บทที่ 5 ทำความสะอาดครั้งใหญ่
จื่อหลินยืนเท้าสะเอวมองบ้านด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง งานใหญ่ งานหนัก และงานช้าง เพราะบ้านหลังน้อยที่เกือบจะผุพัง ทั้งรกและสกปรกมากเหลือเกิน กลิ่นอับผสมกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่ออกมาจากห้องของสามี เล่นเอานางต้องดึงเอาแมสมาสวม ไม่รู้ว่าใช้ชีวิตอยู่กันไปได้อย่างไร ถ้าหากจะโทษก็คงจะโทษความเห็นแก่ตัวของตนเองกระมัง
ทั้งบ้านตอนนี้ก็มีเงินเพียงแค่ไม่ถึงตำลึงนับว่าดีแล้วที่นางได้กลับมาพร้อมกับของวิเศษ ฉะนั้นเรื่องเงินจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับครอบครัว หากมีของวิเศษแล้วนางก็สามารถต่อยอดได้อีกเยอะ
หญิงสาวยื่นนิ่งอย่างใช้ความคิด ตนเองควรเริ่มจากตรงไหนก่อนดี เพราะไม่ว่าจะมองไปตรงไหน ก็มีสภาพไม่ต่างกันเลยสักที่ ก่อนจะตัดสินใจได้ว่านางควรจะเริ่มจากห้องของสามีก่อน
หญิงสาวเข้ามาในห้องนอนเหมาเสี่ยวถงแล้วจึงได้เรียกไอแพดขึ้นมาพร้อมกับฉายภาพแอปพลิเคชันต่างๆ บนอากาศ เพื่อให้เจ้านายของมันได้เลือกหาสิ่งที่ต้องการจือหลินเปิดระบบชอปปิงขึ้นมา จากนั้นนางจึงได้เลือกหาสิ่งของที่ต้องการ
“อืม... คงต้องเอาพวกอุปกรณ์ทำความสะอาด และก็สเปรย์น้ำหอมออกมาก่อน” เมื่อนางได้สิ่งของที่ต้องการ ก็รีบเก็บไอแพดลงไปทันที เพราะกลัวว่าบุตรชายตัวน้อยจะมาเห็น
จือหลินลงมือทำความสะอาดครั้งใหญ่ ของส่วนมากใช้การต่อไปไม่ได้ก็เก็บทิ้งไปให้หมด ทั้งผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน ของที่พอจะใช้ได้ก็คงจะเป็นเตียงไม้กระมัง ร่างบางทั้งปัดกวาดขัดถูจนสะอาดเอี่ยม เสร็จจากห้องของสามีก็ไปทำห้องอเนกประสงค์ด้านนอกต่อ
ย้อนอดีตมาได้แค่วันเดียวเหมือนมาออกรบอย่างไรอย่างนั้น แม้บ้านจะหลังเล็กแต่งานก็ไม่ได้เล็กตามไปด้วยเลย ร่างบางวิ่งวุ่นไปจนทั่วบ้านผ่านไปสองชั่วยาม (4 ชั่วโมง) บ้านหลังน้อยก็สะอาดเอี่ยมกลิ่นหอมฟุ้ง ด้วยสเปรย์กลิ่นดอกไม้ยี่ห้อดัง
ห้องของบุตรชายนางเลือกของตกแต่งให้ดูน่ารักเป็นพิเศษ จือหลินอยากจะทดแทนให้เสี่ยวหลงที่นางไม่ได้ดูแลและให้ความรักกับบุตรชายในชาติก่อนมากพอ ปล่อยให้เด็กที่สดใสร่าเริงต้องกลายเป็นเด็กน้อยขาดความรัก มารดาจากไปไม่นานบิดาก็มาตายจาก สุดท้ายเขาซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยห้าหนาวก็ต้องออกเร่ร่อนเป็นขอทาน
เหตุใดนางถึงได้เป็นสตรีชั่วถึงเพียงนี้นะ เสี่ยวหลงน้อยน่ารักถึงเพียงนี้ นางก็ยังทำร้ายเขาได้ลงคอแม้แต่สามีที่รักนางจนวินาทีสุดท้ายของเขาก็ยังไม่แม้แต่จะปริปากกล่าวโทษนางสักคำ ต่อไปนี้ข้านี่แหละจะเป็นคนมอบความรักให้พวกท่าน และจะเลี้ยงดูพวกท่านโดยไม่ต้องลำบากอีก
จือหลินนำที่นอนแบรนด์ดังทำจากยางพาราแท้ออกมาวางลงบนเตียงไม้ ไม่พอนางยังเอาท็อปเปอร์ที่มีความหนาและนุ่มเป็นพิเศษวางทับไปอีกชั้น เสี่ยวหลงของนางจะได้นอนที่นอนนุ่มสบายที่สุด ยามค่ำคืนก็คงจะมียุงเยอะ จึงเอามุ้งออกมากางเพิ่มให้อีก สุดท้ายก็หมอนข้าง หมอนหนุนอีกสองใบ ผ้าห่ม จัดเรียงไว้อย่างสวยงาม ด้านนอกหญิงสาวนำผ้าม่านแบบหนาและมีคุณสมบัติป้องกันแสงแดด ปิดไว้จนรอบห้องของบุตรชาย กลางวันยามแดดส่องจะได้ไม่ร้อนมาก
“บ้านหลังแค่นี้ก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย” กว่าจะทำความสะอาดเสร็จทุกซอกทุกมุม ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี ไม่รู้ว่าสองพ่อลูกจะหิวหรือยัง หากทำตอนนี้ก็คงจะต้องรอนาน เอาเป็นว่าคงต้องเอามาจากของวิเศษเหมือนเดิม
หญิงสาวเลือกอาหารง่าย ๆ ออกมาสองสามอย่าง มื้อนี้เป็นอาหารง่าย ๆ ไปก่อน ข้าวสวย ไข่ตุ๋น และก็ไข่พะโล้ ทั้งหมดนี้จึงเป็นอาหารที่หญิงสาวเลือกมา จากนั้นจัดอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะนำไปให้สามีและบุตรชายที่ห้องนอน
แต่พอเปิดประตูเข้ามาจือหลินก็เกือบหลุดขำออกมา เมื่อบุตรชายตัวน้อยทำหน้าที่ดูแลท่านพ่อเป็นอย่างดี เพื่อรางวัลที่มารดาจะให้ เหมาเสี่ยวถงถูกบุตรชายห่มผ้าให้จนถึงคอ และยังยัดขอบผ้าห่มไว้ใต้ร่างบิดา ดู ๆ ไปแล้วก็เหมือนมัมมี่อย่างไรอย่างนั้น
ดูเหมือนว่าเสี่ยวหลงน้อยจะลืมไปเสียสนิทว่าตอนนี้คือหน้าร้อน ครั้นเมื่อมองไปที่หน้าเหมาเสี่ยวถงก็พบว่าอีกฝ่ายเหงื่อออกท่วมเต็มหน้าไปหมด เห็นแล้วก็อดนึกสงสารเขาไม่ได้ อีกทั้งสายตาของเสี่ยวหลงยามที่จ้องมองบิดาตาไม่กะพริบนั่นสิ บ่งบอกว่าเขาทำตามคำสั่งของนางมิได้ขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด
แม่ให้ดูลูกก็ดูจริง ๆ ไม่คลาดสายตาเลยสักนิด
“เสี่ยวหลงไปล้างมือแล้วมากินข้าวได้แล้ว” จือหลินให้บุตรชายออกไปล้างมือก่อนกินข้าว จากนั้นจึงวางอาหารไว้ที่โต๊ะข้างเตียง แล้วนั่งรอเสี่ยวหลงน้อยมากินข้าวพร้อมกัน
“ขอรับท่านแม่” ร่างเล็กปีนลงจากเก้าอี้ข้างเตียงได้ ก็รีบออกไปล้างมือตามคำสั่งของมารดาทันทีโดยไม่ต้องให้บอกซ้ำ วันนี้เขาจะได้กินอาหารพร้อมหน้าด้วยแหละ ช่างน่ายินดียิ่งนัก
คล้อยหลังบุตรชายจือหลินจึงได้เข้าไปดึงผ้าห่มออกให้ชายหนุ่ม และยังยกตัวเขาให้อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เพื่อจะได้สะดวกในการป้อนข้าว
“เจ้าต้องการอะไร” เหมาเสี่ยวถงเค้นเสียงถามภรรยาด้วยความไม่ชอบใจ การทำดีของนางจะต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนเสมอ ไม่มีทางเสียหรอกที่จะทำให้โดยไม่ได้อะไรตอบแทน
“ความรักเจ้าค่ะ” เมื่อตอบออกไปแล้วก็ทำให้นางรู้สึกเขินได้เหมือนกัน ไม่คิดว่าตนเองจะกล้าพูดออกไปตรง ๆ เช่นนี้ แต่ว่าเห็นสีหน้าของเขาแล้วนางก็อดที่จะเย้าแหย่ไม่ได้เลยจริง ๆ คนอะไรคิ้วชนกันได้ทุกเวลาที่เจอกัน
เหมาเสี่ยวถงเม้มปากแน่น ถึงเขาจะปากร้ายแต่ว่าความรักที่มีต่อนางก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลง การที่ภรรยาพูดออกมาเช่นนี้ไม่ใช่ว่านางมีคนรักใหม่หรอกหรือ
“ได้ เจ้าก็เอาหนังสือหย่ามาได้เลย ข้าจะลงชื่อให้เดี๋ยวนี้”
“ข้าขอความรัก ข้าไม่ได้จะขอหนังสือหย่าสักหน่อย” นี่เขาคิดไปถึงไหนกัน เรื่องอะไรนางจะหย่าให้โง่ อุตส่าห์ได้ย้อนเวลามาแก้ไขแล้ว
“เจ้าขอความรักมิใช่ว่าอยากจะมีสามีใหม่หรอกหรือ มอบหนังสือหย่าน่ะถูกแล้ว” ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านางแอบนัดพบกับเจ้านายอำเภอผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง คงจะพบที่หมายใหม่ที่ดีกว่า จากนั้นก็คงจะเตรียมตัวเฉดหัวเขากับบุตรชายทิ้งให้พ้นทาง
“ข้าขอความรักจากท่านต่างหาก ท่านคิดไปถึงไหนกัน” จือหลินได้แต่ส่ายหน้าให้กับความมโนของเขาเหลือเกิน
“ไร้สาระ” เหมาเสี่ยวถงสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง บ่งบอกว่าเขานั้นเบื่อหน่ายที่จะโต้เถียงกับนางเสียเต็มประดา แต่ทว่าใบหูมันกับแดงเสียจนเขารู้สึกร้อนผ่าวไปหมด ได้แต่บอกกับตนเองอย่าได้หลงกลสตรีใจร้ายผู้นี้ นางก็แค่หลอกให้เขาตายใจก็เท่านั้น
“ล้างมือเสร็จแล้วขอรับ” แม้จะกล้า ๆ กลัว ๆ ที่เข้ามาขัดการสนทนาของมารดา ทว่าเขายืนรออยู่หน้าประตูนานแล้ว หิวจนทนรอไม่ไหวจึงได้เสียมารยาทเข้ามาระหว่างที่ผู้ใหญ่ยังคุยกันไม่จบ
เสี่ยวหลงยืนหลับตาพร้อมทั้งหดคอมือทั้งสองประสานกุมกันไว้แน่น รอรับการลงโทษจากมารดา ทุกครั้งที่เขาทำให้ไม่พอใจ ท่านแม่ก็มักจะเข้ามาหยิกตามเนื้อตัวอยู่บ่อยครั้ง ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยเข็ดหลาบ เพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดท่านแม่เจ็บตัวแค่นี้ทนได้สบายอยู่แล้ว
เด็กน้อยยืนหลับตาอยู่นานทำใจรอรับการลงโทษ แต่ว่ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย เจ้าตัวจึงได้ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นกลับพบว่ามารดาไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด เอาแต่ตักข้าวป้อนบิดา
“เสี่ยวหลงถ้าไม่รีบกับข้าวหมดก่อนแม่ไม่รู้ด้วยนะ”
“ขอรับ” ทันทีที่ได้ยินว่ากับข้าวจะหมดก่อน เด็กชายก็รีบปีนขึ้นเก้าอี้หยิบถ้วยข้าวพร้อมตะเกียบ เตรียมทานอาหารมื้อพิเศษนี้อย่างตื่นเต้น ด้วยไม่เคยได้เห็นอาหารตรงหน้าเด็กน้อยก็ถึงกับตาโต เขาไม่เคยได้กินไข่มากมายขนาดนี้มาก่อน ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนถ้วยใหญ่และยังมีไข่พะโล้ที่มีทั้งหมูสามชั้นชิ้นใหญ่ และยังไข่อีกห้าฟอง พร้อมข้าวสวยร้อน ๆ มันช่างเรียกน้ำย่อยของเขาได้ดีโดยแท้
“กินหมูกับไข่ด้วยสิ จะได้โตเร็ว ๆ” ในระหว่างที่กำลังป้อนข้าวต้มหมูให้สามี นางก็เหลือบมาเห็นว่าบุตรชายเอาแต่ตักน้ำพะโล้ราดข้าวอย่างเดียว กินแค่นี้เมื่อไหร่จะโตกัน
“ข้ากินหมูกับไข่ได้หรือขอรับ” เด็กน้อยมองหมูสามชั้นตาโต ท่านแม่ยอมให้เขากินได้จริง ๆ น่ะหรือ แม้แต่บุตรหลานบ้านรวยที่สุดในหมู่บ้าน ยังไม่มีโอกาสได้กินดีเท่านี้เลย
“ได้สิ เสี่ยวหลงกินได้ตามที่ต้องการเลย” จือหลินวางถ้วยข้าวต้มลง จากนั้นนางจึงได้คีบเอาหมูสามชั้นชิ้นที่ใหญ่ที่สุดให้บุตรชาย การที่ได้เห็นเขามีรอยยิ้มและความสุขคือสิ่งที่นางปรารถนา ต่อจากนี้เด็กทั้งเมืองจะต้องอิจฉาในตัวเสี่ยวหลง อดีตที่เขาเคยถูกผู้อื่นรังแกเพราะแม่ไม่ได้เรื่องจะไม่มีอีกต่อไปแล้ว
“อร่อยมากเลยขอรับท่านแม่” เด็กน้อยกัดเนื้อหมูคำโต ทันทีที่เข้าปากเขาก็รับรู้ได้ถึงความอร่อยเลิศรส เนื้อนุ่มละลายในปาก ให้เขากินเช่นนี้ทุกวันก็ไม่รู้เบื่อ
“ท่านก็กินบ้างสิเจ้าคะ” หญิงสาวจ่อช้อนข้าวต้มหมูรอให้เขาอ้าปากรับอยู่นาน อีกฝ่ายก็เอาแต่นั่งมองบุตรชายนิ่ง หรือว่าเขาก็อยากจะกินไข่พะโล้เช่นกันนะ จ้องไม่วางตาขนาดนั้น
“เอาไว้ท่านแข็งแรงกว่านี้ค่อยกินไข่พะโล้แล้วกันนะเจ้าคะ ช่วงนี้ก็กินอาหารอ่อน ๆ ไปก่อน”
“เพ้อเจ้ออะไรของเจ้า” เมื่อรู้สึกตัวชายหนุ่มจึงได้อ้าปากรับข้าวต้มเข้าปาก เขายอมรับว่าอาหารที่นางทำมันอร่อยมาก ข้าวที่เต็มเม็ดไม่ได้มีเพียงน้ำข้าวดั่งเช่นทุกครั้งที่นางให้เขากิน อีกทั้งมันยังมีเนื้อหมูสับมากพอ ๆ กับเม็ดข้าว ก็ยิ่งส่งให้ดูน่ากินมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่เขาสงสัยก็คือ นางเอาเงินจากไหนมาซื้อของดี ๆ เช่นนี้ได้ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ อาหาร ต้องใช้เงินมิใช่น้อย คนเห็นแก่ตัวเช่นนางไม่มีทางที่จะเอาเงินมากมายมาทำเพื่อเขากับเสี่ยวหลงแน่
“เลิกคิดได้แล้วเจ้าค่ะ รีบกินเถอะข้าเองก็หิวแล้ว” วันนี้นางทำงานบ้านเหนื่อยมาก หิวจนไส้แทบขาดอยู่แล้ว หากขืนเขาไม่รีบกินให้อิ่มแล้วละก็ เป็นนางเองนี่แหละจะแอบกินข้าวต้มสามีหมดเสียก่อน
