บท
ตั้งค่า

14-2

20 : 24

บรื้นน

ฟึบ

ผมจอดรถ BMW ของผมไว้ข้างๆร้าน และลงจากรถในทันที ซึ่งเหล่าคนที่เข้าแถวรอตรวจบัตรเข้าร้านอยู่ก็หันมามองผมเป็นตาเดียว ซึ่งผมก็ได้เห็นพวกหัวเกรียนเดินเข้าไปในร้านโดยที่ไม่ต้องตรวจบัตร ทำให้ผมรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก อย่าว่าแต่ผมเลย ทุกคนก็ไม่ชอบเหมือนกัน มันอภิสิทธิ์เกินไป

'ตรวจบัตรช้าฉิบ…แบบนี้ก็โต๊ะหลุดแน่" ผมคิดในใจพลางเดินไปที่แถวหน้าสุดซึ่งผมก็เจอเพชรและเบียร์ระหว่างทาง โดยทั้งสองก็มาเอาโต๊ะให้ผม

“คุณทีสวัสดีครับ” บอดีการ์ดกล่าว ทำให้ผมตกใจพอสมควร แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ตำรวจลง พร้อมกับลุงรันและหน่วยรบพิเศษที่มาหาผม มันเป็นการช่วยเหลือร้านไม่ให้โดนตรวจบัตร ผมจึงหยักหน้าตอบรับ

“ผมเข้าเลยนะ” ผมกล่าวซึ่งการ์ดก็ยิ้มให้พร้อมกับประทับตราร้านให้ผม

“เดี๋ยวเราจองที่ให้” ผมหันไปกล่าวกับเพชรและเบียร์ เพราะถึงยังไงทั้งสองก็ไม่ได้มีสิทธิพิเศษแบบผม การช่วยเหลือทั้งสองก็เหมือนกับการดันทางร้าน ผมจึงแสดงความรู้จักกับทั้งสองและแสดงให้เห็นว่าเรานั่งโต๊ะเดียวกัน พวกการ์ดจะได้ปล่อยพวกเขามาเร็วๆ

“หะ…” และเมื่อผมเข้ามาในร้าน ผมก็ได้เจอกับพนักงานที่ดึงโต๊ะของผมไปหนึ่งโต๊ะ ไปเสริมให้กับพวกหัวเกรียน ผมไม่รู้แหละว่านี่คือตำรวจหรือทหาร แต่มันจะเกินไปหน่อยแล้ว

“พี่หยกสวัสดีครับ…พี่ๆสวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายรุ่นพี่ในสาขาที่นั่งโต๊ะข้างๆโต๊ะของผม ซึ่งพวกพี่แกนั่งโต๊ะติดกับเวที

“เอาแบล็ค โค้กสอง โซดาสอง น้ำเปล่าสอง” ผมกล่าวกับพนักงานและใช้นิ้วชี้จิ้มที่โต๊ะของผม แต่ตัวผมไม่ได้นั่งที่โต๊ะ ผมเดินไปนั่งกับพวกหัวเกรียน

“เดี๋ยวพี่ใหญ่เขามานั่งโต๊ะเรา…ดีนะที่รู้จักกับน้องพนักงาน”

“เขาเป็นรุ่นน้องกูเลยดึงโต๊ะให้ได้”

“ไม่งั้นโต๊ะไม่พอแน่” ชายคนหนึ่งกล่าวก่อนที่ผมจะนั่งลงหัวโต๊ะ ทำให้ชายหัวเกรียนทั้งสามหันมามองหน้าผม

“เหรอ…โต๊ะกูก็ไม่พอเหมือนกันงั้นกูขอโต๊ะคืน” ผมกล่าวจบก็ยกโต๊ะของผมกลับไปที่เดิม ซึ่งทำให้พวกมันถึงกับอ้าปากค้าง ผมมีสิทธิอะไรมาทำแบบนี้กัน?

“นาย…เดี๋ยวครูฝึกเรามา”

“เราขอเถอะ” ชายหัวเกรียนคนนั้นเดินมากล่าวกับผม เขาไม่ได้มีท่าทางเกรี้ยวกราด แต่ดูเหมือนเขาจะขอผมดีๆ

“คุณทีสวัสดีครับ” เจ้าของร้านเมื่อได้ยินว่าชายที่มีตาข้างขวาสีฟ้าเข้ามาในร้าน เขาก็ออกมาต้อนรับและทักทายผมทันที

“สวัสดีครับ…ครูฝึกพวกคุณมาเดี๋ยวผมจัดการให้เอง”

“ไม่ต้องกังวล” ผมกล่าวเมื่อพวกเขากล่าวกับผมดีๆ ซึ่งพวกเขาน่าจะเป็นเพียงลูกน้องที่ต้องทำตามเจ้านาย แต่สีหน้าของพวกเขาก็ยังเป็นกังวลไม่หาย

‘แล้วใครจะมาอีก?…’ ผมคิดในใจ แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าผมมีเส้นใหญ่กว่า ขนาดที่เจ้าของร้านยังมาทักทายผมด้วยตัวเอง พวกเขาจึงต้องยอมถอยกลับไปนั่งด้วยความกดดัน

“มานั่งๆ” ผมกล่าวเมื่อเบียร์และเพชรเข้ามาในร้าน เพชรจึงเดินมานั่งข้างผม ส่วนเบียร์นั่งตรงข้ามผม

“พี่หยกยังไม่ได้สั่งใช่ไหมครับ” ผมหันไปกล่าวถามพี่หยก ซึ่งแกนั่งห่างจากผมเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น

“ใช่…พี่รอเพื่อนมาครบ” พี่หยกกล่าวผมจึงพยักหน้าตอบรับก่อนจะยกมือเรียกพนักงาน แต่เมื่อหันไปข้างหลังก็มีพนักงานมาวางเหล้าที่ผมสั่งให้ซะแล้ว ผมจึงจะสั่งเขาแทน

“มิทไนท์สองโปร…มิกเซอร์ให้โต๊ะข้างๆเลือกเลยครับ”

“แล้วก็โต๊ะเขาเช็คบิลที่โต๊ะผม” ผมกล่าวทำให้พี่หยกถึงกับสะดุ้งเมื่อพูดถึงมิดไนท์

“กินแพงจังวะเพื่อน” เบียร์กล่าวถามเมื่อเหล้าแบล็คเลเบิ้ลวางบนโต๊ะของเรา เพราะโดยปกติแล้วพวกเด็กมหาลัยจะดื่มกันแต่ 285 มิดไนท์หรือหงส์ทอง ส่วนผู้ใหญ่มีตังค์หน่อยก็จะเป็นแบล็คหรือเรด

“ให้ชิมของอร่อยไง” ผมกล่าวก่อนจะหัวเราะออกมา

“พี่น่าจะชอบมิดไนท์…เนอะ” และเมื่อพี่หยกกล่าวสั่งมิกเซอร์เสร็จผมจึงหันไปกล่าว ทำให้พี่หยกถึงกับหน้าซีดเลยทีเดียว

“เพื่อนพี่ก็ชอบบ” พี่หยกกล่าวแล้วลากเสียงยาว

“ถ้างั้นพี่ไม่ต้องกิน” ผมกล่าวก่อนจะยกยิ้มมุมปาก

“ไม่สิ!” พี่หยกท้วงทันที

“พี่ดื่มเถอะครับ…ทีรู้อยู่แล้ว” ผมกล่าวทำให้พี่หยกอยากจะคุยกับผม แต่ผมก็ได้เห็นหญิงสาวที่คุ้นเคยยืนอยู่หน้าร้าน นั่นก็คือพี่เอม

“นั่งโต๊ะข้างหลังทีเลยนะ” ผมกล่าวแซว และเมื่อเพื่อนๆของพี่เอมได้เห็นผม พวกเธอถึงกับกรี๊ดกร๊าดออกมาทันที เพราะพี่เอมถ่ายผมลงในสตอรี่เพื่อนสนิทบ่อยมากจนในวันนี้ได้มาเจอตัวจริงซะที

“ไง…ทำไมได้โต๊ะแค่นี้” และก็มีชายคนหนึ่งเดินมากล่าวถามพวกหัวเกรียน เขาย้อมผมสีแดง ผิวตัวสีเหลืองรูปร่างสูงใหญ่ มีกล้ามพอสมควร ดูไม่เหมือนนักศึกษาสักนิด

“ได้โต๊ะแค่นั้นแล้วมีปัญหาอะไร?” ผมกล่าวถามออกไปทำให้เขาหันมามองผม

“ตาข้างขวาสีฟ้า…” เขากล่าวออกมาก่อนจะพยักหน้าและยอมนั่งลงดีๆ พร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาพิมพ์อะไรบางอย่าง

“ดูท่าแล้วคงจะไม่ได้นั่งดีๆซะแล้วสิ” ผมกล่าวออกมาซึ่งทำให้เพชรและเบียร์สับสน

“พี่เอม…เดี๋ยวมารับนะครับ” ผมหันไปกล่าวกับพี่เอม

“ครับ?” เจ้าของร้านเดินมาหาผมเมื่อผมยกมือเรียกเขาโดยเฉาะ และดูเหมือนเขาจะเคารพผมมาก

“สามโต๊ะนี้ลงบิลที่ผมนะครับ…” ผมกล่าวก่อนจะยื่นแบงค์พันสิบห้าใบให้เขา

“ที่เหลือก็เก็บไว้ล่ะกัน” ผมกล่าวก่อนจะยื่นกระเป๋าตังค์ให้พี่เอมเก็บเอาไว้ในกระเป๋า รวมถึงเลสข้อมือทองคำและนาฬิกาของผมเช่นกัน

“ดื่มให้สนุกนะครับพี่เทค” ผมหันไปกล่าวกับพี่หยกแล้วยิ้มให้ก่อนที่จะได้เห็นรถเก๋งสีดำเจ็ดคันขับผ่านเคลิ้มไปช้าๆ ส่วนพี่หยกก็พยายามจะคุยกับผม ทักท้วงและอ้างโน้นอ้างนี่ แต่ผมเพียงแค่ยิ้มตอบกลับไปเท่านั้น

“ระวังตัวด้วยนะครับ…หัวหน้าพวกมันมาเก็บค่าคุ้มครองจากผมไปเมื่อวาน” เจ้าของร้านก้มหน้าลงมากระซิบข้างหูผม

“เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ” ผมกล่าวก่อนจะหันไปมองเพชรและเบียร์

“หมดแก้ว” ผมกล่าวก่อนจะยกแก้วขึ้นและยื่นไปตรงหน้า ซึ่งเพื่อนทั้งสองก็ได้ยื่นแก้วออกมาชนและเราทั้งสามก็ดื่มไปหมดแก้วทันที

“เดี๋ยวมานะ” ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นยืน

“ไอหัวแดง…มึงมานี่เลย” ผมหันไปกล่าวกับชายผมแดงคนนั้น ซึ่งมันก็ทำตามที่ผมบอกอย่างมั่นใจ

“นั่นลูกมาเฟียนะที” พี่หยกกล่าวเตือนผมด้วยความเป็นห่วง ทำให้พี่เอมมองมาที่ผมและพี่หยกทันที

“ทีรู้ครับ…ไม่มีอะไรหรอก” ผมกล่าวออกมา ผมจะรีบจัดการเรื่องพวกนี้ให้จบหลังจากนี้จะได้ทำเรื่องธุรกิจอย่างจริงจังซะที ในเมื่อเฮงมันยังไม่สามารถจัดการได้ ก็ต้องเป็นผมแล้วล่ะ ที่จริงผมมั่นใจในตัวเฮงมากนะ มันเป็นคนที่สู้เก่งพอสมควรเลยถ้าไม่ประมาทผม

“ทีไปไหนน่ะ?” แฟนเก่าของผมในชีวิตที่แล้วกล่าวถาม ซึ่งเธอก็มานั่งโต๊ะเดียวกับผมด้วย และการพูดคุยของเราทำให้หลายๆคนในร้านให้ความสนใจ ผมที่เป็นโดดเด่นอยู่แล้ว ส่วนแฟนเก่าของผมเธอก็ทั้งสวย ขาว และรูปร่างตัวเล็กสเป็คผู้ชายหลายคนเลยทีเดียว

“ไม่มีอะไร…ไปนั่งโต๊ะเถอะ” ผมกล่าวแล้วยิ้มให้เธอก่อนจะเดินออกไปจากร้านและเดินตรงไปที่สุดซอย ที่ตรงนั้นโดยปกติแล้วจะเป็นที่จอดรถยนต์ แต่ในตอนนี้ถ้ามองดีๆก็มีรถยนต์จอดเต็มไปหมด เป็นรถยนต์สีดำ และก็เริ่มมีชายชุดดำลงมาจากรถโดยที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันคือใคร

วืดดด ผลั๊วะ

ฟุบ

แต่จู่ๆก็มีบิ๊กไบค์คันหนึ่งขับมาหาผมและใช้ไม้เบสลอลหวดเข้าเต็มๆหัวของชายผมแดงจนมันร่วงลงกับพื้น เมื่อพวกมันผ่านไป ผมก็จำร่างของพวกมันได้ เฮงกับโทนี่ ดูเหมือนพวกมันจะฝืนตัวเองมาที่นี่ ทุกคนที่อยู่บริเวณนี้จึงตกใจกันมาก และก็มีสายตรวจตามรถบิ๊กไบค์ของพวกมันมา ผมจึงโบกให้หยุดรถเสียก่อน

“ดูมัน…และควบคุมพื้นที่ตรงนี้ไว้” ผมกล่าวสั่งงานตำรวจ ซึ่งพวกเขาก็คือเจ้าสองคนที่รับเงินผมไปสองพันที่ร้านมุมหมาล่า พวกเขาจึงขับรถไปจอดและเข้าควบคุมพื้นที่ทันที

“ให้ตำรวจมาปิดล้อมที่นี่…ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกมาเฟีย”

“ที่เหลือผมจัดการเอง” ผมกล่าวอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปที่ท้ายซอย ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่มืดมาก เราไม่มีทางมองเห็นได้เลยว่าบริเวณนั้นมีใครอยู่หรือทำอะไรกัน เราจะเห็นก็เพียงแสงเงาที่มาจากอาวุธมีดของพวกมันวิบวับวิบวับไปมา

“มันส์ว่ะ” ผมมองดู แต่ก็ไม่ได้ไกลจากพวกมันมาก และถึงแม้จะมีพวกมันบางคนพยายามพุ่งมาหาผม แต่โทนี่และเฮงก็มาขวางเอาไว้พร้อมกับซัดพวกมันไปจนหมอบลงพื้น

“ถ้าเผชิญหน้ากันจริงๆพวกมึงคิดเหรอว่าจะชนะพวกกูได้!” เฮงตะโกนด้วยความโกรธพร้อมกับใช้มีดที่ได้จากพวกมันสู้กับพวกมันเอง

ฟึบๆๆๆ

“อย่าเข้ามา” ผมหันไปกล่าวกับพวกตำรวจที่กำลังจะเดินเข้ามา

“ออกไป…ผมบอกแล้วไงว่าจะจัดการเอง” ผมกล่าวเมื่อพวกตำรวจยังคงเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ แต่มันไม่ทำให้พวกมาเฟียไขว้เขวเลยแม้แต่น้อย

“ผมมาควบคุมสถานการณ์เฉยๆครับไม่ให้มันบานปลาย” ตำรวจยศสูงที่สุดในกลุ่มเดินออกมากล่าวกับผม

‘เหอะ…มาเอาหน้าอะดิ’ ผมคิดในใจ แต่ก็ปล่อยผ่านไปและหันมาสนใจพวกเฮงและโทนี่ซะแทน เหมาะสมแล้วจริงๆที่พวกเขาสามารถคุมที่นี่ได้ ทั้งความบ้า ไม่กลัวใคร และทักษะการต่อสู้ที่กล้าได้กล้าเสีย ผมเลือกคนไม่ผิดจริงๆ

“เอาเลย…เฮง…มึงทำได้” ผมกล่าวเมื่อเฮงกำลังถูกรุมล้อมไปด้วยพวกมันถึงสามคน ผมดูก็รู้แล้วว่าเฮงมันฉีดอะดรีนาลีนและยาชามาแน่ๆ ทำให้มันไม่เจ็บต่อให้โดนมีดบาดก็ตาม

‘กูเดิมพันไปกับมึงแล้ว…มึงทำได้’ ผมเอาแต่คิดในใจ ส่วนพวกตำรวจข้างหลังก็เริ่มกระจายกำลังออกเป็นวงกว้างเพื่อปิดล้อมพวกมาเฟียไม่ให้พวกมันหนี เมื่อการต่อสู้จบลง พวกมันจะโดนจับเข้าคุกแน่ๆ

ฉึก

“อั่ก” และในจังหวะนั้นเอง โทนี่ก็โดนมีดสั้นเสียบเข้าที่เอวข้างขวา มันทำให้เขาชะงักสักครู่แต่ก็ฝืนกัดฟันใช้ไม้เบสบอลฟาดหัวของอีกฝ่าย น่าจะมีกระโหลกแตกกันบ้างแหละ และทำให้โทนี่ร่วงลงไปคุกเข่าบนพื้น

แต่ๆ

ผลั๊วะ ผลั๊วะ ผลั๊วะ ผลั๊วะ

เสียงรัวหมัดหนักก็ดังขึ้นซ้ำๆกัน ซึ่งมันเป็นฝ่ายของเฮงที่กำลังดวลกับหัวหน้ามาเฟียของอีกฝ่ายตัวต่อตัว และก็เป็นเฮงที่สามารถเอาชนะมันได้ จนฝ่ายตรงข้ามหงายหลังลงไปนอนกองบนพื้น

“จับพวกมันได้” ผมกล่าวกับพวกตำรวจ ในเมื่อพวกมันอยากได้ผลงาน ผมก็เลยจัดให้

“ส่วนสองคนนั้น…เขาแค่ป้องกันตัว” ผมกล่าวออกไป และแน่นอนว่าผมมีแผนจัดการกล้องวงจรปิดโดยรอบเพื่อช่วยเหลือทั้งสอง ถึงแม้พวกตำรวจจะไม่เห็นด้วย แต่เพราะเป็นผม ชายที่ลุงรันต้องมารับและทักทายด้วยตัวเอง ชายที่กองหน่วยรบพิเศษทำความเคารพ และชายที่ปราบแก็งค์ของเฮงลงด้วยตัวคนเดียว

จะมีใครกล้าหือกัน?

“14 - 2 ” ผมกล่าวด้วยความชื่นชมก่อนจะเดินไปพยุงร่างของโทนี่ขึ้นมา ส่วนเฮงมันกำลังก่นด่าหัวหน้าแก็งค์ฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่องด้วยความสะใจ

ซึ่งที่จริงแล้วอีกฝ่ายนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของแก็งค์เฮงมานาน เมื่อเฮงล้มลงและไม่มีพรรคพวก พวกมันก็เลยฮึกเหิมหวังจะมาเก็บเฮง แต่ด้วยความสามารถที่แตกต่าง เฮงเป็นถึงหนึ่งในผู้บริหารหลักของแก็งค์ใหญ่ในกรุงเทพ ส่วนพวกมันเป็นเพียงแก็งค์ที่ก่อตัวขึ้นจากการที่นักเลงรวมตัวกัน ความต่างนี้มันเทียบไม่ติดอยู่แล้ว

“กูไม่ผิดหวังในตัวมึงจริงๆ” ผมกล่าวพลางพยุงร่างของโทนี่เข้าไปนั่งในรถของพวกมันที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง

“มาได้แล้ว” เมื่อผมกล่าว เฮงก็ทำตามอย่างเคร่งครัดทันที มันเข้ามานั่งข้างคนขับซึ่งก็คือผม

ตื๊ด ตื๊ด

“ครับ…” ผมกดรับสายและกล่าวตอบรับปลายสาย

“เดี๋ยวจะจัดการเรื่องโอนย้ายสินทรัพย์ของอีกฝ่ายไปให้”

“ให้พวกมันคุมที่นั่นให้อยู่แล้วกัน” คุณเบนซ์กล่าว ในตอนนี้ดูเหมือนเขาจะเริ่มเชื่อแล้วว่าผมคิดถูก

“ขอบคุณครับ” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มและคุณเบนซ์ก็วางสายไป เขานี่มีหูมีตาอยู่ทุกที่ซะจริงเชียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel