จดบริษัท
“คันเดิมเลยนะคะ” หญิงสาวกล่าวเมื่อผมเดินมาที่ลานจอดรถ ซึ่งเธอก็เป็นผู้หญิงคนเดิมที่ปล่อยเช่ารถให้ผม และในครั้งนี้ผมก็เช่าไปแค่สองวัน และดูเหมือนในคราวนี้เธอจะเริ่มพูดคุยกับผมแล้ว
“ครับ” ผมตอบรับและยิ้มให้ก่อนจะรับกุญแจและเข้าไปนั่งในรถ
ซึ่งหลังจากนี้ผมกับเธอก็คงไม่ได้เจอกันแล้วล่ะ เพราะผมจะซื้อรถขับเองแล้ว ในตอนนี้บัญชีของผมมีเงินมากกว่า 35 ล้านบาท ผมวางแผนไว้ว่าจะซื้อแลมโบกินี่ มันคือความฝันของผมเลยล่ะ ที่จริงผมมีเงินมากกว่า 45 ล้านซะอีก ซึ่งอีกสิบกว่าล้านมันอยู่ในพอร์ตของผม
ผมยังสามารถทำเงินจากการเทรดทองไปได้เรื่อยๆ แต่อีกไม่นานี้ผมจะซื้อตราสารหนี้อเมริกาไว้สักห้าล้าน และหุ้น Apple ไว้อีกห้าล้าน เพราะถึงยังไง Apple มันก็อยู่กับเราไปอีกนานและมันไม่มีทางล้มลงแน่ๆเพราะอนาคตมนุษย์เราก็ยังใช้มันอยู่เลย รวมถึงตราสารหนี้อเมริกา เพราะ Apple เขาถือตราสารหนี้อเมริกาแทนเงินสด เพราะฉะนั้นถ้าอเมริกาล้ม Apple ก็ล้ม
และมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆที่อเมริกาจะล้มลง
ผมคิดอะไรหลายๆอย่างพลางขับรถไปที่รังสิต คืนนี้ผมจะไปนอนกอดพี่ส้มให้หายคิดถึงซะหน่อย ส่วนในวันพรุ่งนี้พี่ส้มก็ไปกับผมด้วย โดยคนที่จะไปด้วยกันก็จะมี….
ณ ร้านอาหารหรูระดับ 5 ดาว
ภายในร้านส่วนใหญ่จะเป็นต่างชาติที่เข้ามาคุยธุรกิจกับคนไทย โดยแต่ละคนเขาแต่งตัวกันแพงมาก และใช่ครับ ผมได้ตื่นเช้าไปซื้อสูทแบรนด์ Dior รวมถึงซื้อน้ำหอมที่ผมชอบให้กับพี่ส้มด้วย หมดไปแสนกว่าบาทเลยทีเดียว ยังดีที่มันลดราคาอยู่ราวๆ 10%
ซึ่งโต๊ะที่ผมนั่งอยู่เป็นโต๊ะกลม ที่นั่ง 10 ที่ ในโต๊ะตอนนี้มีผมและพี่ส้มนั่งข้างกัน ส่วนคุณเบนซ์เขาก็มาเพียงคนเดียวและนั่งตรงข้ามผม ส่วนอาจารย์หนุ่มแกก็นั่งฝั่งเดียวกับคุณเบนซ์ โดยผมได้แนะนำทั้งสองให้รู้จักกันเรียบร้อย ทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องการสอนของอาจารย์หนุ่ม
“พี่” เสียงใสดังมาจากข้างหลังของผม ซึ่งหนักงานต้อนรับก็ได้เดินมาข้างผมและก้มหัวให้กับผมก่อนจะเดินกลับไป เหมือนว่าเขาจะเดินนำใครมาส่งที่โต๊ะ ซึ่งอาหารที่ผมสั่งก็มาพอดี และส่วนใหญ่จะเป็นอาหารเกี่ยวกับกุ้ง เพราะทูไนท์ชอบกินมาก
“แม่…ทูไนท์…ไทม์” ผมลุกขึ้นยืนและเดินไปจัดที่ให้กับทั้งสามคน ซึ่งผมให้แม่นั่งข้างผม และทูไนท์ก็นั่งถัดไปจากแม่ ส่วนไทม์ก็ถัดไปจากทูไนท์อีกทีนึง
“คุณเบนซ์…นี่แม่ของผมครับ” ผมกล่าวก่อนจะหันไปหาอาจารย์หนุ่ม
“อาจารย์หนุ่ม…แม่ของผมเองครับ” ผมกล่าวแนะนำ ซึ่งทั้งสองคนก็ลุกขึ้นค้อมตัวลงให้กับแม่ของผม
“คุณแม่สวยมากเลยครับ” อาจารย์หนุ่มกล่าวด้วยความเคารพ ซึ่งผู้ใหญ่ทั้งสามก็พูดคุยทักทายกันอยู่สักพัก ส่วนผมก็ได้ตักกุ้งอบชีสให้กับทูไนท์ และตักให้กับพี่ส้มด้วย ซึ่งสายตาของทูไนท์มองพี่ส้มไม่วางเลยทีเดียว
“แม่ครับ…ในอนาคตพี่ส้มจะมาเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ของเราครับ” ผมกล่าวขึ้นมาเมื่อแม่หันมาทางผม ซึ่งพี่ส้มก็ได้ยืนขึ้นและสวัสดีทักทายแม่ของผม
“เหมาะมากเลยจ่ะ…หนูสวยมาก” แม่กล่าวชมพี่ส้มก่อนจะหันมามองตาขวางใส่ผม
“คุณน้าก็สวยมากๆเลยค่ะ” พี่ส้มกล่าวด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะนั่งลง
“ที…คุณเบนซ์เขาเป็นคนใหญ่คนโตเลยนะ” แม่ขยับมากระซิบผม ทำให้ผมยกยิ้มมุมปากออกมา
“ทำไมถึงคิดจะสร้างบริษัทเกี่ยวกับสื่อออนไลน์ล่ะ?” คุณเบนซ์กล่าวถาม
“มันจะไม่ใช่แค่สื่อออนไลน์ครับคุณเบนซ์”
“ภาพยนต์…ดารา…โฆษณา…ข่าว…ยูทูป”
“เราจะทำมันทั้งหมดเลยครับ” ผมกล่าว ถึงแม้ว่าแผนของผมจะไม่ได้วางไว้เกี่ยวกับงานเบื้องหน้า แต่งานเบื้องหลังเราแน่นแน่นอน
“และที่สำคัญ…Tiktok ครับ” ผมกล่าว ซึ่งแน่นอนว่าแพลตฟอร์มนี้ในอนาคตจะทำเงินให้เราอย่างมหาศาล เกี่ยวกับระบบ ‘นายหน้า’
“ทุกๆอย่างที่ผมกล่าวไป…มันจะอยู่ในชีวิตประจำวันของเราไปอีกนานเลยครับ”
“งานหลักๆของเราคือทำให้ผู้คนเข้าถึงสินค้าให้มากขึ้นครับ"
“คอนเทนต์จะเป็นสิ่งจำเป็นในการบุกเบิกอะไรหลายๆอย่างครับ” ผมกล่าวอธิบาย ซึ่งอาจารย์หนุ่มก็พยักหน้าฟัง ส่วนคุณเบนซ์ก็ตั้งใจฟังเป็นอย่างมาก ต่างจากครอบครัวของผมที่มองผมด้วยตาที่เป็นประกาย ซึ่งที่จริงแล้วผมไม่ได้บอกไปหมดทุกอย่าง เพราะผมมีแพลนจะสร้างอสังหาริมทรัพย์และสถานบันเทิงด้วย
“…” คุณเบนซ์ไม่ได้กล่าวอะไร เขาเพียงแค่ยิ้มออกมา
“ถ้าจะทำขนาดนั้นสามล้านจะพอเหรอ?” คุณเบนซ์กล่าวถาม เพราะคุณเบนซ์เขาเสนอลงทุนให้ผมสามล้านบาท
“มันมากเกินไปด้วยซ้ำครับ” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ด้วยงานที่เราจะทำผมมีแนวทางการใช้เครื่องมือในคอมพิวเตอร์ช่วยครับ”
“รวมถึงงานพวกนี้มันจะมาจากความคิดของพวกเราครับ” ผมกล่าวอธิบาย
“สักครู่” คุณเบนซ์กล่าวก่อนจะขอตัวไปรับสายโทรศัพท์
“อร่อยมั้ย?” ระหว่างนี้ผมจึงชวนครอบครัวพูดคุย
ซึ่งเวลาก็ได้ผ่านไปสักพัก หลังจากที่คุณเบนซ์เดินออกไปคุยโทรศัพท์ ก็มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงที่เดินไปทักทายคุณเบนซ์ ดูเหมือนพวกเขาจะมีคอนแนคชั่นกับคุณเบนซ์พอสมควรเลยทีเดียว
“หืม…” ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆเมื่อมีชายผมทองคนหนึ่งเดินไปทักทายคุณเบนซ์โดยมีบอดีการ์ดชุดดำสามคนเดินล้อมหน้าล้อมหลัง แต่บอดีการ์ดพวกนั้นไม่ได้มีสัญลักษณ์บนสูทว่าอยู่ในบริษัทของคุณเบนซ์ แต่ดูเหมือนจะเป็นคู่แข่งบริษัทกันซะมากกว่า
“ครับ” และเมื่อคุณเบนซ์ส่งสัญญาณให้ผมเดินไปหา ผมจึงตอบรับและลุกจากโต๊ะไปทันที
“วันนี้ลุงเบนซ์ไม่มีบอดีการ์ดมาด้วยเหรอครับหืม?” อีกฝ่ายกล่าวถามซึ่งผมก็เดินมาได้ยินพอดี ผมจึงเดินไปยืนข้างหลังคุณเบนซ์
“แค่เขาคนเดียวก็เพียงพอแล้วล่ะ” คุณเบนซ์กล่าวถึงผมที่ยืนอยู่ข้างหลัง ทำให้สายตาของทั้งสี่คนจ้องมองมาที่ผม และผมก็จ้องมองกลับโดยไม่มีท่าทางหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“โอ้…ใช่เด็กที่เข้าไปยุ่งกับพวกหน่วยรบพิเศษหรือเปล่านะ?” ชายผมทองกล่าวทำให้ผมยิ้มออกมา
“ใช่แล้วล่ะ…เขาคือ Supreme” เมื่อคุณเบนซ์กล่าว มันทำให้พวกเขาแสดงสีหน้าแปลกๆออกมา ราวกับว่าต้องการจะหยั่งเชิงผม
“เขาเหมาะสมแล้วเหรอ?” การ์ดร่างใหญ่กล่าวออกมา
“ดูเหมือนบริษัทของคุณจะไม่ได้อบรมการ์ดมาสินะ”
“ว่าไม่ให้พูดแทรก” คุณเบนซ์กล่าว และมันทำให้สีหน้าของการ์ดคนนั้นถึงกับบิดเบี้ยว
“ทีมีอะไรจะพูดไหม?” คุณเบนซ์กล่าวถามผม
“ครับ…ขออนุญาติครับ”
“ไว้มีโอกาสผมจะไปให้ทดสอบฝีมือนะครับ”
“ว่าผมเหมาะสมหรือเปล่า” ผมกล่าวออกไปเมื่อได้รับโอกาสให้พูด ซึ่งทำให้ชายร่างใหญ่คนนั้นแสยะยิ้มออกมา
“คุณเบนซ์สวัสดีครับ” ซึ่งเมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียด ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักทายพวกเรา และดูเหมือนเขาจะเป็นเจ้าของร้าน จนสุดท้ายพวกเราก็แยกย้ายกันกลับโต๊ะโดยเข้าของร้านคนนั้นได้เดินมาส่งผมและคุณเบนซ์ที่โต๊ะ ปล่อยให้ชายผมทองเสียหน้าอยู่อย่างนั้น เพราะเจ้าของร้านยังคงเลือกพวกเราไม่ได้เลือกเขา
และหลังจากนั้นพวกเราก็ทานอาหารกันไปด้วย พูดคุยกันไปด้วย แต่จะเป็นเรื่องการใช้ชีวิตซะส่วนใหญ่ ไม่ได้พูดถึงงานที่เราจะทำ เมื่อกินอาหารกันเสร็จ พวกเราก็ออกไปจากร้านตรงไปจดชื่อบริษัทกันทันที
ซึ่งเรื่องการดำเนินการจดทะเบียนบริษัทมันก็ไม่ใช่เรื่องยากสักเท่าไหร่ในเมื่อมีคุณเบนซ์อยู่ด้วย และเมื่อทุกอย่างดำเนินการไปอย่างราบรื่น โดยจะใช้เวลาขึ้นชื่อบริษัท 3 วันทำการ พวกเราก็แยกย้ายกันไปเพราะคุณเบนซ์ยังมีธุระต้องไปจัดการ และมันก็เป็นช่วงเย็นพอดี ผมจึงพาครอบครัว รวมถึงอาจารย์หนุ่มและพี่ส้มไปทานอาหารเย็นกัน
และการจดทะเบียนในครั้งนี้ คุณเบนซ์เขาก็เอาหุ้นไว้แค่ 20% เท่านั้น ที่เหลือก็จะเป็นของผมและแม่ โดยผมจะครองหุ้นไว้เอง 60% และอีก 5% จะเป็นของอาจารย์หนุ่มตามที่ตกลงกันไว้ และอีก 10% จะเป็นของแม่ เพราะในอนาคตผมวางแผนจะให้แม่กลายเป็นผู้บริหารหลัก
โดยในคืนนี้ผมก็ได้พาพี่ส้มไปนอนโรงแรมใกล้กับสนามบินดอนเมือง ซึ่งผมก็ได้จ่ายค่าห้องโรงแรมให้กับอาจารย์หนุ่มเช่นกัน ซึ่งดูเหมือนอาจารย์หนุ่มเขาจะมีไฟในการทำงานมาก เขาพยายามพูดคุยกับผมเรื่องการหาลูกค้าและแนวทางของบริษัทตลอดเวลาที่มีโอกาส
“เค้ากลับมหาลัยแล้วนะ” ผมกล่าวลาพี่ส้ม ซึ่งในตอนนี้เราอยู่กันที่สนามบินเป็นที่เรียบร้อย โดยผมก็ได้จองที่นั่งให้กับอาจารย์หนุ่มนั่งข้างผมด้วย
“เค้าจะรอเธอขึ้นมาอีกนะ” พี่ส้มกล่าวพร้อมกับกอดผมแน่นๆ ผมเองก็เช่นกัน และก็เหลือเพียงเราสองคน ผมกับอาจารย์หนุ่ม
[เดินทางปลอดภัยนะลูก]
แม่ได้ส่งข้อความมาหาผมผ่านทางไลน์ ซึ่งผมก็ตอบกลับไปและก็ปิดโทรศัพท์ลงเพราะอยู่ในช่วงเวลาเครื่องกำลังจะขึ้นบินพอดี ส่วนเรื่องรถแลมโบของผมคงต้องพักไว้ก่อน เพราะผมคิดว่าจะใช้เงินขยับขยายธุรกิจนี้ให้มั่นคง และใช้เงินหาเงินให้มากกว่าเดิม
“พี่คิดว่าเราควรจะเป็นคนติดต่อเขาไปก่อน”
“แล้วเดี๋ยวเรื่องพนักงานในบริษัทพี่จะพารุ่นพี่เรามารู้จัก” อาจารย์หนุ่มกล่าว ซึ่งในตอนนี้ผมนั่งอยู่ในรถของอาจารย์และอาจารย์กำลังขับรถไปส่งผมที่หอพัก เพราะตอนไปผมไม่ได้ขับรถไปจอดไว้ที่สนามบิน ผมให้พี่เอมไปส่ง
“ได้ครับ…ขอบคุณพี่หนุ่มมากๆเลยนะครับ” ผมกล่าว เพราะหลังจากที่เราพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันมากมายระหว่างเดินทาง ทำให้เราสนิทกันมากขึ้นจนอาจารย์เขาแทนตัวเองว่าพี่ ผมก็เลยเรียกพี่ตามไปด้วย
“สวัสดีครับพี่หนุ่ม” ผมกล่าวก่อนจะลงจากรถไป
“สวัสดีๆ” ซึ่งพี่หนุ่มก็กล่าวตอบรับกลับมาเช่นกัน
[เพื่อนว่างไหม]
[เรากำลังจะไปนั่งกินอะไรที่มุมหมาล่ากับเพื่อนในสาขา]
เพชรส่งข้อความมาหาผมทันทีที่ผมกำลังจะขึ้นหอพัก ทำให้ผมต้องชะงักตัวเองไว้ก่อน
[ได้เลย…เจอกันที่ร้านนะ]
ผมส่งข้อความตอบกลับไปก่อนจะเดินไปที่ร้านมุมหมาล่า ซึ่งผมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดอะไรเลย ผมยังคงใส่สูท Dior ตัวเติมอยู่ เนื่องจากผมไม่ได้พาชุดขึ้นไปเปลี่ยน เพราะคิดว่าจะไปคุยงานแค่วันเดียว ผมจึงส่งชุดสูทซักอบและรีดที่โรงแรม
“อ่าวเพชร…” ผมกล่าวเมื่อระหว่างทางเจอเพชรมันกำลังขับรถมอเตอร์ไซต์มาที่ร้านพอดี
“รอเราแปปนึงจอดรถก่อนที” เพชรกล่าว ผมจึงยืนรอหน้าร้าน และก็มีผู้คนมากมายเดินผ่านไปผ่านมาจ้องมองผมด้วยความสงสัย
“ทำไมแต่งตัวเต็มจัง” เพชรกล่าวถาม
“พอดีเราเพิ่งไปคุยธุรกิจมาฮ่าๆ” ผมตอบพลางเราทั้งสองที่เดินเข้าไปในร้าน และเพื่อนๆในสาขาก็ยกมือเรียกพวกเราไป
“ที…คิดถึงจัง” เสียงใสกล่าวก่อนจะกอดผมจากข้างหลัง ซึ่งก็คือพี่เอม
“คิดถึงเหมือนกันครับ” ผมหันกลับไปหยิกแก้มพี่เอม ทำให้เพชรแสดงสีหน้าตกใจออกมา
“พี่โอสวัสดีครับ” ผมกล่าวก่อนจะยกมือขึ้นมาไหว้พี่โอที่กำลังชงเหล้าอยู่
“สวัสดี…มากับเพื่อนเหรอวันนี้” พี่โอกล่าวถาม
“ครับพี่” ผมตอบรับด้วยรอยยิ้ม
“ขอคุยกับพี่เอมหน่อยได้ไหมครับ?” ผมกล่าวถาม แต่ผมไม่ได้ถามพี่เอม ผมถามพี่โอ
“ได้สิ…เอมไปเปลี่ยนชุดนั่งกับน้อง”
“วันนี้คนไม่ค่อยเยอะมีแต่ DCM” พี่โอกล่าว ทำให้ผมมองดูรอบๆร้าน ซึ่งมันก็มีแต่สาขาของเราจริงๆ รุ่นพี่ปีสองในวันนั้นก็อยู่กันครบ รวมถึงรุ่นพี่ปีสามที่มานั่งด้วย แต่พวกเราไม่ได้นั่งโต๊ะเดียวกัน เรานั่งกันกระจายทั้งร้าน แต่ที่ผมสะดุดตาก็คือมีอาจารย์ในสาขามานั่งกันด้วย
“อย่าบอกนะว่า…” ผมกล่าวเมื่อคิดอะไรขึ้นได้
“อ่าวที…พี่กำลังจะโทรชวนพอดีเลย” เสียงที่ผมได้ยินมาทั้งวันกล่าว ก่อนที่ผมจะหันไปหน้าร้าน
“พี่หนุ่มสวัสดีอีกครั้งครับ” ผมกล่าวก่อนจะยกมือไหว้แก
