บท
ตั้งค่า

ค่าหัว

‘ดูสิ…แค่ฉันออกไปข้างนอกแปปเดียว’ ผมคิดในใจพลางมองพี่เอมกำลังถูกหนุ่มคนหนึ่งตามตื้อ ดูเหมือนเขาพยายามจะขอไอจีพี่เอม พยายามชนแก้วให้เธอดื่ม และพยายามเข้าใกล้ แต่เมื่อพี่เอมเห็นผม เธอลุกขึ้นจากโต๊ะบอกลาเพื่อนๆและเดินมาหาผมทันที ทำให้เจ้าหนุ่มนั่นถึงกับหน้าเสียเลยทีเดียว

มันจึงเดินกลับโต๊ะไปพูดคุยกับเพื่อนๆ และเพื่อนๆของมันก็พากันมองตามพี่เอมเพราะคิดว่าน่าจะมีใครมารับเธอ ซึ่งมันก็ถูก ก็ผมนี่แหละที่ยืนรออยู่ร้านตรงข้าม และแน่นอนว่ารอบตัวผมก็มีผู้หญิงเดินเข้าหา แต่ผมก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรทั้งนั้น สายตาของผมกำลังมองเข้าไปในร้าน แต่ผมก็ไม่ได้มองใคร มันราวกับว่าผมอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง

ซืดด

“เขามาขอไอจี” พี่เอมกล่าวก่อนที่รถตำรวจหลายคันจะขับออกไป ซึ่งกว่าพวกเขาจะกลับมันก็นานพอสมควรอยู่ เพราะผมก็ไปส่งพวกเฮงมาและจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายให้ มันจึงเป็นเวลาสักพักใหญ่เลยทีเดียว

“อืม” ผมส่งเสียงตอบรับ ส่วนพวกคนข้างๆผมต่างคิดว่าผมคงจะโดนรวบแน่ๆ เพราะผมกำลังถือของผิดกฏหมาย แต่ก็ไม่มีรถตำรวจคันไหนจอดลง กลับกัน พวกเขารีบขับผ่านไปซะมากกว่า

“จะนั่งต่อป่าว” ผมกล่าวถาม ซึ่งพี่เอมก็ส่ายหน้าทันที

“งั้นกลับกันเถอะ” ผมกล่าวจบเราก็ขึ้นรถกลับห้องพักกันทันที

14 : 50

“คุณแบมส่งเรื่องสมัครงานไปที่เมลที่ผมส่งให้เลยครับ”

“ส่วนเรื่องเงินเดือนก็ตามที่คุยกันไว้ครั้งที่แล้ว” ผมกล่าวซึ่งปลายสายก็ตอบตกลงกลับมา โดยที่ในตอนนี้ผมกำลังเดินไปเรียนในวิชาภาษาอังกฤษเป็นคาบแรก วันแรก ของวัยมหาลัย

และการแต่งตัวของผมมันโดนเด่นเป็นอย่างมาก ทั้งเลสข้อมือทองคำ เข็มขัด Dior นาฬิกา Rolex และรองเท้า Hermes แต่ที่โดดเด่นที่สุดก็น่าจะเป็นสีตาข้างขวาผมนี่แหละ

ฟึบ

‘วันแรกทุกคนมาไวกันหมดเลยแหะ’ ผมคิดในใจเมื่อเข้ามาในห้องเรียนก็ได้พบกับนักศึกษาที่นั่งกันเกือบจะเต็มห้อง ซึ่งเราก็ไม่ได้เรียนกับสาขาตัวเองทั้งหมด ทั้งห้องมี 30 คน และแต่ละห้องจะมีคนในสาขาเดียวกันได้เพียงแค่ 10 คน เท่านั้น

“ที!” เสียงใสเรียกผม ซึ่งเธอคนนั้นก็คือเบียร์ และกลุ่มของเบียร์รวมถึงเพชรก็เรียนห้องเดียวกับผมซะด้วย ส่วนสาขาอื่นผมไม่มั่นใจว่าคือสาขาอะไร

“ขอบคุณมาก” ผมกล่าวเมื่อเบียร์และเพชรเว้นที่นั่งให้ผม ซึ่งข้างหลังของผมก็คือแฟนเก่าในชีวิตที่แล้ว ข้างซ้ายเป็นเพชรข้างขวาเป็นเบียร์

และไม่นานอาจารย์ที่เป็นคนต่างชาติก็เดินเข้ามา ซึ่งอาจารย์คนนี้ผมเคยเรียนด้วยในชีวิตที่แล้ว เขาเป็นคนตลกๆ เฮฮา และสอนแบบชิลๆ ปล่อยไวๆ เขามีคติว่าไม่จำเป็นต้องเรียนครบชั่วโมงเรียนในเมื่อพวกเราเข้าใจเนื้อหาที่เขาสอน

“ผมช่วยครับ” เมื่อเห็นว่าอาจารย์ไม่สามารถต่อสายโปรเจกเตอร์ได้ ผมจึงกล่าวและลุกขึ้นไปที่โต๊ะอาจารย์

“โอ้…ขอบคุณมากนักศึกษา”

“คุณชื่ออะไรล่ะ?” อาจารย์กล่าวถามผมกลับมาระหว่างที่ผมกำลังขยับสายไฟ

“ชื่อที…ที่แปลว่าใบชาครับ” ผมตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มพร้อมกับโปรเจกเตอร์ที่ฉายภาพออกมา

“ขอบคุณมาก…ใบชา” อาจารย์กล่าวเป็นภาษาไทยทำให้เพื่อนๆหัวเราะออกมา

“อาจารย์พูดชัดมากเลยนะครับ” ส่วนผมยังคงกล่าวเป็นภาษาอังกฤษ

“ว้าว…คุณน่าสนใจมาก” อาจารย์ตอบผมเป็นภาษาอังกฤษก่อนที่ผมจะขอตัวกลับไปนั่งที่

“พูดอังกฤษเก่งจัง” เพชรกล่าวเมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้

“เราเป็นลูกครึ่งน่ะ” ผมตอบกลับ ซึ่งหลังจากนั้นอาจารย์แกก็ไม่ได้สอนในชั่วโมงแรก เป็นเหมือนกับการแนะนำตัวกัน ทำความรู้จักกัน และบอกเรื่องบทเรียนเล็กๆน้อยๆและปล่อยพวกเรากลับบ้านได้

“ขอบคุณอาจารย์ซิมิค” พวกเรากล่าวเป็นภาษาอังกฤษทำให้อาจารย์ดูชอบใจพวกเรามาก ซึ่งเมื่อเลิกเรียน นักศึกษาทุกคนก็พากันเดินออกจากห้องไปทันที

“อาจารย์ผมมีคำถาม” ผมเดินไปกล่าวถามอาจารย์ที่โต๊ะ และมันทำให้อาจารย์เงยหน้าขึ้นมาให้ความสนใจผมมาก

“ว่ามาใบชา" อาจารย์กล่าว

“ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ในระดับหนึ่งของประเทศไทย”

“ทำไมถึงมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ?" เมื่อผมกล่าวถาม ทำให้อาจารย์ซิมิคตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณรู้ได้อย่างไร?” อาจารย์ซิมิคกล่าวถามผม

“ชื่อและนามสกุลของอาจารย์…ผมไปค้นหาในอินเทอร์เน็ต” ผมกล่าวทำให้อาจารย์พยักหน้าตอบรับ

“ไปดื่มชากันไหม?” อาจารย์กล่าวถาม ทำให้ผมยิ้มออกมาทันที

“ครับ” ผมตอบรับก่อนจะหันไปหาเพื่อนๆ

“กลับก่อนเลย…เดี๋ยวว่าจะนั่งคุยกับอาจารย์ต่อ” ผมกล่าว ซึ่งในครั้งนี้ถึงแม้เพชรอยากจะไปกับผม แต่เขาไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษ ทำให้เพชรเลือกที่จะไม่ตามผม แต่ไปกับพวกเบียร์ซะแทน

ซึ่งอาจารย์ซิมิคนี่แหละคือคนที่ช่วยเหลือผมสร้างบริษัทขึ้นมา เมื่อแกจำผมได้ว่าผมเป็นลูกศิษย์ ก็เลยพยายามช่วยเรื่องต่างๆเท่าที่ช่วยได้ แต่เขาก็ไม่สามารถแทรกแซงบริษัทกราฟฟิคใหญ่ยักษ์นั่นได้ มันเกินมือของเขาไป

“ที่ผมมาเป็นอาจารย์…เพราะว่าผมรู้สึกดี”

“เมื่อลูกศิษย์ของผมประสบความสำเร็จ…และรู้สึกดีมากๆเมื่อลูกศิษย์พูดคุยกับผมได้” อาจารย์ซิมิคกล่าว ซึ่งเรานั่งกันอยู่ที่ร้านคาเฟ่ในอาคารเรียนรวม

“เช่นเดียวกับผมหรือเปล่าฮ่าๆ” ผมกล่าวก่อนจะหัวเราะออกมา

“ใช่แล้ว…ผมรู้สึกดีมากใบชา” อาจารย์ซิมิคกล่าวเป็นภาษาไทย ผมรู้สึกไม่ค่อยชินสักเท่าไหร่ที่เขาเรียกผมว่าใบชา แต่ก็ไม่เป็นไร แปลกดี

“ผมวางแผนจะสร้างอาณาจักรเล็กๆของผมขึ้นมาที่นี่” ผมกล่าวก่อนจะใช้นิ้วชี้จิ้มที่โต๊ะ

“อาจารย์เชื่อว่าใบชาทำได้…” อาจารย์ซิมิคกล่าวก่อนจะเอนหลังพิงเก้าอี้ และดูเหมือนเขาจะรอให้ผมนำเสนอสิ่งที่ผมคิดให้ฟัง

“บริษัทของผมกำลังจะก่อตั้งที่หน้ามหาลัย…และผมจะเปิดร้านอาหาร ผับและหอพัก” เมื่อผมกล่าวออกไปทำให้อาจารย์ซิมิคตกใจเล็กน้อย

“คุณมีบริษัทแล้วงั้นเหรอ?” อาจารย์กล่าวถามด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ

“ถูกต้อง…ผมเพิ่งจะจดบริษัทไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง” ผมกล่าวออกไปและมันทำให้อาจารย์ซิมิคถึงกับอุทานออกมา

ซึ่งผมก็ได้นั่งพูดคุยกับอาจารย์อยู่สักพักใหญ่เลยทีเดียว และผมรู้สึกสนุกมาก อาจารย์มีทัศนคติที่ดี และให้ความสนใจกับผมมากๆเลยทีเดียว จนในที่สุดผมก็ต้องขอตัวลาอาจารย์กลับไปพักซะก่อน

“ว่างเมื่อไหร่ก็มาคุยกันได้นะใบชา” อาจารย์ซิมิคกล่าวก่อนที่เราจะเดินแยกกันไปขึ้นรถ ซึ่งเราทั้งคู่ก็ได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกันไว้เรียบร้อยแล้ว โดยผมวางแผนว่าจะให้อาจารย์ซิมิคหาคนมีฝีมือมาช่วยผมสร้างสิ่งต่างๆ เห็นแบบนี้แต่เขาก็มีคอนแนคชั่นเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

ฮึกๆ ๆ ๆ

ฮึบ

ผมใช้แรงเฮือกสุดท้ายในการยกดัมเบลขึ้น และลุกขึ้นนั่ง หลังจากเล่นท่าอกล่างมาห้าเซ็ต เซ็ตละสิบสองครั้ง ในตอนนี้ผมรู้สึกเมื่อยมากๆ และผมก็ได้ไปเล่นหลังแขนต่ออีกสองท่าก่อนจะเดินไปที่ล็อกเกอร์และเก็บของกลับจากฟิตเนส

ซึ่งในทุกๆวันผมจะกินข้าววันละ 6 มื้อ ตื่นมากินตอนแปดโมงเช้ามื้อหนึ่งและก็หลับต่อตื่นมาเที่ยงกินอีกมื้อ บ่ายสองอีกมื้อ และออกกำลังกายช่วงเย็น พอออกกำลังกายเสร็จก็กินอีกมื้อ สามทุ่มอีกมื้อนึง และเที่ยงคืนอีกหนึ่งมื้อ ผมกินเพื่อให้มีแรงออกำลังกาย และนี่ยังไม่รวมโปรตีนและอาหารเสริมต่างๆ มันทำให้ร่างกายของผมแข็งแรงขึ้นอย่างพรวดพราดเลยทีเดียว

22 : 15

ซึ่งในตอนนี้บริษัทของผมก็เริ่มทำงานกันแล้ว เริ่มจากผมเองแหละ ผมทำรูปปกคลิปและตัดคลิปให้กับคุณแบม ส่วนคุณแบมก็เริ่มสร้างคอนเทนต์ต่างๆผ่านช่อง Carbon และเขียนบทความรวมถึงเขียนรีวิวในเพจเฟสบุ๊คในหัวข้อที่เป็นกระแส ทั้งวงการบันเทิง การตลาด คำคมการใช้ชีวิตและเทคโนโลยีใหม่ๆ แพลนในหัวของเรามีมากมาย แต่เราก็ค่อยๆทำไปทีละนิด ซึ่งงานของผมก็ยังมีทำโปสเตอร์โปรโมชั่นให้กับร้านอาหารอีกด้วย

“สวยไหม?” ผมกล่าวถามปลายสายใน google meet ซึ่งก็คือคุณแบม

“หัวหน้าของเราเก่งไปซะทุกอย่างเลยจริงๆนะ” คุณแบมกล่าวแทนคำชม

“คราวนี้เข้าใจหรือยังทำไมถึงให้เขียนรีวิวในวงกว้าง”

“เพราะเราจะได้รับงานโฆษณาจากสินค้าอื่นๆเข้ามา”

“นี่ขนาดเพิ่งเริ่มก็มีลูกค้ามาแล้ว”

“แต่ก็ต้องขอบคุณแม่แหละเนอะฮ่าๆ” ผมกล่าว ซึ่งแม่ก็อยู่ในมีตติ้งด้วย และแม่ก็เป็นคนติดต่อหาลูกค้าพวกนี้เองแหละ

“ซึ่งค่าโฆษณาอะไรพวกนี้มันไม่เกี่ยวกับเงินเดือนของคุณนะคุณแบม”

“มันคือค่าคอมมิชชั่น…ถ้าคุณเป็นคนทำคุณก็รับเงินไปเลย” ผมกล่าวเพื่อปลุกไฟให้กับคุณแบมเพิ่มขึ้นไปอีก

“สองหมื่นเนี่ยนะ!?” คุณแบมถึงกับส่งเสียงดัง

“ใช่…และในอนาคตยิ่งเพจของเราและช่องของเราเติบโต”

“เรายังจะมีค่าสปอนเซอร์และอื่นๆเข้ามาอีกเพียบ”

“มันก็เหมือนของที่มีราคาสูงขึ้นและเป็นที่น่าจับต้อง”

“แต่ผลงานของเราก็ต้องดีด้วย…เพราะฉะนั้นพยายามใส่ใจทุกงานและเก็บรายละเอียดให้ดี” ผมกล่าวอธิบาย

“พักผ่อนกันเถอะ…ฝันดีครับ” ผมกล่าวก่อนที่คุณแบมจะลาผมและแม่และออกจากมีตติ้งไป

“แม่ครับ…อันนี้คือนามบัตร”

“ทีทำไว้ให้เราสามคนส่วนของคุณเบนซ์ต้องไปตกลงกับแกอีกทีนึง” ผมกล่าวก่อนจะเปิดนามบัตรให้ดู แน่นอนว่าเอกลักษณ์ก็ยังคงเป็นลายคาร์บอนที่ดูมีคลาส ดูมีระดับเป็นอย่างมาก

“สวยมากๆ…เดี๋ยวแม่จัดการให้” แม่กล่าวจบผมก็ส่งไฟล์งานให้แม่ทันที

“เร็วๆนี้ทีอาจจะขึ้นไปนะครับ” ผมกล่าวซึ่งทำให้แม่ดีใจมาก แต่ก็มีเสียงทูไนท์กล่าวออกมาว่า ‘มาหาสาวแน่เลย’ ทำให้ผมอมยิ้มออกมาก่อนจะปิด Google meet

“เป็นยังไงบ้าง…ทั้งหอพักและบริษัทของเราจะใช้งบประมาณเท่าไหร่?” ผมกล่าวถามพี่เอมที่กำลังคิดคำนวณค่าวัสดุและอื่นๆมากมายจากข้อมูลของไอโดม

“28 ล้าน” เมื่อพี่เอมกล่าว มันทำให้ผมอึ้งพอสมควร แต่ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อผมสามารถหาเงินจากการเทรดได้ตลอดอยู่แล้ว

“30 ล้านไปเลย…ทำให้ดีที่สุด" ผมกล่าวก่อนจะมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“ครับคุณเบนซ์” ผมกดรับสายและตอบรับทันที

“เตรียมตัวหนีเดี๋ยวนี้!"

“พวกมาเฟียสองแก็งค์มันจับมือตั้งค่าหัวนายไว้ 3 ล้านบาท!” คุณเบนซ์กล่าวออกมาด้วยความร้อนรน

“ครอบครัวผม!?” ผมกล่าวออกมาด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน

“ไม่ต้องกังวล…ผมดูแลอยู่”

“และมีคนของเรากำลังไปหาคุณ…ไม่เกินสี่ชั่วโมง”

“และน่าจะมีพวกนักฆ่าเยอะแน่ๆเพราะที่คุณอยู่มันไม่ใช่เมืองใหญ่”

“เราไม่สามารถดึงตำรวจเข้ามาเกี่ยวได้…และพวกเขาไม่ไหวหรอก” คุณเบนซ์กล่าวก่อนที่ผมจะรีบเปลี่ยนชุดเตรียมตัว และใส่เกราะกันกระสุนที่ส่งตรงมาจากคุณเบนซ์

“ผมส่งซูพรีมไปหนึ่งคนและบอดีการ์ดอีกหนึ่งทีม”

“พวกมันรู้ที่อยู่ของคุณ…รีบไปจากที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย!” คุณเบนซ์กล่าวก่อนที่จะวางสายลง ดูเหมือนแกก็พยายามหาทางช่วยผมอย่างสุดความสามารถเช่นกัน

“พี่เอม…วิ่ง!” ผมกล่าวก่อนจะดึงมือพี่เอมขึ้นมาและวิ่งออกไปจากห้องพัก ผมพยายามพาเธอไปที่ร้านมุมหมาล่าให้ไวที่สุด ผมมั่นใจว่าห้องผมไม่ปลอดภัยแน่ๆ อย่างน้อยถ้าจะเล่นกับผม ก็มาเล่นข้างนอก มาเล่นพื้นที่กว้างซะดีกว่า

ฟึบๆๆๆ

“ไม่ต้องออกมาตามหาที…ถ้าทีไม่โทรหาอย่าออกมาจากบ้านเด็ดขาด” ผมกล่าวก่อนจะวิ่งออกไปจากบริเวณนี้ และวิ่งไปที่หน้าซอย

“แม่งเอ้ย!” ผมสบถออกมาและพยายามวิ่งต่อไปที่ร้านซักผ้าอัตโนมัติ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel