ้ง หรือจวนนายอำเภอซื่อซวน
นายอำเภอเจิ้งหรือเจิ้งเหวินและเจิ้งฮูหยินนั่งรอบุตรชายที่ห้องรับแขกด้วยใบหน้าเคร่งขรึม และเมื่อพบหน้าเขา เจิ้งฮูหยินก็ลุกขึ้นจากที่นั่งของตนทันที
“ฮันเออร์ วันนี้เจ้าไปทำอันใด ไปนัดพบสตรีใช่หรือไม่!” เจิ้งฮูหยินเอ่ยถามสิ่งที่ต้องการทันทีและเมื่อกล่าวออกไปใบหน้าของนางก็แสดงความโกรธเพิ่มมากขึ้น ด้านเจิ้งซีฮันกลับมีสีหน้าที่เยือกเย็นเช่นกัน
“ท่านแม่ไปได้ยินเรื่องราวที่ห่างไกลจากความจริงมาจากที่ใด หลานรักของท่านหรือ”
“ฮันเออร์หากมิใช่ความจริง เจ้าก็รีบอธิบายให้พวกเราฟังโดยด่วน” คราวนี้เป็นเสียงของนายอำเภอเจิ้ง เจิ้งซีฮันคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ เขามองบิดาและมารดาสลับกัน เจิ้งฮูหยินที่เห็นบุตรชายเอาแต่นิ่งไม่กล่าวสิ่งใดก็รู้สึกร้อนรุ่ม ตั้งแต่ที่นางได้ยินเรื่องนี้ นางก็นั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ บุตรชายของนางกับสตรีชาวบ้านเช่นนั้นหรือ!
“ฮันเออร์ เจ้ารีบบอกข้ามา สตรีชาวบ้านผู้นั้นเป็นผู้ใด หากไม่ได้กงเออร์ที่มีความหวังดีมาบอกแม่ เจ้าคิดจะบอกแม่ยามใด เจ้าจะให้แม่อกแตกตายหรืออย่างไร!” เจิ้งฮูหยินเริ่มตีอกชกตัว จนนายอำเภอเจิ้งเห็นเช่นนั้นก็รีบเข้าไปโอบกอดภรรยาไว้ ส่วนผู้เป็นบุตรชายนั้น เขามีสายตาและอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นยามที่มารดากล่าวถึงเดรัจฉานผู้นั้น!
“หึ หวังดีเช่นนั้นหรือ” เขาเริ่มกล่าวขึ้นพร้อมจ้องหน้ามารดา
“เดรัจฉานผู้นั้นน่ะหรือหวังดี”
“ฮันเออร์ เจ้า!” เจิ้งฮูหยินเตรียมจะขัดบุตรชายที่กล่าวถึงหลานชายของนางเช่นนั้น เจิ้งซีฮันจึงกล่าวขึ้นมาก่อน
“ท่านแม่รู้หรือไม่ ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างไร หลานชายที่หวังดีของท่านน่ะ วันนี้ไปก่อเรื่องอันใดไว้บ้าง” เขาสูดหายใจครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ
“มาที่นี่ไม่นานก็ไปคบหากับเหล่าเด็กเสเพลในอำเภอ ท่านรู้หรือไม่ว่าวันนี้เขาและสหายร่วมกันสร้างเรื่องเลวทรามเพียงใด ฉุดคร่าสตรีชาวบ้านผู้หนึ่งเพื่อหวังจะย่ำยีนาง! และสตรีที่เขาบอกว่าข้านัดพบกับนางนั้น แท้จริงก็คือสตรีที่พวกมันฉุดคร่าไป แล้วข้าไปช่วยได้ทันอย่างไรเล่า ไหนท่านแม่บอกข้าที ว่าหลานชายท่านมีดีอย่างไร ท่านแม่คิดว่าหากข้าไปช้า มันจะเกิดอันใดขึ้น!!”
เจิ้งฮูหยินสะดุ้งยามที่บุตรชายตวาดออกมา ทั้งยังจ้องหน้าผู้เป็นมารดาอย่างไม่มีลดละ
“แล้วก็...ท่านพ่อ หากครั้งนี้ท่านไม่จัดการอันใด ข้าจะเป็นคนจัดการเอง โดยเฉพาะหลานชายของท่านแม่ผู้นั้น”
“ไม่นะ ท่านพี่ กงเออร์ยังเด็ก อีกทั้ง...บางทีสตรีชาวบ้านนั่นอาจจะเป็นฝ่ายยั่วยวนเขาก่อนก็ได้” เจิ้งซีฮันที่ได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้นก็เหยียดยิ้มออกมา
“หึ หากพวกท่านไม่จัดการอันใด ข้าจะบอกความร้ายแรงที่จะเกิดขึ้นดีหรือไม่”
สองสามีภรรยารีบหันมามองบุตรชายทันที เจิ้งซีฮันที่เห็นเช่นนั้นก็ได้แต่แค่นยิ้มออกมา
“จุดที่อู่เฉินกงพาสตรีผู้นั้นไปวันนี้ นั่นเป็นป่าที่อยู่ด้านข้างสำนักศึกษา หากมีข่าวลือออกไปว่า ญาติผู้น้องของเจิ้งซิ่วไถ จุดคร่าสตรีหวังพาไปย่ำยีข้างสำนักศึกษาประจำอำเภอ ในขณะที่วันนั้นญาติผู้พี่ของเขาก็อยู่ในสำนักศึกษาด้วยเช่นกัน ท่านว่าเรื่องราวจากนั้นจะเกิดอันใดขึ้น ปีหน้าข้าก็จะสอบฮุ่ยซื่อแล้ว ชื่อเสียงของข้า....” เจิ้งซีฮันกล่าวแล้วก็หยุดเว้นช่วงไป ด้านเจิ้งฮูหยินนั้นแม้ไม่ต้องฟังจบนางก็รู้ว่าบุตรชายกำลังหมายถึงสิ่งใด
นางส่ายหน้ารัว ทั้งยังหันไปจับมือสามีและกระตุกไม่หยุด
“ไม่ได้! จะปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นไม่ได้ ท่านพี่เราต้องจัดการ ฮันเออร์ เรื่องนี้แม่จะจัดการเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง” เจิ้งซีฮันได้ยินเช่นนั้น ก็มีสายตาที่เยือกเย็นยิ่งขึ้น
มารดาและบิดาของเขากลัวที่สุดก็คือ กลัวว่าหนทางการเป็น
จอหงวนของเขาจะไม่ราบรื่น
หากมีเรื่องใดที่จะสามารถที่จะส่งผลกระทบต่อเส้นทางนี้ของเขา พวกเขาทั้งสองก็พร้อมจะจัดการทันที
“เช่นนั้นก็ขอฝากฝังเรื่องนี้กับท่านพ่อท่านแม่แล้ว” กล่าวจบเขาก็เตรียมจะหมุนกายออกไป
“เดี๋ยว!” แต่ก็ต้องหยุดเพราะเสียงเรียกของมารดาที่อยู่ด้านหลัง
“ท่านแม่มีอันใดหรือ”
“เจ้าแน่ใจหรือไม่ว่าเจ้ากับสตรีผู้นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกัน”
อีกฝ่ายคงจะหมายถึง....เมื่อเขานึกถึงสตรีผู้นั้นก็คล้ายมีบางอย่างเกิดขึ้นในใจ
‘คุณชาย ข้าชื่อซีเวย หยวนซีเวย! ท่านจดจำข้าไว้นะ เราต้องได้พบกันอีกแน่!’
แต่....
“ข้ากับนางไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกัน”
เขาก็ตอบออกไปเช่นนี้ เขากับนางไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกันจริง ๆ เขาเป็นเพียงผู้ที่บังเอิญไปช่วยนางก็เท่านั้น
“หากเป็นเช่นนั้นก็ดี ฮันเออร์ แม่มีความบางอย่างอยากจะบอกเจ้า” เจิ้งฮูหยินลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกอบกุมมือของบุตรชายไว้ “หนทางของเจ้ายังอีกยาวไกล เมื่อใดที่ถึงปลายทางของความสำเร็จ เมื่อนั้นก็จะมีสตรีที่เพียบพร้อมมาให้เจ้าเลือกมากมาย อย่าได้หลงไปหยอกล้อกับพวกดอกไม้ป่ากลิ่นแรงเหล่านั้น หากกล่าวตามตรงสตรีชาวบ้านล้วนแต่มากมารยาและอยากเข้าหาผู้ที่จะเป็นคนใหญ่คนโตในภายภาคหน้าเช่นเจ้าทั้งนั้น เจ้าอย่าไปหลวมตัวไปหลงกลพวกนาง” เมื่อเห็นบุตรชายเอาแต่นิ่งนางจึงสำทับไปอีกรอบ “ที่ข้าพูดเจ้าเข้าใจหรือไม่”
“ข้าเข้าใจแล้ว” กล่าวจบเขาก็หมุนกายออกไปทันที
ท่านแม่กล่าวว่า สตรีชาวบ้านมากมารยา ล้วนแต่อยากเข้าหาผู้ที่เป็นใหญ่เป็นโตเช่นนั้นหรือ
แต่บางที.....ท่านแม่อาจจะลืมไปว่า....แต่ก่อนที่นางจะได้พบท่านพ่อ นางก็เป็นสตรีชาวบ้านมาก่อนเช่นเดียวกัน
