บทที่ 5 กลยุทธ์แมวสามขา (1/2)
"ข้าไม่เห็นด้วย!" ฉงเจิ่งหมินโพล่งเสียงเข้ม
"เสด็จพ่อ... แล้วท่านพี่เหยียนเฟิงไม่ดีอย่างไรเพคะ อีกอย่างเขาสามารถช่วยแบ่งเบาภาระให้ท่านได้ ไม่เหมือนชินอ๋องจอมร้ายกาจนั่น"
"เช่นนั้นพ่อถามสักคำ เจ้ารักเหยียนเฟิงหรือ"
"รักเพคะ" ฉงเสว่ปิงตอบอย่างหนักแน่น
"รัก!? เจ้ารักแบบใด"
"ท่านพี่เหยียนเฟิงทั้งเก่ง หน้าตาหล่อเหลา เพียบพร้อมทุกอย่าง ข้ารักและเทิดทูนเขา" ฉงเสว่ปิงเอ่ยด้วยแววตาเปล่งประกาย
"ปิงเอ๋อร์ เจ้านะเจ้า ไม่รู้ความสักนิด" ฉงเจิ่งหมินยกฝ่ามือคลึงขมับ
นางเพียงมีความรู้สึกรักและผูกพันธ์กับตู้เหยียนเฟิงเฉกเช่นพี่ชายกับน้องสาว ทว่าการแต่งงานมิใช่เรื่องล้อเล่น เรื่องใหญ่โตเช่นนี้เขาจะปราบพยศธิดาผู้ดื้อรั้นของตนเช่นไรดี
"เสด็จพ่อ เชื่อลูกสักครา การไม่อภิเษกกับชินอ๋องเป็นเรื่องดีที่สุด ท่านส่งสาส์นกลับไปยังแคว้นไต้เจียได้เลยเพคะ ว่าลูกมีคู่หมั้นแล้วไม่อาจตอบรับหนังสือสัญญาอภิเษกได้ จะชดเชยตามกฎมณเฑียร" ฉงเสว่ปิงเขย่ากายผู้เป็นบิดา ใบหน้างามเว้าวอน
นางไม่อยากเอาชีวิตไปผูกติดกับอ๋องไร้ใจผู้นั้นแล้ว เขาเสแสร้งแกล้งเป็นดีกับนางในช่วงแรก ๆ ก็เท่านั้น หากเขารักนางจริง ชาติที่ผ่านมาไยต้องมีสนม หนำซ้ำเขายังจงใจมอบสุราพิษให้นางตั้งแต่หนแรก แม้จะนับว่าเป็นราชโองการ ทว่าเขาไม่เคยเชื่อใจนางด้วยซ้ำ เขารับสุราพิษนั่นเองกับมือ ต่อมาจึงมอบทัณฑ์สวาทให้นางอย่างน่าอดสู สวรรค์ไม่ต้อนรับ นรกขับส่ง เช่นนั้นนางก็จะยึดมั่นลวงชะตาของตนและไต้ฮ่าวเฉินเสีย
ฉงเจิ่งหมินกุมขมับอีกครา เดิมทีนางยังเชื่อฟังและอยากหมั้นหมายกับบุรุษมากความสามารถเช่นชินอ๋อง ไยหลงเหลือเวลาไม่ถึงเดือนแล้วความรู้สึกของนางจึงพลิกกลับจากหน้าเป็นหลังมือเช่นนี้เล่า
"ส่งสาส์นยามนี้ไม่ทันแล้ว" ฉงเจิ่งหมินถอนหายใจ
"ไม่ทัน!" ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ริมฝีปากสีกุหลาบอ้าค้าง
ฉงเจิ่งหมินพยักหน้าหงึกหงัก "ชินอ๋องน่าจะเดินทางมาที่นี่แล้ว เกรงว่าวันพรุ่งหรือไม่ก็อีกหนึ่งวันคงจะถึง"
"ท่านพ่อ..." ฉงเสว่ปิงยู่หน้า อกซ้ายเต้นโครมคราม
นางยังไม่อยากพบหน้าเขา จากนี้ควรทำเช่นไรจึงสามารถหยุดการเดินทางมายังแคว้นสุ่ยเหอได้ ฉงเสว่ปิงพยายามขบคิด คิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันแทบผูกเป็นปม
"ดึกมากแล้ว น้ำค้างลงเจ้าจะป่วยเอาได้ ปิงเอ๋อร์ ไปนอนเถิด เรื่องนี้หากเจ้าไม่อยากแต่งจริง ๆ ไว้พ่อเจรจากับชินอ๋องให้เอง" ฝ่ามืออุ่นลูบศีรษะบุตรธิดาด้วยความรักใคร่ ยามนี้ทั้งสองนั่งชมจันทร์อยู่ที่ศาลาริมน้ำสองคนพ่อลูก จันทร์กระจ่างฟ้าทว่าไม่อาจช่วยให้จิตใจของผู้เป็นดั่งเจ้าแคว้นสุ่ยเหอสงบใจได้เลย
"ขอบพระทัยเสด็จพ่อ เอ่อ...ข้าขอถามเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เพคะ" ฉงเสว่ปิงเอ่ยด้วยท่าทีอึกอัก
"เรื่องใดหรือ"
"ชินอ๋องเดินทางมาเส้นทางใดหรือเพคะ" ดวงตากลมโตกะพริบถี่
ฉงเจิ่งหมินหรี่นัยน์ตาอย่างนึกสงสัย "ปิงเอ๋อร์ เจ้าถามพ่อเช่นนี้คิดวางแผนใดหรือ"
ฉงเสว่ปิงโบกมือพัลวัน รอยยิ้มแห้งขอดประดับบนใบหน้า "ลูกเปล่านะเพคะ ถึงข้าอยากทำมีหรือจะริอ่านทำอันใดชินอ๋องผู้เลื่องชื่อได้"
ฉงเจิ่งหมินครุ่นคิด ที่นางกล่าวก็เป็นเรื่องจริง แม้ฉงเสว่ปิงมีนิสัยก๋ากั่นไปบ้าง แต่นางคงมิอาจออกไปทำเรื่องใหญ่โตนอกกำแพงเมืองได้กระมัง "แล้วเจ้าอยากรู้ด้วยเหตุใด ใจร้อนอยากพบเขาหรือ"
"เอ่อ...ก็เพียงแค่ถามเท่านั้นเพคะ" นัยน์ตาทั้งสองหลุกหลิก ฝ่ามือประสานเข้าด้วยกัน นิ้วโป้งสาละวนขึ้นลง
หากบิดาของนางไม่บอกเช่นนั้นนางจะออกไปตามสืบเองเสียเลย คอยดูเอาเถิดนางจะป่วนขบวนเดินทางของเขาจนไม่อาจเดินทางมายังแคว้นสุ่ยเหอได้แม้เพียงครึ่งก้าว
ฉงเจิ่งหมินถอนหายใจอีกครา "ชินอ๋องเดินทางตัดผ่านหุบเขาร้อยหลี่ เลียบลำธารฉางปิง เส้นทางนี้น่าจะถึงรวดเร็วที่สุดแล้ว"
ริมฝีปากบางฉีกยิ้มกว้าง "ลูกทราบแล้วเพคะ เสด็จพ่อรีบเข้าบรรทมนะเพคะ"
ฉงเสว่ปิงประคองบิดายืนขึ้นจากนั้นจึงเดินไปส่งยังตำหนักบรรทม
.
.
กลางหุบเขาห่างจากแคว้นสุ่ยเหอ กระโจมหลังใหญ่ถูกกางเอาไว้ห่างออกไปไม่มากนัก บุรุษร่างสูงแหงนมองบุหลันกลมโตส่องประกายเบื้องหน้า มือทั้งสองไพล่หลัง ดวงตาของเขาหม่นแสงชอบกล
"ท่านอ๋อง สำรับพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ"
ใบหน้าหล่อเหลาผินกลับ จึงเห็นเพียงองศาใบหน้าด้านข้าง จมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้ารูปไข่ เรือนกายกำยำยามยืนท่ามกลางลำธารและดวงจันทราช่างดูงามสง่าเหนือพรรณนา
"อืม" เสียงทุ้มตอบเรียบเรื่อย
อาภรณ์สีเข้มปลิวไสวลู่ตามสายลม ภายในใจของเขายามนี้ครุ่นคิดถึงเพียงองค์หญิงเสว่ปิงแห่งแคว้นสุ่ยเหอ เขาเคยเห็นเพียงภาพเสมือนของนางเท่านั้น ทว่าในใจกลับรู้สึกคะนึงหา อยากครอบครอง ซ้ำยังคล้ายกับว่าพวกเขาทั้งสองเคยรู้จักกันมาแต่กาลก่อน หวนนึกถึงคราใดอาการปวดหนึบบริเวณศีรษะของเขาก็พลอยกำเริบขึ้นทุกที
เขายกฝ่ามือคลึงขมับ พลางนิ่วหน้าด้วยอาการเจ็บปวด
"ท่านอ๋อง อาการปวดศีรษะกำเริบอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ" จื่อจ้งเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
ไต้ฮ่าวเฉินถอนหายใจ "จื่อจ้ง เจ้าว่าคนคนหนึ่งจะรู้สึกคุ้นเคยกับอีกคนทั้งที่ยังไม่เคยพบหน้ามาก่อนหรือไม่"
จื่อจ้งครุ่นคิด "ท่านอ๋อง เดิมทีเรื่องพวกนี้กระหม่อมคิดว่าอาจเกี่ยวเนื่องกับชาติปางก่อน"
ร่างสูงหมุนกายกลับ คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน "ชาติปางก่อน?"
"เอ่อ...ข้าเพียงเดาส่งเดชเท่านั้น พระองค์อาจเหนื่อยล้าจากราชกิจมากเกินไป อีกอย่างเราเดินทางมานานหลายวัน เช่นนั้นท่านก็พักให้มากหน่อยดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ"
"ข้าอยากเห็นหน้านางเร็ว ๆ"
"แล้วไยวันนี้จึงไม่เข้าไปยังวังหลวงเลยหรือพ่ะย่ะค่ะ" จื่อจ้งงุนงง อีกไม่กี่หลี่ก็ถึงแล้ว ทว่าไต้ฮ่าวเฉินกลับต้องการหยุดพักเสียก่อน
"ไม่รู้เช่นกัน มีบางอย่างกำลังบอกข้าว่าราตรีนี้ยังต้องรั้งอยู่ก่อน"
เขาไม่อาจขัดใจผู้เป็นนาย นับตั้งแต่ม้วนภาพขององค์หญิงแคว้นสุ่ยเหอปรากฏ ไต้ฮ่าวเฉินก็มีสีหน้าและท่าทางประหลาดไปจากเดิมมากนัก ความสงสัยมิอาจคลี่คลาย เช่นนั้นคงต้องรอให้ท่านอ๋องของเขาได้พบองค์หญิงฉงเสว่ปิงดูสักครา
