บทที่ 1 ม่านมัสลิน
บทที่ 1 ม่านมัสลิน
ม่านมัสลินยืนอยู่หน้าคอนโด พลางใช้หลังมือปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก อากาศตอนสายร้อนอบอ้าวพอ ๆ กับหัวใจของเธอที่รู้สึกรุ่มร้อน รถเก๋งสีขาวจอดอยู่ตรงหน้า โดยที่กระโปรงท้ายเปิดกว้างออก ให้มองเห็นของใช้ส่วนตัวหลายอย่าง ถูกจัดเรียงอัดแน่นกันอย่างเป็นระเบียบ กล่องกระดาษหลายใบวางซ้อนกัน ด้านข้างมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่เธอใช้ให้คนลากลงมา
เสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง ม่านมัสลินหันไปมองก็พบว่าเป็นป้าสมใจ เพื่อนบ้านห้องตรงข้ามที่คุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน จึงยิ้มทักทาย
“อ้าว หนูลิน นี่ขนของไปไหนเหรอ” ป้าสมใจถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเห็นว่าเพื่อนบ้านเหมือนกำลำลังขนของเหมือนจะย้านบ้าน
ม่านมัสลินยิ้มบางๆ พลางเช็ดเหงื่อที่ซึมตรงไรผม ก่อนจะตอบกลับมา “หนูจะย้ายกลับบ้านน่ะค่ะ ตอนนี้ก็ปล่อยคอนโดให้เช่าต่อแล้วจึงต้องรีบย้ายออก”
“อ้าว จริงเหรอ” ป้าสมใจขมวดคิ้วและถามอีกครั้งเพราะความเป็นห่วง “ว่าแต่อยู่ดีๆ ทำไมถึงย้ายกลับบ้านล่ะ หรือว่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
ม่านมัสลินส่ายหน้าและยิ้มเล็กน้อย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะป้า หนูแค่คิดว่าถึงเวลาต้องกลับไปหาครอบครัวแล้ว อยู่ที่กรุงเทพฯ มาหลายปีจนถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ตอนนี้คิดถึงบ้านมากค่ะ”
เธอรู้ว่าป้าสมใจถามเพราะเป็นห่วงจริง ๆ ไม่ใช่ถามเพราะความสอดรู้สอดเห็น จึงตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้ม
“ก็ดีเหมือนกันนะ อยู่บ้านเรายังไงก็อุ่นใจกว่า แต่จะไม่คิดถึงที่นี่ ไม่คิดถึงป้าบ้างเหรอ” ป้าสมใจพยักหน้าอย่างเห็นด้วย และถามอย่างหยอกล้อ
“คิดถึงสิคะ โดยเฉพาะเพื่อนบ้านที่แสนดีอย่างป้าสมใจ
ฉันคงคิดถึงอาหารฝีมือป้าแย่เลย แต่ชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อเนอะ” ม่านมัสลินตอบอย่างทะเล้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อพูดมาถึงประโยคสุดท้าย
“จริงจ้ะ” ป้าสมใจยิ้มให้กำลังใจ ก่อนจะถามต่อ
“แล้วนี่จะกลับมาเยี่ยมป้าบ้างไหมล่ะ”
“แน่นอนค่ะ หนูคงกลับมาแน่นอนค่ะ ถ้ามีโอกาสจะต้องมาเยี่ยมป้าอยู่แล้ว”
จังหวะนั้นเสียงแตรรถดังก็ขึ้นจากด้านหลัง ทำให้ม่านมัสลินต้องหันไปมอง ทำให้เห็นคนขับแท็กซี่ที่เธอเรียกมาช่วย
ขนของ ส่งสัญญาณว่าเขาพร้อมแล้ว
“หนูคงต้องไปแล้วค่ะป้า” หญิงสาวหันกลับมาบอกป้าสมใจและยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ
“ดูแลตัวเองดี ๆ นะหนูลิน” ป้าสมใจเอื้อมมือไปจับแขนเธอ พร้อมกับคำอวยพร “ขอให้โชคดีนะลูก”
ม่านมัสลินยิ้มรับ ก่อนจะโผเข้าไปกอดป้าสมใจแน่น
“ขอบคุณนะคะป้า ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง”
เมื่อผละออก เธอก็หันไปปิดกระโปรงท้ายรถ จากนั้นจึงเดินไปขึ้นนั่งเบาะคนขับ แล้วสตาร์รถพร้อมกับเคลื่อนตัวออกมา
ป้าสมใจโบกมือให้พร้อมกับยืนส่งหญิงสาวไม่ต่างจากญาติผู้ใฆย่คนหนึ่ง เมื่อม่านมัสลินมองกระจกหลัง เห็นภาพของเพื่อนบ้านในคอนโดโบมือให้รู้สึกใจหาย แต่ก็มั่นใจว่าการตัดสินใจครั้งนี้ คือเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
ม่านมัสลินเร่งเครื่องรถไปตามถนนสายยาวที่ทอดตัวสู่ต่างจังหวัด ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศ ไม่อาจลดความร้อนรนในใจได้ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เมื่อนึกถึงอนาคตที่กำลังจะเริ่มต้นใหม่
หญิงสาวเคยทำงานออฟฟิศมาหลายปี มันทั้งซ้ำซากจำเจ และไร้ชีวิตชีวา ทุกเช้าเธอจะต้องตื่นไปเจอกับโต๊ะทำงานเดิม ๆ กับกองเอกสารที่ดูจะไม่มีวันหมดสิ้น มันไม่ใช่ชีวิตที่เธอต้องการเลยสักนิด แต่ก็ต้องทำเพื่อความอยู่รอดของปากท้อง
แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพราะกฎหมายสุราเสรีที่เธอเฝ้ารอคอยมานาน ได้ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีอะไรเหนี่ยวรั้งเธอไว้ในเมืองที่แสนวุ่นวายอีกต่อไป
หญิงสาวยิ้มบาง ขณะสายตายังคงจับจ้องไปบนถนนเบื้องหน้า
เธอจำได้ดีว่าเมื่อครั้งยังเด็ก โรงกลั่นสุราของครอบครัวเคยเป็นกิจการที่รุ่งเรืองมากเลยทีเดียว ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลมาซื้อสุราของตระกูลเธอ แต่เมื่อกฎหมายเข้มงวดขึ้นเพื่อเปิดทางให้นายทุนเงินหนา กิจการของครอบครัวเธอก็ต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน บ้านเกิดของเธอก็เงียบเหงาไปมาก โรงกลั่นสุราที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหลือเพียงซากอิฐเก่าและความทรงจำในวันวาน
เธอนึกถึงตำราสุรากลั่นที่เป็นมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ หนังสือเล่มหนาเปื้อนคราบเก่า แต่เต็มไปด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน มันเป็นสมบัติล้ำค่าที่เธอเคยพลิกอ่านเล่นเมื่อตอนเด็ก ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นกุญแจสำคัญเพื่อนำทางเธอไปสู่เส้นทางใหม่
ม่านมัสลินสูดหายใจเข้า แล้วเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็ว ถนนเบื้องหน้าช่างกว้างไกล แต่ก็รู้ดีว่าปลายทางที่มั่นคงนั้นรอคอยเธออยู่
และเมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในลานหน้าบ้าน ความรู้สึกอบอุ่นและคุ้นเคยก็ถาโถมเข้ามาในหัวใจ หญิงสาวดับเครื่องยนต์ก่อนจะเปิดประตูลงมา กลิ่นดินจาง ๆ หลังฝนตกลอยมาตามสายลม
เสียงจักจั่นเรไรขับขานราวกับบอกว่าขอต้อนรับเธอกลับสู่บ้านเกิด
ประตูบ้านเปิดออก พร้อมกับร่างของแม่ที่ก้าวออกมาด้วย
สีหน้าตกตะลึง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้างแล้วเปล่งเสียงถามออกมาอย่างดีใจ
“ลิน! ลูกกลับมาแล้วเหรอ”
ยังไม่ทันที่ม่านมัสลินจะตอบ แม่ก็วิ่งเข้ามากอดเธอแน่น เลยทำให้ได้กลิ่นสบู่หอมอ่อน ๆ ที่คุ้นเคย ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง
“แม่คิดถึงลูกจะแย่” คนเป็นแม่บอกลูกสาวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับใช้มือลูบหัวหญิงสาวอย่างอ่อนโยน
“หนูก็คิดถึงแม่ค่ะ” ม่านมัสลินสวมกอดและกระซิบตอบด้วยเสียงสั่นเครือ เพราะนานแล้วเหมือนกันที่ไม่ได้กลับบ้าน
เมื่อได้ยินเสียงรถขับเคลื่อนเข้ามาในบ้าน พ่อของเธอจึงเดินออกมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยว่าใครมา
แต่เมื่อเห็นหน้าลูกสาวก็ถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มกว้างอย่างดีใจ
“ลิน ลูกกลับมาแล้วจริง ๆ สินะ” คนเป็นพ่อถามอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองสักเท่าไร
หญิงสาวพยักหน้า ยิ้มให้พ่อด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจ ใบหน้าของเธอยิ้มไม่หุบเช่นกัน
“ค่ะพ่อ หนูกลับมาแล้ว คราวนี้หนูจะไม่ไปไหนอีก”
คนเป็นพ่อพยักหน้าอย่างช้า ๆ แววตาสะท้อนความโล่งใจ และพูดอย่างยินดี
“กลับมาก็ดีแล้ว บ้านเรายังเป็นบ้านของลูกเสมอนะ”
เมื่อได้ยินพ่อพูดแบบนั้น หญิงสาวจึงกวาดตามองรอบตัว
บ้านหลังเก่าที่เคยเป็นทั้งที่พักพิงและที่หลบภัยของเธอ ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ยกเว้นเพียงหัวใจของเธอที่เปลี่ยนไป
“ค่ะพ่อ คราวนี้ฉันจะเริ่มต้นใหม่ที่นี่ ในบ้านของพวกเราเอง เดี๋ยวฉันขอเดินดูให้หายคิดถึงก่อนนะคะ” เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม ใจนั้นคืดว่าจะไม่ไปไหนอีกแล้ว
“งั้นก็เดินดูให้หายคิดถึงเถอะนะ เดี๋ยวแม่จะไปทำกับข้าวให้กินก่อน เรื่องอื่นเอาไว้ทีหลังก็แล้วกัน พ่อก็ไปช่วยแม่ด้วยสิ” หญิงวัยกลางคนยิ้มให้ลูกสาวและดึงแขนพาสามีกลับเข้าไปในบ้านเพื่อทำอาหารให้ลูกสาวกิน
“ตกลง วันนี้เราเลี้ยงฉลองที่ลินกลับมา”
