บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 เรื่องราวที่เกิดขึ้น

บทที่ 3 เรื่องราวที่เกิดขึ้น

ม่านมัสลินลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความรู้สึกมึนงงยังคงหลงเหลืออยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า คือความทรงจำที่ถาโถมเข้ามาในหัวเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

จากความทรงจำทั้งหมด ทำให้รู้ว่าตอนนี้เธอไม่ใช่

ม่านมัสลินอีกต่อไปแล้ว หรืออาจจะยังเป็นอยู่ แต่ร่างที่เธออยู่นี้คือร่างของหยูชิงม่านหรือม่านม่าน หลานสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมที่กำลังจะล้มละลาย

ความทรงจำในอดีตที่ไม่เคยมีมาก่อน ไหลเข้าสู่จิตสำนึกราวกับถูกปลดผนึก หญิงสาวเห็นภาพตัวเองเติบโตมาในโรงเตี๊ยมหลังเก่าที่เคยรุ่งเรือง แต่ตอนนี้กลับเสื่อมโทรมลงจนแทบไม่มีลูกค้า

เหตุผลของความตกต่ำนี้ ไม่ใช่เพียงเพราะสภาพเศรษฐกิจของเมืองนี้ หรือการแข่งขันกับโรงเตี๊ยมอื่น

แต่เป็นเพราะโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของหยูชิงม่านบิดาของนาง หยูเทียนหลง เคยเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมที่มีความเชี่ยวชาญและชื่อเสียงด้านการหมักสุราอย่างมาก

แต่วันหนึ่งกลับถูกคุณชายผู้สูงศักดิ์คนหนึ่งหมายตา เนื่องจากต้องการครอบครองสูตรลับการกลั่นสุราของตระกูลหยู เมื่อบิดาของนางปฏิเสธ ไม่เพียงแต่ถูกกดดัน แต่ยังถูกทำร้ายจนถึงแก่ความตาย

มารดาของหยูชิงม่านที่ชื่อซูเหม่ยหลิน นางที่รักสามีสุดหัวใจ เมื่อสามีตายจากโลกนี้ไปก็ตรอมใจจนล้มป่วย และจากไปในเวลาไม่นาน ทิ้งไว้เพียงคุณปู่ที่พยายามประคับประคองกิจการที่พังทลายและหลานสาวที่ยังเล็กอย่างหยูชิงม่าน

นับตั้งแต่วันที่บิดาของนางจากโลกใบนี้ไป โรงเตี๊ยมที่เคยคึกคัก กลับกลายเป็นสถานที่รกร้างไร้ชีวิตชีวา คนงานทยอยลาออกทีละคนสองคน ลูกค้าประจำก็หายไป คนในเมืองต่างรู้ดีว่าโรงเตี๊ยมของตระกูลหยู เป็นสถานที่ที่ไม่มีใครอยากเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะคุณชายผู้สูงศักดิ์คนนั้นยังคงจ้องจะกลืนกินมันอยู่

ตอนนั้นหยูชิงม่านในวัยสิบสองปี ได้คุกเข่าอยู่หน้าป้ายวิญญาณของบิดา น้ำตาอุ่นไหลรินอาบแก้มไม่ขาดสาย เสียงสะอื้นของนางแม้ว่าจะแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด หัวใจเหมือนถูกบีบแน่นจนแทบหายใจไม่ออก

“ท่านพ่อ...” เสียงเรียกของนางสั่นเครือ “ข้าขอโทษ...

ข้าช่วยอะไรท่านไม่ได้เลย...”

หยูชิงม่านยื่นมือไปแตะป้ายวิญญาณที่สลักชื่อของบิดา ราวกับหวังจะสัมผัสบิดาอีกครั้ง แต่ความจริงที่โหดร้ายคือบิดาจากไปแล้ว และไม่มีวันหวนคืน

ปู่ของนางหยูซานจิ้ง ได้มายืนอยู่ข้าง ๆ นาง ใบหน้าของชายชราแสดงออกอย่างชัดเจนถึงความเหนื่อยล้า ดวงตาขุ่นมัวตามกาลเวลา เต็มไปด้วยร่องรอยของความทุกข์ เขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ร่างกายที่สั่นเทา กลับบ่งบอกถึงความเสียใจที่ยากจะกลบเกลื่อน

“เทียนหลง...พ่อขอโทษ” เสียงของชายชราดังขึ้นอย่างแผ่วเบา มือหยาบกร้านกำแน่น ก่อนจะวางลงบนป้ายวิญญาณของลูกชายตนเอง

สาวน้อยมองดูคุณปู่ด้วยแววตาสั่นระริก หัวใจของนางเต็มไปด้วยความโศกเศร้า บิดาผู้เคยเป็นเสาหลักของครอบครัว

ต้องจบชีวิตลงเพราะความโลภของผู้อื่น ทิ้งให้นางกับแม่และปู่ ต้องเผชิญโลกที่โหดร้ายเพียงลำพัง

สายลมยามค่ำพัดผ่าน ลู่ไส้ตะเกียงให้ไหววูบ เปลวไฟ

สั่นไหวคล้ายจะดับลง เช่นเดียวกับความหวังในใจของคนสกุลหยู

ที่ถูกพรากไปกับการจากไปของหยูเทียนหลง

หยูชิงม่านนั่งนิ่งอยู่ในห้องของโรงเตี๊ยมที่เงียบเหงา แสงแดดยามสายส่องผ่านหน้าต่างเก่าเข้ามา เผยให้เห็นฝุ่นที่ลอยคละคลุ้งในอากาศ ความเงียบงันรอบตัว ทำให้รู้สึกเหมือนถูกกักขังอยู่ในความทุกข์ที่ไม่มีวันหลุดพ้น

หลังจากบิดามารดาจากไปไม่นาน คู่หมั้นที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าจะแต่งกับนาง ก็มาปรากฏตัวพร้อมกับคำพูดที่ไร้เยื่อใย

“ข้าขอถอนหมั้น”

เหตุผลที่ให้ก็มีเพียงว่า “ข้าไม่อยากเป็นศัตรูกับคุณชายท่านนั้น” น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มากกว่าความเสียใจหรือรู้สึกผิด

หยูชิงม่านไม่ได้อ้อนวอน ไม่ได้ร้องขอให้เขาอยู่ต่อ เนื่องจากหัวใจของนางด้านชาขึ้น ตั้งแต่วันที่บิดามารดาต้องจากไปเพราะอำนาจของบุรุษผู้นั้น

การถูกถอนหมั้นอย่างไม่เป็นธรรมก็เป็นเพียงอีกหนึ่งรอยแผล ที่ตอกย้ำให้รู้ว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความโหดร้าย

แต่เรื่องร้ายในชีวิตของหยูชิงม่านยังไม่จบลงเพียงแค่นั้น

เมื่อคุณชายผู้มีอิทธิพลคนนั้น ยังคงส่งคนมาคอยปั่นป่วนนางกับปู่ไม่เลิก ทำให้โรงเตี๊ยมที่เคยคึกคักของสกุลหยูเงียบเหงาลงทุกวัน

เนื่องจากลูกค้าถูกข่มขู่จนไม่มีใครกล้าเหยียบเข้ามา สินค้าที่สั่งมาก็มักเกิดปัญหา บางครั้งหายไปอย่างไร้ร่องรอย บางครั้งก็ถูกสับเปลี่ยนเป็นของไร้คุณภาพ

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ทำให้โรงเตี๊ยมที่เคยเป็นเสาหลักของครอบครัวตระกูลหยู กำลังจะล่มสลายลงต่อหน้าต่อตา

และสิ่งที่ทำให้ทุกอย่างย่ำแย่ลงไปอีก นั่นคือหนี้สินก้อนโตที่เกิดจากการกระทำของพี่ชายของนาง หยูเทียนเฉิง บุรุษที่เคยเป็นพี่ชายที่นางเคารพรัก แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นภาระหนักของตระกูล

หยูเทียนเฉิงเป็นคนเสเพล เขาหลงใหลหญิงงามแห่งหอนางโลม และติดพันนางจนไม่อาจถอนตัว สุดท้ายก็ก่อเรื่องครั้งใหญ่ ด้วยการใช้เงินก้อนโตเพื่อประมูลคืนแรกของนาง แต่ปัญหาคือเขาไม่มีเงินมากพอที่จะจ่าย หอนางโลมไม่ใช่สถานที่ที่มีไว้สำหรับผู้ที่ไร้ความรับผิดชอบ เขาจึงถูกจับตัวไว้เพื่อให้ญาตินำเงินมาไถ่ตัว หากไม่มีเงินไปไถ่ตัวก็มีทางเดียว นั่นคือทิ้งลมหายใจไว้ที่หอนางโลมเท่านั้น

สุดท้ายปู่ของหยูชิงม่านไม่มีทางเลือก เพราะหยูเทียนเฉิงเป็นผู้สืบสกุลคนเดียวที่เหลืออยู่ ปู่จำต้องไปกู้ยืมเงินจากพ่อค้าปล่อยเงินกู้ เพื่อนำไปไถ่ตัวหลานชายกลับมา แต่เงินกู้นั้นมาพร้อมดอกเบี้ยมหาโหด

ยามนี้โรงเตี๊ยมสกุลหยูไม่เพียงแต่จะไม่มีลูกค้า แต่ยังถูกหนี้สินท่วมทับ จนแทบมองไม่เห็นทางรอด

หยูชิงม่านและหยูซานจิ้งก้าวเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ที่มืดอับของหอนางโลม ดวงตาของทั้งสองแสดงถึงความเครียดและหวาดกลัว เพราะไม่เคยเข้ามาในสถานที่แห่งนี้มาก่อน และก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าภายในหอนางโลมที่ดูยิ่งใหญ่ จะมีสถานที่โหดร้ายเช่นนี้ซ่อนอยู่ด้วย

“ท่านปู่... เราจะได้พบพี่ใหญ่หรือไม่เจ้าคะ” เสียงของ

หยูชิงม่านแหบแห้ง แต่ในนั้นยังคงมีความหวัง

หยูซานจิ้งส่งสายตามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอยู่มุมห้องนั้น เขาคนนั้นดูสะบักสะบอมและซึมเศร้า ปากแห้งผากแต่ไม่พูดอะไร ขายผู้นั้นก็คือหยูเทียนเฉิง พี่ชายของหยูชิงม่าน ผู้ซึ่งเป็นต้นเหตุของหนี้สินที่ท่วมทับตระกูลหยู แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็เป็นผู้สืบสกุลคนเดียวที่เหลืออยู่ในยามนี้

“ท่านปู่ ม่านม่าน มาแล้วหรือขอรับ” เสียงแหบแห้งของหยูเทียนเฉิงดังขึ้นจากมุมมืด เสียงของเขาดูตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

หยูชิงม่านเดินเข้าไปใกล้ ๆ และมองใบหน้าของพี่ชาย สายตานางเต็มไปด้วยความกังวล “พี่ใหญ่ ท่านทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือไม่ ข้ากับท่านปู่ถึงต้องมาที่นี่เพื่อไถ่ตัวท่าน”

น้ำเสียงที่นางกล่าวกับพี่ชายนั้นบ่งบอกถึงความไม่พอใจอย่างมาก

หยูเทียนเฉิงได้ฟังก็นั่งนิ่งไปสักครู่ แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะพึมพำออกมาเบา ๆ

“ท่านปู่ ช่วยข้ากับหลินหลินเถอะนะขอรับ ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่ และไม่อยากให้นางอยู่ที่นี่ด้วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel