บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 สถานที่ไม่คุ้นเคย

บทที่ 2 สถานที่ไม่คุ้นเคย

เมื่อพ่อแม่เดินจากไปแล้ว หญิงสาวก็เดินลัดเลาะ

ผ่านสะพานไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่ใต้ฝ่าเท้า ความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาเป็นภาพซ้อนทับกับปัจจุบัน เมื่อเธอหยุดอยู่หน้าห้องเก็บของที่มักถูกล็อกไว้เสมอหลังจากปิดโรงกลั่นสุรา

หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดประตู กลิ่นฝุ่นและไม้เก่าลอยเข้าจมูก แสงแดดสลัวลอดผ่านหน้าต่างกระจกฝ้า ส่องกระทบหีบไม้ใบใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง ม่านมัสลินรีบก้าวเข้าไป หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น

มือเรียวปัดฝุ่นออกจากฝากล่องอย่างระมัดระวัง เมื่อเปิดมันออกกลิ่นกระดาษเก่าโชยออกมา พร้อมกับเงาของสมบัติตกทอดจากปู่ของเธอ

ม่านมัสลินเห็นตำราการกลั่นสุราเล่มหนาเตอะวางอยู่

ด้านใน กระดาษในตำรามีสีเหลืองซีดไปตามกาลเวลา แต่สภาพยังคงสมบูรณ์

“ดีเหลือเกิน ต่อไปนี่ฉันจะใช้ตำรานี้ในการเปิดโรงเหล้าอีกครั้ง ทุกอย่างจะต้องเป็นไปด้วยดีแน่” ม่านมัสลินพูดออกมากับตัวเอง

เธอตั้งใจจะเปิดหนังสือออกอ่านข้างใน แต่ทันทีที่ปลายนิ้วสัมผัสกับกระดาษ หัวของเธอกลับรู้สึกมึนงงราวกับถูกบางสิ่งกระแทกจากภายใน โลกทั้งใบหมุนคว้างก่อนที่สติของเธอจะเลือนหาย

ร่างของหญิงสาวทรุดฮวบลงกับพื้น ความมืดมิดเข้าปกคลุมในโสตประสาทของเธออย่างสิ้นเชิง

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อม่านมัสลินลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ภาพตรงหน้าก็พร่ามัวไปชั่วขณะ ก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น แล้วเธอก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในห้องที่ไม่คุ้นเคย ผนังห้องเป็นไม้สีเข้ม ม่านสีขาวบางไหวเบา ๆ ตามแรงลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่าง

“ที่นี่ที่ไหนกันนะ” เธอพูดกับตัวเอง และตั้งใจจะลุกจากเตียงเพื่อไปหาคำตอบ

แต่ทว่าก่อนที่เธอจะทันได้ทำตามที่ตั้งใจ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“ชิงม่าน! ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว”

ม่านมัสลินสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปมองเจ้าของเสียง พบว่าเป็นชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่ข้างเตียง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความยินดี

แต่สิ่งที่ทำให้เธอขนลุกซู่นั่นก็คือ…ใบหน้าชายผู้นี้มีเหมือน

ปู่ของเธอราวกับเป็นคนคนเดียวกัน

“ปู่?” เธอพึมพำออกมาอย่างไม่แน่ใจ

ชายชรายิ้มอย่างอ่อนโยนผสมกับความโล่งใจ พลางยื่นมือมาจับมือเธอเอาไว้แล้วถามอย่างอ่อนโยน

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง นอนซมไปหลายวัน ทำให้ปู่กังวลแทบแย่”

ในความรู้สึกของม่านมัสลินรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงและภาษาของชายชรานั้นดูแปลกไปหญิงสาวกะพริบตาปริบ ๆ และมองไปรอบห้องอีกครั้ง ทำให้เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติหลายอย่าง

ทั้งเสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่อยู่ ทั้งบรรยากาศของสถานที่ที่ดูแปลกตา ทั้งภาษาและสำเนียงของปู่

ซึ่งทุกอย่างมันไม่เหมือนโลกที่เธอจากมาสักนิดเดียว

“นี่มัน…ความฝันหรือเปล่านะ” หญิงสาวพึมพำและหยิกแขนตัวเอง เมื่อรู้สึกเจ็บยิ่งรู้สึกแปลกใจนั่นเพราะว่ามันไม่น่าจะใช่ความฝัน

ระหว่างที่ม่านมัสลินกำลังพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังเข้ามาจากทางประตู ก่อนที่จะถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว และมีชายสามสี่คนเดินเข้ามา ใบหน้าของพวกเขาดูไม่เป็นมิตรเลยแม้แต่น้อย

“หยูซวน หยูชิงม่าน!!” เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างไม่พอใจ ก่อนที่ชายคนนั้นจะเดินเข้ามาใกล้แล้วตวาดใส่อีกครั้ง

“หากพวกเจ้าไม่ยอมขายโรงเตี๊ยม ก็ต้องชดใช้สิ่งที่ได้ทำลงไป”

ม่านมัสลินสะดุ้งตกใจไปทั้งตัวกับสิ่งที่ได้ยิน เธอพยายามตั้งสติแล้วถามออกมา

“พวกคุณพูดอะไร... นี่มันอะไรกัน ทำไมถึง... ถึงถือวิสาสะเข้ามาที่ห้องของฉันแบบนี้”

ชายอีกคนที่ยืนอยู่ยิ้มร้ายพร้อมกับขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวและแสยะยิ้มอย่างหยาบโลน ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้นมา

“ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหรอกนะ พวกข้ารู้ว่าเจ้ามีหนี้ก้อนใหญ่ที่ต้องจ่าย และโรงเตี๊ยมก็เป็นเพียงทรัพย์สินเดียวที่สามารถเอามาชดใช้หนี้ได้ หากพวกเจ้าไม่ยอมขาย คงรู้นะว่าพวกเจ้าทั้งสองต้องพบกับเจอกับสิ่งใด หน้าตาอย่างเจ้า ถ้าเอาไปขายที่หอนางโลมน่าจะได้ราคาดีไม่น้อย”

หญิงสาวชะงักไปทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าบรรยากาศที่แปลกประหลาดนี้ จะกลายเป็นความจริงที่โหดร้าย ความคิดของเธอวิ่งไปทั่วในหัว เธอพยายามคิดหาวิธีแก้ไข แต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรดี ในขณะที่หนึ่งในพวกมันเดินเข้ามาจะจับตัวเธอเอาไว้

“พวกคุณ... พูดบ้าอะไร ปล่อยฉันนะ” ม่านมัสลินกัดฟันเอ่ย และพยายามดิ้นรนขัดขืน แม้จะกลัวมากแค่ไหนแต่เธอก็จะไม่ยอมให้พวกเขากลั่นแกล้งได้ง่ายหรอก

ชายผู้นั้นจับข้อมือของเธอไว้แน่นและบีบจนเจ็บ ก่อนจะเอ่ยขึ้นมาอย่างแข็งกร้าว “จะขัดขืนไปทำไม มันไม่มีประโยชน์หรอก”

ทันใดนั้น เสียงชายชราที่เหมือนปู่ของเธอก็ดังขึ้นอย่างรีบเร่ง “หยุด! พวกเจ้าอย่าทำอะไรหลานข้า!”

ชายที่ยืนตรงหน้าหันไปมองคนเป็นปู่แล้วยิ้มเยาะ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา “ตาเฒ่าอย่างเจ้าจะมาห้ามอะไรพวกข้าได้ พวกข้ามีสิทธิ์ที่จะทำตามที่ต้องการ เจ้าไม่ยอมขายโรงเตี๊ยม อย่างนั้นก็ต้องรับผลที่ตามมา”

“ข้าบอกให้พวกเจ้าปล่อยหลานข้า แล้วเดี๋ยวนี้!”

คราวนี้ชายชราตะโกนเสียงดัง ขณะพยายามยืนขวางหน้าคนพวกนั้น แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอะไร ก็ถูกชายคนหนึ่งผลักจนล้มไปบนพื้น เสียงร้องของเขาดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด

ม่านมัสลินเห็นภาพนั้นแล้วก็ทนไม่ไหว คิดว่าปู่ของตัวเองถูกทำร้าย เธอรีบวิ่งไปหาปู่และพยุงท่านให้ขึ้นจากพื้น

“ปู่ เป็นอย่างไรบ้าง” เธอร้องถามเสียงดังด้วยความเป็นห่วง

ชายอีกคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นภาพนั้นก็หัวเราะเสียงดัง แล้วเอ่ยกับชายชราอย่างแข็งกร้าวว่า “ข้าจะให้ทางเลือกพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย จะขายโรงเตี๊ยมเพื่อนำเงินมาใช้หนี้ให้กับนายท่าน หรือว่าจะให้ข้าเอาหลานสาวของเจ้าไปขายที่หอนางโลม!”

ม่านมัสลินมองเห็นชายชราที่หน้าตาเหมือนกับปู่ของเธอถูกทำร้ายต่อหน้าก็ไม่พอใจ ความโกรธลุกลามจนแทบจะไม่สามารถควบคุมได้ ในขณะที่กล้ามเนื้อของเธอตึงเครียด ร่างกายก็เคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ

ทุกอย่างเหมือนจะช้าไปหมด เมื่อเธอสะบัดตัวออกจากการควบคุมของความกลัว หมัดขวาของเธอทุบใส่ชายที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดอย่างแรง ด้วยท่ามวยไทยที่เคยฝึกฝนในอดีต หญิงสาวเตะขาซ้ายพุ่งไปยังชายอีกคนหนึ่งจนเขาสะดุ้งถอยหลังไป

เสียงกระดูกหักดังก้องในหูของเธอ ขณะที่ชายคนที่ถูกเธอทุบจนล้มลงไปกองกับพื้น ไม่ทันได้ตั้งตัว

แม้จะรู้สึกเจ็บปวดที่ร่างกายไม่คุ้นเคย แต่ความโกรธและความห่วงใยชายชรา ทำให้เธอไม่ยอมแพ้ จึงใช้เท้าพุ่งไปอีกครั้ง ประสบการณ์การเรียนมวยไทยที่สั่งสมมาอย่างหนัก ช่วยให้เธอสามารถตีเข่าเข้าที่กลางอกของชายคนหนึ่ง จนเขาล้มลงไปอีกคน

ชายคนสุดท้ายที่ยังยืนอยู่ชะงักนิ่งค้างไปทันที สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตกใจและกลัว เขามองเห็นว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เป็นแค่เหยื่ออีกแล้ว แต่เธอคือผู้ที่พร้อมจะตอบโต้กลับอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาพยุงดันคนที่มาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็วิ่งเตลิดอย่างรวดเร็ว

เมื่อคนพวกนั้นจากไปหมดแล้ว ร่างกายของม่านมัสลิน

ก็เริ่มทรุดลง ความเหนื่อยล้าและความเครียดจากการต่อสู้ เข้ามาครอบงำ ทุกอย่างรอบตัวเธอเริ่มพร่าเบลอ ในที่สุดร่างของเธอก็ล้มพับลงไปตรงที่พื้นอย่างหมดแรง

เสียงลมหายใจที่สั่นเครือ เป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะกลายเป็นความมืดมิดอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel