เฮงและโทนี่
“สวัสดีครับๆ” ผมกล่าวทักทายอาจารย์ทุกคนในโต๊ะ ซึ่งจากตอนแรกที่ผมคิดจะไปนั่งกับเพื่อน กลับต้องโดนพี่หนุ่มแกพามานั่งโต๊ะอาจารย์
“ทุกคนทราบไหมครับว่าน้องทีคนนี้เพิ่งจะไปจดจัดตั้งบริษัทกับผมมาครับ”
“น้องทีกำลังสร้างบริษัทเกี่ยวกับสื่อออนไลน์”
“เด็กคนนี้อนาคตไกลมากครับ” อาจารย์หนุ่มกล่าว มันทำให้ผมถอนหายใจออกมาในใจ
“โอ้โห…เก่งมากเลยครับ” อาจารย์ท่านอื่นกล่าวชม
“แบบนี้คงจะเก่งมากแน่ๆ”
“อาจารย์คาดหวังนะจ้ะ” อาจารย์ผู้หญิงกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ครับผม…ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ” ผมกล่าวและยิ้มกลับไปก่อนจะเห็นพี่เอมเดินออกมาจากข้างในร้าน เธอเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว ผมจึงพยักหน้าให้เธอเดินมาหาผมเพื่อพาผมออกไปจากตรงนี้
“พี่เอมเปลี่ยนชุดแล้วเสร็จแล้วเหรอครับ” ผมกล่าวเมื่อพี่เอมเดินมาใกล้ผมก่อนจะหันไปหาอาจารย์
“เดี๋ยวผมไปนั่งกับเพื่อนๆก่อนนะครับ” ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้น
“โอเคครับ…สู้ๆนะ” อาจารย์หลายคนกล่าวให้กำลังใจผม ซึ่งผมก็ยิ้มตอบรับและเดินไปพร้อมกับพี่เอม ซึ่งเพชรเพื่อนรักมันก็เว้นที่ให้ผมไว้เรียบร้อยแล้ว
“เพื่อนมาแล้วๆ” เมื่อผมเดินมาถึงโต๊ะยาว เพื่อนๆในสาขาต่างกล่าวออกมาและขยับร่างเข้าไปชิดโต๊ะเพื่อให้ผมเดินเข้าไปนั่งข้างใน และที่ว่างนั้นก็คือหัวโต๊ะ
“เพชรสูบหน่อยดิ” ผมกล่าวเมื่อนั่งลงบนเก้าอี้ ซึ่งพี่เอมก็นั่งข้างๆผม โดยที่ถัดไปจากพี่เอมก็คือแฟนเก่าของผมในชีวิตที่แล้ว
ซืดด
“วันนี้เปลี่ยนน้ำยาเหรอ…เข้มดี” ผมกล่าวก่อนจะยื่นพอตคืนให้กับเพชร
“ฮ่าๆ…สำหรับเราเราว่ามันแทงคอไปนิด” เพชรกล่าวด้วยความยินดีที่ผมชม
“นั่งหัวโต๊ะแบบนี้ต้องเลี้ยงแล้วป่าวน้าา” เพื่อนคนที่นั่งข้างเพชรกล่าวแซว
“แหม…ฮ่าๆ”
“พี่เอม…โต๊ะของสาขา DCM ทุกโต๊ะรวมถึงโต๊ะอาจารย์ทีจ่ายเองนะครับ” ผมหันไปกล่าวกับพี่เอมทำให้เพื่อนๆถึงกับส่งเสียงออกมา
“เอ้ยเกินไปป่าวเนี่ย” หลายคนกล่าว เพราะถ้านับรวมทุกโต๊ะน่าจะหมดเป็นหมื่นแน่ๆ
“จริง…เราพูดจริง” ผมกล่าวก่อนจะยกยิ้มมุมปากด้วยความพอใจ
“จดบริษัทสำเร็จแล้วนะครับ”
“เดี๋ยวจะเริ่มงานกันเดือนหน้า” ผมกล่าวกับพี่เอมซึ่งทำให้เพื่อนๆสนใจมาก
“ส่วนเรื่องที่ข้างหลังเดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปจัดการให้ครับ” ผมกล่าวซึ่งทำให้พี่เอมดีใจมากจนขยับเข้ามากอดแขนผม
“เราชื่อเบียร์นะ…เธอชื่ออะไร?” เพื่อนที่นั่งข้างเพชรกล่าวถาม ซึ่งเธอเป็นคนแซวให้ผมเลี้ยงเพื่อน
“ชื่อที…ที่แปลว่าชาอ่ะ” ผมตอบกลับไปก่อนจะรับแก้วจากเพื่อน และเพื่อนก็รินคอกเทลให้ผมเรียบร้อย
“เราไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะ” ผมกล่าวก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปข้างหลัง ซึ่งตั้งแต่ลงจากเครื่องบินผมก็ยังไม่ได้เข้าห้องน้ำเลย
“อ่าว…เกิดอะไรขึ้นวะ?” ผมกล่าวเมื่อออกมาจากห้องน้ำแล้วเจอตำรวจสองคนกำลังยืนคุยกับเพชร
“น้องครับ…มันผิดกฏหมายนะ” ตำรวจกล่าว ซึ่งน่าจะเป็นเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ผมจึงเดินเข้าไปหาพวกเขาทันที โดยที่ในตอนนี้ทั้งร้านต่างจับจ้องมาที่การพูดคุยของเพชรกับตำรวจ
“อันนี้ของผมเอง” ผมกล่าวพร้อมกับแย่งบุหรี่ไฟฟ้ามาจากมือของตำรวจ ทำให้เขาหันมามองผมทันที
“สวัสดีครับ!” ซึ่งเมื่อตำรวจเห็นหน้าผม พวกเขาทั้งคู่ต่างยกมือขึ้นมาวันทยาหัตถ์ผมทันที
“สวัสดี…อืม…” ผมกล่าวทักทายกลับก่อนจะจ้องมองป้ายชื่อของพวกเขา ซึ่งตำรวจทั้งสองคนนี้น่าจะเป็นสายตรวจ
“ต้องจ่ายค่าปรับเท่าไหร่ครับ?” ผมกล่าวถามออกไปตรงๆและจ้องมองหน้าของพวกเขา
“เอ่อ…ไม่ต้องครับ…” พวกเขากล่าวก่อนจะหันมามองหน้ากัน
ซืดด
“ครับ” ผมสูบบุหรี่ไฟฟ้าในมือก่อนจะพ่นออกมาและกล่าวตอบพวกเขา
“ถ้ายังไงเราไปก่อนนะครับ…” ตำรวจคนนึงกล่าวออกมาก่อนจะรีบเดินไปจากหน้าร้าน
“เดี๋ยวผมเดินไปส่ง” ผมกล่าวทำให้พวกเขาถึงกับสะดุ้ง
“ไม่ต้องก็ได้ครับ!” พวกเขากล่าวออกมาด้วยความลุกลี้ลุกรน
“น่าๆไปเถอะ” ผมกล่าวก่อนจะเดินกอดคอทั้งสองไปที่รถบิ๊กไบค์ของตำรวจ
“คงจะเหนื่อยกันแย่เลยนะครับตรวจตอนกลางคืนกันด้วย” ผมกล่าวก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและหยิบแบงค์พันออกมาสองใบพร้อมกับวางบนถังน้ำมันของรถ
“ฝากบอกลุงรันด้วยนะครับเดี๋ยวพรุ่งนี้จะแวะเข้าไปหา” ผมกล่าวก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ให้พวกเขาพูดอะไร
ซืดด
ผมสูบบุหรี่ไฟฟ้าก่อนจะพ่นควันและเดินเข้าไปในร้าน กลับไปนั่งที่เดิม ซึ่งทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ผม
ผมคือใครกันแน่? แล้วทำไมตำรวจถึงต้องเคารพผมขนาดนั้น และดูเหมือนจะเกรงกลัวผมกันพอสมควรเลยด้วย
“ทีเป็นตำรวจเหรอ?” เพชรกล่าวถามผมด้วยความสงสัย ซึ่งดูเหมือนเขาจะกล่าวถามแทนเพื่อนๆทุกคน
“ไม่ใช่…จะบ้าเหรอเป็นตำรวจต้องหัวเกรียนดิ” ผมกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบผมของตัวเอง
“เออก็จริงเนาะฮ่าๆ” เพชรกล่าว ซึ่งในตอนนี้เพื่อนๆในโต๊ะต่างนั่งเกร็งกันไปหมด
และหลังจากนั้นพวกเราก็นั่งพูดคุยกันยาวพอสมควร จนเวลาได้ล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มกว่าๆ หลายๆโต๊ะเริ่มทยอยกลับไป อาจารย์ก็กลับกันไปตั้งแต่สี่ทุ่มแล้ว และเมื่อพวกเขารู้ว่าผมเลี้ยงทุกโต๊ะในสาขาพวกเขาก็ตกใจกันพอสมควร ซึ่งในเวลานี้เพื่อนในโต๊ะก็เริ่มมึนเมากันแล้ว
“เรากลับก่อนนะ…” ผมกล่าว และถึงแม้เพื่อนๆจะยื้อผมไว้ แต่ผมก็ต้องขอตัวกลับก่อนจริงๆ เพราะผมเหนื่อยมาก
“เพชรกลับดีๆนะ…เบียร์กลับดีๆ”
“เจอกัน” ผมกล่าวลาเพื่อนและเดินจูงมือพี่เอมไปไหว้พี่โอก่อนจะเดินกลับไปที่หอพัก
และในคืนนี้ก็ยังเหมือนเดิม ผมไม่ได้ทำอะไรพี่เอมนอกจากกอดและจูบ และเราก็นอนด้วยกันตื่นมาเจอกันเป็นชีวิตประจำวัน ซึ่งในวันนี้พี่เอมมีประชุมสภานักศึกษา เธอก็เลยต้องตื่นไวกว่าปกติและเข้าไปในมหาลัย ส่วนผมเมื่อตื่นแล้วก็เปิดออเดอร์ในแอปทันทีและจัดการอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปที่ ส.น.
ณ สถานีตำรวจ ท่าศาลา
“ผมคิดว่าการจะคุมพวกนักเลงไม่ให้มันอาระวาด”
“ต้องให้นักเลงด้วยกันคุมกันเองครับ” ผมกล่าวความคิดของผมให้ลุงรันฟัง ซึ่งลุงก็รับฟังผมอย่างตั้งใจ
“แต่เราจะคุมตัวหัวหน้าอยู่เหรอ?” ลุงรันกล่าวถาม
“ผมคิดว่าผมทำได้ครับ” ผมกล่าว ซึ่งลุงรันก็พยักหน้า
“ก็ลองคุยดูล่ะกัน…เอาตำรวจลงไปด้วยไหม?” ลุงรันกล่าวถาม ซึ่งชั้นใต้ดินของสถานีตำรวจที่นี่จะเป็นเรือนจำขนาดเล็ก ซึ่งมีห้องขังเพียงสิบห้อง และส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็จะเป็นพวกแก็งค์มาเฟียกันซะหมด
“ไม่ต้องครับ…แค่กุญแจห้องขังก็พอ”
“เดี๋ยวผมไปรายงานคุณเบนซ์เองครับ” ผมกล่าวก่อนจะเดินออกไปจากห้องผู้บังคับการและโทรศัพท์หาคุณเบนซ์ ซึ่งมันก็คุยง่ายมาก ผมพูดเพียงแค่ว่าจะจัดการเอง แกก็ยอมให้ผมทำอย่างง่ายดาย เพราะพวกตำรวจส่วนใหญ่ที่มีอิทธิพลก็แอบเลี้ยงพวกมาเฟียรุ่นเล็กกันไว้พอสมควรเพื่อหาเงินจากพวกมัน ถ้ามองในมุมของตำรวจล่ะนะ
“ตำรวจหายไปไหนหมดวะ!?" เมื่อผมเดินลงมาใต้สถานีตำรวจ ก็มีเสียงมากมายเรียกหาตำรวจทันที
“เห้ย…นั่น…” ซึ่งเมื่อพวกมันเห็นผม พวกมันถึงกับสะอึกกันหมดและถอยออกห่างจากกรง
“เป็นไง…ผู้ใหญ่มาประกันตัวให้ไหม?” ผมกล่าวถามเมื่อเดินมาถึงห้องสุดท้าย ซึ่งเป็นห้องที่หัวหน้ามาเฟียที่นี่อยู่ และผมก็ไม่รอช้าที่จะไขกุญแจห้องขังในทันที
“แต่มันจะไปมีได้ไงละเนอะ…ก็กูจัดการไปหมดแล้ว” ผมกล่าวก่อนจะเดินไปยืนข้างหน้ามัน ซึ่งพวกลูกน้องในห้องก็ต่างมองหน้ากัน
ฟึบๆ ผลั๊วะ
“อยู่ให้นิ่งดิวะ” ผมกล่าวหลังจากมีร่างนึงร่วงลงไปนอนบนพื้นเพราะคิดจะวิ่งออกไปจากห้องขัง และมันก็โดนผมศอกสลบกลางอากาศไปซะ
“แม่งมีคนเดียวเว้ย!” คนในห้องขังกล่าว ส่วนหัวหน้ามาเฟียยังคงนั่งชันเข่าอยู่เฉยๆ
ผลั๊วะๆๆๆๆๆ
ซึ่งเมื่อพวกมันพุ่งมาหวังจะจัดการผม ผมก็เลยจัดแม่งซะก่อนจนเลือดตกยางออกกันไป ทำให้ในตอนนี้พวกมันนั่งกันนิ่ง
“กูลองตรวจประวัติมึงดู”
“มึงไม่ได้เล่นยาหนิเฮง” ผมกล่าวถึงหัวหน้ามาเฟีย ซึ่งมันชื่อเล่นว่าเฮง
“ไอเหี้ยพูดกับลูกพี่กูดีๆ!” คนจากห้องอื่นตะโกนด่าผม
“มึงสงบเสงี่ยมจังนะ…คิดอะไรได้แล้วเหรอ?” ผมกล่าวถามเมื่อมันยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับ
“ผมขอโอกาสได้ไหม…ผมยังมีลูกที่ต้องดูแล" เฮงกล่าว มันทำให้ผมหัวเราะออกมา
“ลูกสาวใช่ไหม…ตำรวจเขาดูแลให้อยู่”
“แต่โอกาสที่มึงว่ามามันเป็นยังไงวะ?” ผมกล่าวถามก่อนจะก้มลงไปจับแขนของมันและดึงร่างมันขึ้นมา
“เอางี้…กูจะบอกให้ว่ามึงต้องทำยังไง” ผมกล่าวเมื่อไอเฮงมันนั่งเงียบ
“สิ่งที่มึงทำมาแค่ปรับเปลี่ยน”
“มึงก็น่าจะรู้อะไรดี…และอะไรมันไม่สมควร”
“ส่วนเรื่องหนี…มึงก็น่าจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ผมกล่าว ในตอนนี้ผมชี้ทางให้มันสุดๆล่ะ เหลือเพียงแค่มันจะเลือกเส้นทางที่ผมชี้นำให้หรือเปล่า
“แต่การจะทำแบบนั้นได้ต้องมีคน” เฮงกล่าว ซึ่งความต้องการของมันคือการพาลูกน้องไปจากที่นี่ด้วย
“มึงไม่แน่จริงนี่หว่า…นี่น่ะเหรอหัวหน้ามาเฟีย”
“ตอนที่มึงขึ้นมาเป็นใหญ่…มึงก็น่าจะผ่านอะไรมาเยอะ”
“มึงทำให้กูดูดิ…แล้วค่อยมาต่อรองกัน” ผมกล่าว ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะพาพวกมันทุกคนออกไปจากคุก แต่ถ้าเป็นเพียงเฮงคนเดียว ผมสามารถพาออกไปได้
“ผมขอแค่คนเดียว” เฮงกล่าว ซึ่งมันทำให้ผมสนใจมาก
“โทนี่” เฮงกล่าวก่อนจะดึงร่างที่กำลังคุกเข่าต่อหน้าผมขึ้นมา ถ้าเป็นไอคนนี่ผมก็พอไหว มันมีความสามารถในการต่อสู้พอสมควร และมันน่าจะเป็นคนที่มีประโยชน์รวมถึงไว้ใจได้ที่สุดสำหรับเฮง
“ไปลาลูกน้องซะไป” ผมกล่าวก่อนจะดึงแขนทั้งสองออกไปจากห้องขังแล้วออกไปปิดประตูล็อคกรไว้เหมือนเดิม ส่วนเฮงมันก็ได้เดินไปที่กรงขังอื่นๆ มันพยายามบอกว่าจะหาทางช่วยพวกเขาออกมาให้ได้ และเมื่อผมล้อคประตูเสร็จ ผมก็ได้เดินนำหน้าพวกมันทั้งสองคนขึ้นไปบนสถานี
“สองคนเลยเหรอครับ” ผู้คุมกล่าวซึ่งผมก็พยักหน้าและยื่นกุญแจให้กับพวกเขา
“ไม่ต้อง…" ผมกล่าวเมื่อผู้คุมจะล็อคกุญแจมือพวกมัน
“ลุงรันสวัสดีครับ” ผมกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้ลุงรัน และพาพวกมันขึ้นไปนั่งบนรถของผมพร้อมกับขับออกไปที่กบดานของพวกมัน
“เงินในบัญชีพวกมึงตำรวจยังไม่ได้ยึด”
“ไปจัดการอะไรให้เสร็จแล้วเริ่มงานได้” ผมกล่าวก่อนจะยื่นนามบัตรให้พวกมัน
ซืดด
ผมสูบบุหรี่ไฟฟ้าและพ่นควันจำนวนมากออกมา ซึ่งมันทำให้เฮงและโทนี่ถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความอยาก เพราะพวกมันก็ติดบุหรี่กันพอสมควร
“Supreme” พวกมันอ่านชื่อบริษัทในนามบัตรของผมและเริ่มคิดในใจ
“มึงจะไม่ถามเหรอ…งานแรกคืออะไร?” ผมกล่าวก่อนจะหยิบพอตบุหรี่ไฟฟ้าสูบแล้วทิ้งในรถมาสองอัน
“งานคืออะไร?” เฮงเป็นคนกล่าวถาม
“ทวงอำนาจของมึงกลับมาแล้วคุมที่นี่” ผมกล่าวก่อนจะยื่นพอตสูบแล้วทิ้งให้พวกมันทั้งสอง
“ลูกสาวของมึงคงไม่อยากได้กลิ่นเหม็นของบุหรี่”
“กลิ่นพวกนี้หอม” ผมกล่าวซึ่งพวกมันก็รับไป
“แต่จำไว้…ทุกๆอย่างที่เกิดขึ้น…มันจะไม่มีชื่อกูเกี่ยวข้อง” ผมกล่าวก่อนจะกลับเข้าไปในรถและขับรถออกไปทันที
ซึ่งแน่นอนว่าผมไม่สามารถไปมีเรื่องกับพวกนักเลงได้ตลอด และชื่อเสียงของผมยังคงมีแต่ด้านดีไว้ก่อน เพราะอนาคตธุรกิจของผมจะใหญ่มาก เดี๋ยวมันจะมีผลกระทบ ผมเลยต้องใช้พวกมันคุมและจัดการพวกเวรบรรลัยทั้งหลายที่ชอบทำตัวกร่างไปทั่ว เช่นพวกที่จะมาหาเรื่องผมเรื่องของพี่เอมเป็นต้น
