บท
ตั้งค่า

คาร์บอนฟู๊ด

“ช่าย…เมื่อคืนเค้านอนกับพี่…” ผมกล่าวก่อนจะแพลนกล้องไปทางหัวหน้าทีมจากซูพรีม ซึ่งเขากำลังจะออกจากห้องไปพอดี เพราะเขาต้องพาลูกน้องไปพักผ่อน และเราจะมีนัดทานข้าวในเมืองกันตอนหนึ่งทุ่มกับน้าเอก

“เค้าไปธุระก่อนนะครับ…คิดถึงนะ” ผมกล่าวก่อนจะยิ้มให้พี่ส้มและพี่ส้มก็กล่าวคิดถึงผมกลับมาเช่นกันก่อนที่ผมจะกดวางสาย

“เจอกันตอนเย็นนะพี่บี้" ผมกล่าวพร้อมกับหัวหน้าทีมซูพรีมที่ยกมือขึ้นมาบ๊ายๆและลงไปจากตึก

ส่วนผมก็ต้องไปธุระเช่นกัน ผมต้องไปรับพี่เอมและอธิบายเรื่องให้ฟัง พร้อมกับขับรถไปรับผู้ป่วยสองคนที่โรงพยาบาล ในตอนแรกที่พี่เอมเจอกับเฮงและโทนี่ เธอมีท่าทางหวาดกลัวพวกเขาพอสมควร แต่เมื่อเห็นว่าพวกเขาเคารพผม ทำให้เธอผ่อนคลายลงมาบ้าง

ณ เซนทรัล นครศรีธรรมราช

“เท่าไหร่ครับ?” ผมกล่าวถามพนักงานก่อนจะยื่นแบงค์พันไปหกใบ ส่วนเฮงและโทนี่ในตอนนี้พวกเขาแต่งตัวใส่สูทและตัดผมเป็นที่เรียบร้อย ผมคิดไว้แล้วว่าผมจะปั้นสองคนนี้ขึ้นมา ผมจะเปลี่ยนงานของพวกเขานิดหน่อย และวางงานให้พวกเขา แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องพาพวกเขาไปทำความรู้จักกับพวกทหารซะก่อน ถึงแม้พวกเขาจะเคยเห็นหน้ากันมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ด้วยตอนนี้พวกเขาไม่ได้ยืนอยู่ทางสายดำแล้ว แต่ลดลงมาเป็นสายเทาแทน

“ขอบคุณครับ” เฮงและโทนี่กล่าวพร้อมกัน

“ไม่เป็นไร…เดี๋ยวทำตัวดีๆหน่อยล่ะ” ผมกล่าว เพราะเราต้องไปเจอกับคนใหญ่คนโตจริงๆ และเขาสามารถเปลี่ยนชีวิตของทั้งสองคนได้เลย แต่ถ้าหากผิดพลาด เขาอาจจะต้องกลับไปอยู่ในคุกเหมือนเดิม

“พี่เอม…นาฬิกาเรือนนี้สวยดีจัง” ผมกล่าวเมื่อเราเดินผ่านร้านนาฬิกาแบรนด์ Guess และผมได้จับจ้องไปที่นาฬิกาสายซิลิโคนที่มีหน้าปัดสีฟ้า

“หน้าปัดสีฟ้าคล้ายกับสีตาของทีเลยเนอะ” ผมกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วจิ้มไปที่ข้างบนกระจกของนาฬิกาเรือนนี้ ซึ่งมันมีเพียงเรือนเดียวอีกด้วย

“แสกนจ่ายครับ” ผมกล่าวพร้อมกับยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและแสกน QR Code เพื่อจ่ายตังค์ไป 11,785 บาท

“มันน่าจะเหมาะกับพี่มากๆเลยนะครับ” ผมกล่าวก่อนจะยกแขนข้างซ้ายของพี่เอมขึ้นมาและสวมนาฬิกาเรือนนี้ให้เธอ ส่วนกล่องสี่เหลี่ยมที่เป็นกล่องใส่นาฬิกาของแบรนด์ ผมให้พนักงานใส่ถุงและยื่นให้กับพี่เอม

“มะ…มันแพงไปหรือเปล่า?” พี่เอมกล่าวถาม

“พี่เอม…ทีซื้อเรือนนี้ให้พี่ยังได้้เลยครับ…แต่สีนี้มันเหมาะกับพี่มาก” ผมกล่าวและกล่าวถึงนาฬิกาที่ตั้งโชว์อยู่กลางร้าน มันคือของลิมิเต็ดในราคาหมื่นห้าพันบาท ซึ่งมันคือเงินเดือนของคนคนนึงเลยทีเดียว

“พี่ทำงานให้กับบริษัทมาสักพักแล้ว…ซีอีโออย่างผมต้องมีของตอบแทนให้บ้างสิจริงไหม?” ผมกล่าวด้วยรอยยิ้มและมันทำให้พี่เอมคิดหนัก

“พี่จะทำงานให้ดีมากกว่านี้อีกคอยดูเลย!" พี่เอมกล่าวก่อนจะดึงแขนผมไปกอด

“เฮง…เครื่องประดับมึงไม่เคยใส่เลยเนอะตั้งแต่เราเจอกัน” ผมกล่าวเมื่อนึกถึงลูกน้องข้างหลัง

“ผมไม่ชอบ…มันรุงรัง” เฮงกล่าวออกมาตรงๆและมันทำให้ผมหัวเราะออกมาเช่นกัน

ฟึบๆ

“แต่งานที่มึงจะทำหลังจากนี้มันต้องใช้…มึงจะไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ต้องสู้ตลอดไป”

“แต่มึงจะยืนในจุดที่ใช้อำนาจและสิ่งที่มึงมี…” ผมกล่าวก่อนจะถอดสร้อยข้อมือทองคำให้กับเฮง ซึ่งมันก็รับสร้อยไปและสวมที่ข้อมือข้างขวาทันทีโดยไม่ปฏิเสธผม

“โทนี่…มึงด้วย”

“มึงอาจจะต้องดำเนินงานหลายๆอย่างแทนเฮง”

“เพราะฉะนั้นมึงต้องมีอะไรล่อตาล่อใจสักหน่อย” ผมกล่าวจบก็เดินไปที่ร้านทองและให้พี่เอมเลือกแหวนทองให้กับมันสักวง เป็นแหวนทองคำสองสลึงในราคาเกือบสองหมื่นบาท

ในเมื่อคืนผมประทับใจพวกมันมากที่ออกมาช่วยเหลือผม ผมจึงตัดสินใจแล้วว่าจะผลักดันให้พวกมันเข้ามาช่วยงานของผม แทนที่จะไปเก็บส่วยหรือต่อยตี โทนี่มันก็ไหว้ผมยกใหญ่เลยทีเดียว ส่วนตัวผมก็ไม่ได้ซื้ออะไรให้ตัวเอง

18 : 45

ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง

“งานใหญ่นะเนี่ยว่าไป” ผมกล่าวเมื่อมาถึงหน้าร้าน ซึ่งดูเหมือนทั้งร้านจะมีแต่คนของน้าเอก และพนักงานก็ได้เดินมากล่าวกับผมว่าวันนี้ร้านถูกจองไว้แล้ว

“พี่เฮงสวัสดีครับ” พนักงานยกมือขึ้นมาไหว้คนที่อยู่ข้างหลังของผมและดูเหมือนทั้งสองจะกระซิบอะไรกัน แต่พี่เองก็พยักหน้ารับและก็ไม่ได้กล่าวอะไร

“เชื่อใจบอส” เฮงกล่าวกับโทนี่

“ผมมางานของน้าเอก” ผมกล่าวกับพนักงานทำให้เขาอึ้งไปสักพักก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน

“ข้างในมีแต่ตำรวจกับทหารเลยนะครับ” เฮงกล่าว ดูเหมือนเขาจะหวาดกลัวเรื่องนี้พอสมควร เพราะเขาก็ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพวกทหารและตำรวจมานานมาก และพวกนั้นก็ยังรู้จักเฮงดีด้วย

“ดูเหมือนต้องใช้ไอนี่แล้วล่ะ” ผมกล่าวก่อนจะหยิบตราซูพรีมออกมาและดึงปลายของตราออกมาเหน็บไว้ที่กระเป๋าเสื้อ

“นิ่ง…และห้ามแสดงท่าทางแปลกๆออกมาเด็ดขาด” ผมกล่าวก่อนที่พนักงานคนนั้นจะเดินกลับมาและเดินพาผมเข้าไปข้างใน

“น้าเอกสวัสดีครับ”

“พี่บี้สวัสดีครับ”

“พี่กันต์สวัสดีครับ”

“ลุงรันสวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทายกลุ่มคนที่ผมรู้จักซึ่งทำให้ทุกคนหันมามองผมเป็นตาเดียว และส่วนใหญ่จะเป็นบุคคลที่พอมีอายุ ส่วนน้อยจะเป็นพวกตำรวจที่พอมียศหน่อยและเป็นเหล่าบรรดาหวานใจของพวกเขา ซึ่งพี่เอมก็สวัสดีทุกคนที่ผมสวัสดีไปเช่นกัน

“จัดที่เพิ่มอีกที่นึง” น้าเอกกล่าวเมื่อเห็นว่าผมพาผู้หญิงมาด้วย และคิดจะให้พี่เอมนั่งโต๊ะเดียวกัน ซึ่งโต๊ะที่น้าเอกนั่ง คือโต๊ะที่มีแต่คนรุ่นเดียวกันกับแก รวมถึงคนที่อายุมากกว่า ผมรู้เลยว่ามันต้องกดดันมากแน่ๆที่ไปนั่งกับคนรุ่นนั้น แต่ผมก็กลัว เพราะมันจะได้คอนแนคชั่นเพิ่ม ซึ่งในโต๊ะก็มีกันเพียงเจ็ดคนเท่านั้น

“ว้าว…ตรานั่นคุ้นๆเนอะ" ชายแก่คนนึงกล่าวเมื่อเห็นตราซูพรีมที่ติดอยู่ตรงกระเป๋าเสื้อของผม

“เด็กแม่งไฟแรง…มานั่งข้างกู” น้าเอกกล่าวก่อนจะขวักมือเรียกผม และเมื่อผมขยับทำให้ทุกคนจับจ้องไปที่ทั้งสองคนข้างหลังผม

“เดี๋ยวนะ…ไอเฮงไม่ใช่เหรอ?” ชายหัวเกรียนอีกโต๊ะนึงกล่าว และดูเหมือนเขาจะมียศพอสมควรเลยทีเดียว

“พี่กันต์ให้สองคนนี้นั่งด้วยนะครับ” ก่อนจะถึงโต๊ะน้าเอก ก็จะเป็นโต๊ะของหัวหน้าทีมหน่วยรบพิเศษที่ผมเคยช่วยเหลือเอาไว้ ผมจึงยกมือขึ้นมาไหว้และฝากสองคนนี้ให้อยู่ในการดูแลของพวกเขา ตำรวจนายนั้นจึงยอมอยู่เงียบๆ

“ไม่เบานี่…เอาไอสองคนนั้นมาเป็นลูกน้องเหรอวะ?” น้าเอกกล่าวถามเมื่อผมนั่งลงบนเก้าอี้ ส่วนพี่เอมก็นั่งข้างๆผมหรือริมโต๊ะพอดี

“น่าสนใจไหมล่ะครับ?” ผมหันไปกล่าวตอบรับด้วยรอยยิ้มและมันทำให้น้าเอกหัวเราะชอบใจออกมา ผมจึงหันไปหาทั้งสองและพยักหน้าให้มานี่

“สวัสดีครับ” ทั้งสองกล่าวก่อนจะไหว้และโน้มตัวลง

“พวกมึงอยู่แก็งค์อะไรนะ?…สิงโตป่าใช่ไหม?”

“ได้ยินว่าโดนคุณเบนซ์เก็บไปแล้ว…ก็ดีนะพวกมึงมาอยู่ใกล้ไอเด็กนี่” น้าเอกกล่าวและมันทำให้พวกเขาทั้งคู่เกร็งกันพอสมควร

“รู้ปะ…เด็กนี่มันเพิ่งสร้างบริษัทเป็นของตัวเองด้วยนะ”

“แล้วก็เป็นคนช่วยเหลือพวกเด็กเวรนั่นด้วย” น้าเอกกล่าวและหันไปมองพี่กันต์ ซึ่งทำให้พี่กันต์ยิ้มแห้งออกมา

“โห…อายุเท่าไหร่อะเรา?” ผู้ใหญ่ที่นั่งข้างลุงรันกล่าวถามผม

“ยี่สิบครับ” ผมตอบรับด้วยรอยยิ้ม

“พวกมึงกลับไปนั่งได้ล่ะ…ทำตัวดีๆด้วยล่ะ” น้าเอกกล่าวกับเฮงและโทนี่ ซึ่งทำให้พวกเขามีสีหน้าที่ดีขึ้นมาก ผมเองก็เช่นกัน แสดงว่าหลังจากนี้ทั้งสองก็ไม่มีข้อหาอะไรจริงๆแล้วในเมื่อน้าเอกเป็นคนกล่าวด้วยตัวเอง

“ไหนเล่าหน่อยดิ…ความฝันอะไรของมึงวะ?” น้าเอกกล่าวถามผมก่อนจะสั่งพนักงานรินเหล้าใส่แก้ว ซึ่งในตอนนี้พี่เอมเธอนั่งตัวตรงเด๊ะ ไม่ขยับแม้แต่น้อย ผมจึงยื่นมือไปจับมือของเธอให้ผ่อนคลายลง และบอกให้รู้ว่าผมอยู่ตรงนี้

“ที่ท่าศาลาจะต้องมีชื่อคาร์บอนติดอยู่มากกว่าครึ่งครับ” ผมกล่าว และมันหมายถึงธุรกิจของผม

“รวมถึงจะมีชื่อคาร์บอนวิ่งไปมาทั่วถนนเลยด้วย” และเมื่อผมกล่าวประโยคนี้ออกมามันทำให้หลายคนเกิดความสงสัยขึ้น หรือผมจะให้เด็กมาส่งยา? รับพวกเฮงมาเพราะแบบนี้งั้นเหรอ?

“พูดดีๆนะเว้ย…มึงไม่เห็นเหรอว่าตำรวจก็นั่งอยู่” น้าเอกกล่าวหยอกล้อ เพราะคิดว่าผมไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นแน่ๆ

“ฮ่าๆ…ไม่ใช่ครับ”

“น้าเอกรู้จักแอปพลิเคชั่นชื่อว่าแพนดี้ฟู๊ดไหมครับ?”

“มันคือบริการส่งอาหารและของใช้” ผมกล่าวซึ่งน้าเอกก็พยักหน้า และทำให้ทุกคนในโต๊ะตั้งใจฟังผมมาก

“นั่นคือหนึ่งในธุรกิจที่ผมคิดจะทำครับ” เมื่อผมกล่าว

“มันก็มีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอไอธุรกิจนั่นอะ…แล้วมึงไปทำทับเขามึงจะโตป่าว?” น้าเอกก็กล่าวถามผมทันที

“น้าเอกรู้ไหมครับว่าเขาทำงานกันยังไง?” ผมกล่าวถามกลับและยกยิ้มออกมา ซึ่งมันทำให้น้าเอกแสดงสีหน้าสงสัยออกมาอย่างชัดเจน

“ก็…ส่งอาหารไง" น้าเอกกล่าว และมันทำให้ผมเงียบไปสักพักก่อนจะกล่าวออกมา

“ถูกครับ…มันคืองานบริการ”

“งานนี้ไม่ใช่ผมที่จะเป็นคนทำ…แต่จะเป็นคนส่งของที่เป็นคนทำครับ”

“และคนส่งของพวกนั้นก็จะเป็นคนธรรมดาๆนี่แหละอารมณ์เหมือนเป็นฟรีแลนซ์”

“ถ้าพวกเขาไม่มีคนพวกนี้งานของพวกเขาจะเป็นยังไงครับ?” ผมกล่าวอธิบาย

“ก็…ไม่มีคนส่งของ” ชายมีอายุคนนึงในโต๊ะกล่าว

“พอไม่มีคนส่งของ…พวกเขาก็จะไม่มีงานและไม่มีรายได้ถูกไหมครับ?”

“ทีนี้…ผมทำงานเดียวกับพวกเขา…เพราะฉะนั้นผมก็ต้องการคนส่งอาหารเหมือนกัน”

“แน่นอนว่าคนส่งอาหารเขาก็ต้องการเงิน…ถ้าใครให้เขาได้มากกว่าพวกเขาก็จะไปทำที่นั่น”

“แต่นอกจากเงินแล้ว…ผมก็จะมอบสิ่งอื่นให้พวกเขาอีกด้วย”

“ค่าน้ำมัน…ค่าเน็ตหรืออาจจะเป็นโบนัส”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ…รถที่พวกเขาจะใช้ขับ”

“บางคนเขาไม่ได้มีรถมาก่อนแต่เขาอยากทำงานนี้ก็มีครับ”

“เราก็จะกู้ให้พวกเขามาทำงานให้เรา” ผมกล่าวอธิบายอีกครั้ง ซึ่งแนวคิดนี้ทุกคนตั้งใจฟังมาก

“ทุน…มันจะพอเหรอถ้าคุณให้พวกเขาเยอะขนาดนั้น…แล้วไหนรายได้ของพนักงานเบื้องหลังอีก?” ชายคนเดิมกล่าวถามผมออกมา

“รายได้พนักงานเบื้องหลัง…”

“พนักงานที่ทำงานให้เราคือพวกคนส่งอาหารครับ”

“ส่วนเบื้องหลัง…มันก็แค่แอปพลิเคชั่นหรือตัวกลางในการมอบงาน”

“คนที่ทำงานตรงนี้ไม่ใช่พนักงานเบื้องหลังครับ…แต่คือระบบ”

“เราแค่สร้างมันขึ้นมา…และให้คนส่งอาหารทำงานให้เรา”

“เราก็แค่เก็บส่วนต่างและรับค่าสปอนเซอร์มาก็พอครับ” เมื่อผมกล่าว ทำให้ทุกคนพยักหน้าและยิ้มออกมาก่อนจะมองหน้ากัน

“เพราะฉะนั้นเราก็ให้โปรแกรมเมอร์สร้างระบบทำงานขึ้นมา”

“ให้ฝ่าย UX/UI ประสานงานกับโปรแกรมเมอร์”

“และเมื่อทุกอย่างคงที่เราก็ปล่อยแอปนี้ได้เลยครับ”

“และเงินก็จะเข้ามาหาเราเรื่อยๆแค่ตรวจเช็คความผิดปรกติของระบบก็พอ”

“เพราะฉะนั้นพนักงานเบื้องหลังมีกันไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำครับ”

“และที่สำคัญคือการตลาดรวมถึงสื่อ”

“ผมที่เป็น CEO จะจัดการในส่วนนี้เองครับ” ผมกล่าวออกไปและมันทำให้ทุกคนในโต๊ะยิ้มอย่างพอใจ

“นี่คือความคิดของเด็กอายุยี่สิบ?” น้าเอกกล่าวก่อนจะยกแก้วขึ้นมาชนกับผมและยื่นแก้วไปตรงกลางโต๊ะเพื่อชนกับทุกคน

“มึงก็เลยรับไอสองคนนั้นเข้ามาใช่ไหม”

“มันรู้จักคนเยอะ…ก็สมควรแล้วล่ะ” น้าเอกกล่าวซึ่งผมก็พยักหน้าตอบรับ

“แล้วอย่างอื่นที่มึงจะทำล่ะ?” น้าเอกกล่าวถาม ซึ่งผมก็ได้บอกแผนของผมไปคร่าวๆ ว่าผมจะทำอะไรบ้าง และมันทำให้พวกผู้ใหญ่ถึงกับตาโตเลยทีเดียว ซึ่งทุกอย่างที่ผมบอกไป ผมก็ได้ดำเนินการไปแล้ว และก็มีลูกค้ามารอสั่งงานแล้วด้วย มันจึงทำให้พวกเขาสนใจในตัวผมมากเลยทีเดียว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel