ตอนที่ 6 : บุรุษที่มากับภัยร้าย 1/2
ตอนที่
[4]
บุรุษที่มากับภัยร้าย
“หึ เจ้าอย่าขัดขืนอีกเลย อีกครู่หนึ่งเจ้าก็จะมีความสุขแล้ว” กล่าวแล้วก็จับไปที่กางเกงของนางและเตรียมจะดึงลงดังที่ใจคิด......
และในจังหวะนั้นเอง ที่จู่ ๆ ด้านหลังของอู่เฉินกงก็มีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็
“อู่เฉินกง หยุดการกระทำเลวทรามของเจ้าเดี๋ยวนี้!!”
พลั่ก!
ตุบ!
“โอ๊ยยย เจ็บ ๆ มันผู้ใดทำร้ายข้า!”
อู่เฉิงกงที่กำลังจะมอบความสุขให้กับสตรีตรงหน้า จึงไม่ทันได้มองด้านหลังที่ จู่ ๆ ก็ถูกผู้ใดสักคนถีบเข้าไปที่เอวของเขาอย่างแรง จนทำให้เขากระเด็นไปไกลจากจุดที่อยู่มากโข
หลังจากนั้นผู้ที่จับตัวหยวนซีเวยอยู่เมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงได้รีบปล่อยมือจากนางแล้วรีบวิ่งหนีไปคนละทิศละทางทันที
“นี่พวกเจ้า!”
ด้านผู้ที่ถูกถีบเมื่อเห็นว่าเหล่าสหายใหม่ของเขาต่างก็วิ่งหนีทิ้งเขาไปแล้ว เดิมคิดจึงจะไปจัดการผู้ที่กล้ามาขัดขวางความสุขของเขา แต่เมื่อมองหน้าผู้ที่มาใหม่ เขาก็ผงะทันที
“ยะ...ญาติผู้พี่....” เสียงของเขาแผ่วเบา ราวกับมิใช่อู่เฉินกงก่อนหน้านี้ ที่แท้บุรุษโฉดชั่วผู้นี้คือญาติผู้น้องของเจิ้งซีฮันที่มาจากต่างเมืองเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนนั่นเอง และความคิดชั่วร้ายเช่นนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบหยวนซีเวยที่ตลาดยามที่เขาเดินทางมาถึงอำเภอซื่อซวนวันแรก
ทางด้านหยวนซีเวยยามนี้นางทิ้งศีรษะนอนราบกับพื้นแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะเช็ดมันออก
นางกำลังดีใจ.......
เบื้องบนก็ไม่ได้ใจร้ายกับนางเสียทีเดียว
ในที่สุดเขาก็มา....
เจิ้งซีฮันผู้นั้น เขามาช่วยนางแล้ว
มันช่างน่าเหลือเชื่อเหลือเกิน
กลับมาที่เจิ้งซีฮัน ยามนี้เขามีใบหน้าที่โกรธจัด แววตาของเขาราวกับจะสังหารผู้คนได้ และคนผู้นั้นก็คงจะเป็นญาติผู้น้องที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ บุรุษผู้นี้มาที่อำเภอซื่อซวนไม่นานก็ก่อเรื่องเสียแล้ว ช่างไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดหรือไม่คิดว่ามันจะกระทบผู้ใดสักนิด เขาง้างมือจะตบเข้าไปที่ใบหน้าของอู่เฉินกงเพื่อสั่งสอนอีกฝ่ายอีกครั้ง
แต่อู่เฉินกงกลับกลิ้งไปด้านข้าง จากนั้นก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า “ญาติผู้พี่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว เป็นสตรีต่ำต้อยนี่ยั่วยวนข้า ข้าเลยหลงกลก็เท่านั้น ข้าไม่ได้ทำอันใดผิด!” กล่าวจบก็ไม่รอให้เจิ้งซีฮันกล่าวสิ่งใด เขารีบวิ่งหนีไปทันที เพราะสายตาของญาติผู้พี่ผู้นี้ ไม่คล้ายจะมีความปรานีเขาสักนิด!
คราแรกเจิ้งซีฮันจะตามไป แต่นึกขึ้นได้ว่าเขาสามารถตามไปจัดการทีหลังได้ แต่สตรีผู้นี้....
“…..”
หลังจากที่อู่เฉินกงจากไปแล้ว ทุกอย่างก็คล้ายอยู่ในความสงบนิ่ง หยวนซีเวยยังนอนหลับตาเช่นเคย จวบจนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น
“เจ้า......เป็นอันใดหรือไม่”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นนางจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ และเมื่อสบตากับดวงตามั่นคงของเขา น้ำตาของนางที่เพิ่งหยุดไหลไป ก็เอ่อล้นดวงตาและไหลลงอาบแก้มอีกครั้ง เจิ้งซีฮันที่เห็นเช่นนั้นก็ชะงักไปเช่นกัน
“เจ้า...บาดเจ็บหรือ”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้อ่อนโยน ออกจะมีความเย็นชาเสียด้วยซ้ำ แต่นางก็รับรู้ได้ว่าเขากำลังเป็นห่วง
หยวนซีเวยที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบส่ายหน้า และรีบลุกขึ้นมานั่งด้วยท่าทางที่ดี ขึ้น ที่จริงนางรู้สึกแสบที่สีข้าง เพราะยามที่อู่เฉินกงลากนางนั้น เขาไม่ผ่อนแรงสักนิด
เมื่อเห็นว่าสตรีผู้เคราะห์ร้ายแม้ลุกขึ้นมาแล้วแต่ก็ยังนิ่งเงียบ เขาจึงมองไปที่นางอีกครั้ง ยามนี้นางมีผ้าอุดอยู่ที่ปาก ทั้งเมื่อเบนสายตามองต่ำลงไป....การแต่งกายของนางก็ยังไม่เรียบร้อย เขาที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบหันหลังทันที
“เจ้า...รีบแต่งกายเถิด”
หยวนซีเวยที่ได้ยินเขากล่าวทั้งยังหันหลังเช่นนั้นก็รีบดึงผ้าออกจากปากและรีบแต่งกายให้เรียบร้อยทันที
ครั้นมองไปที่ชุดของตน ความทรงจำอันเลวร้ายเมื่อครู่ก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง...นางรู้สึกรังเกียจอาภรณ์ชุดนี้เหลือเกิน
แต่เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของเขาจิตใจของนางก็รู้สึกมีความสงบลง
เขามาช่วยนางแล้ว
ไม่มีอะไรต้องกลัวอีก
“ขอบคุณคุณชายที่ช่วยเหลือข้า”
ยามที่เขาหันกลับมา นางก็พบกับสายตาและใบหน้าที่เรียบนิ่งดังที่แฝงไปด้วยความเย็นชาที่เขามักจะเป็นเช่นเดิม
“เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น”
นางมองหน้าเขาครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องราว นางไม่ได้บอกเขา ว่านางตามเขามา บอกแค่เพียงว่านางบังเอิญผ่านมาแถวนี้แล้วมาพบกับกลุ่มของอู่เฉินกงก็เท่านั้น เขาก็รับฟังและพยักหน้า
“เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะจัดการพวกเขาให้ เจ้าต้องได้รับความยุติธรรมแน่นอน”
ยามนี้จิตใจของนางสั่นไหว นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พูดคุยกับเขา ทั้งยังเป็นการพูดคุยที่อยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อมมือเท่านั้น นางแอบมอง แอบชื่นชมเขามาหลายปี ไม่เคยมีโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้เขาเฉกเช่นนี้สักครั้ง
นี่ใช่ดังที่ว่า ‘ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีอยู่’ ใช่หรือไม่
เจิ้งซีฮันที่เห็นว่าสตรีตรงหน้าเอาแต่นั่งนิ่งและมองหน้าเขาอยู่เช่นนั้น เขาจึงกระแอมออกไปหนึ่งครั้ง ก่อนจะกลับมาแสดงสีหน้าที่ราบเรียบที่สุดเช่นเดิม
เมื่อเขาทำเช่นนั้นหยวนซีเวยก็คล้ายถูกเรียกสติ
อ่า เหตุใดนางอยากจะร้องไห้อีกนะ
“เจ้ารีบกลับบ้านเถิด และ.... อย่ามาที่นี่....คนเดียวอีก”
กล่าวแล้วก็หันหลังเดินจากไปทันที
หยวนซีเวยที่เห็นเช่นนั้นก็ลนลานและเริ่มคิดว่าตนจะทำอย่างไรดี ที่จริงนางอยากจะพูดคุยกับเขามากกว่านี้ อยากถามว่าเขามาช่วยนางได้อย่างไร และใช่!
จุดประสงค์ที่นางเคยวอนขอก่อนตาย!
“คุณชาย!!”
ไวเท่าความคิด นางหยุดเขาไว้ด้วยการเรียกเขาเสียงดัง
เสียงเรียกของสตรีด้านหลังทำให้เจิ้งซีฮันหยุดเดินทันที จากนั้นจึงค่อย ๆ หันหน้ากลับไปอย่างช้า ๆ
หยวนซีเวยลุกขึ้นเต็มความสูง จากนั้นจึงค่อย ๆ คลี่ยิ้มให้เขา
“คุณชาย ข้าชื่อซีเวย หยวนซีเวย! ท่านจดจำข้าไว้นะ เราต้องได้พบกันอีกแน่!”
เจิ้งซีฮัน มีสีหน้าประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป เขามองนางเพียงครู่ จากนั้นก็หันหลังและเดินไปออกเช่นเคย
เขาก็มักจะเป็นเช่นนี้...
หากเขาหันกลับไปมองดูอีกสักนิด เขาก็คงจะพบกับสตรีผู้หนึ่งที่ยืนยิ้มพร้อมกับน้ำตามากมายที่อาบไปทั่วใบหน้า
สำเร็จแล้ว......
