บทที่ 4 สาส์นถอนหมั้น (2/2)
"ฝ่าบาท หนังสือขอยกเลิกการหมั้นหมายจากแคว้นสุ่ยเหอพ่ะย่ะค่ะ" ขันทีค้อมศีรษะลงพลางยื่นสาส์นสีแดงเหลือบทองไปเบื้องหน้า
"หืม..." ไต้จวิ้นหยู่เหลือบมองอย่างไม่สบอารมณ์ ก่อนผินหน้ามองไต้ฮ่าวเฉิน
อีกฝ่ายได้ยินคำกล่าวเมื่อครู่ชัดถนัดหู ทว่าท่าทีของเขากลับยังใจเย็นดุจหุบเขาน้ำแข็ง มือหยาบระคายยกถ้วยชาขึ้นจิบอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
"ฮ่าวเฉิน"
"พ่ะย่ะค่ะ" เขาวางชาถ้วยนั้นลง พลางค้อมศีรษะเล็กน้อย
"ว่าที่ชายาของเจ้าต้องการถอนหมั้น นี่เกิดเรื่องใดขึ้นหรือ" ไต้จวิ้นหยู่ขมวดคิ้ว ม่านมุกบนศีรษะแกว่งไปมา
นัยน์ตาคมช้อนขึ้นมองบัลลังก์มังกร สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง "หากแคว้นสุ่ยเหอต้องการถอนหมั้นก็เพียงทำตามกฎ คือแบ่งดินแดนให้แคว้นไต้เจียหนึ่งส่วน มีสิ่งใดต้องกังวลพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"นี่มิใช่เพียงการได้ดินแดน พื้นที่น้อยนิดเพียงนั้นสำคัญเท่าความสัมพันธ์ของแคว้นรึ" ไต้จวิ้นหยู่ไม่สบอารมณ์นัก
"เช่นนั้นฝ่าบาทต้องการสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ"
"หากแคว้นสุ่ยเหออยากถอนหมั้นเช่นนั้นก็ไปเยือนดูสักครา ดูซิว่าชายาในอนาคตของเจ้าจะบ่ายเบี่ยงเช่นไร"
คิ้วเข้มเลิกขึ้น "พระองค์จะให้กระหม่อมไปเยือนแคว้นสุ่ยเหอหรือ"
นัยน์ตาคมเข้มแฝงเล่ห์กลลดมองเบื้องล่าง "เจ้าว่าอย่างไรเล่า หากนางไม่ยินยอมเป็นชายาชินอ๋อง เช่นนั้นข้าจะเอาองค์หญิงแห่งแคว้นสุ่ยเหอมาเป็นสนมเสียเลย"
ไต้ฮ่าวเฉินใจกระตุกวูบ ทว่าริมฝีปากได้รูปกลับจุดรอยยิ้มหนึ่งฝั่ง "ฝ่าบาทไฉนพระทัยร้อนนัก เดิมทีแคว้นสุ่ยเหอยึดถือขนบธรรมเนียมรักมั่นหนึ่งเดียว พระองค์คิดนำตัวองค์หญิงผู้สูงศักดิ์แต่งตั้งเป็นสนม นั่นมิถือว่าเป็นการหยามเกียรติอีกฝ่ายหรือ"
ไต้จวิ้นหยู่ตบเข่าฉาด "นั่นอย่างไร ข้าจึงให้นางอภิเษกมาเป็นชายาของเจ้า เพราะเจ้าเองยังครองตัวเป็นโสดสนมก็ล้วนยังไม่มี แล้วดูเอาเถิด นางอยากถอนหมั้นโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร ทำเช่นนี้กำลังคิดหยามหน้าฮ่องเต้และชินอ๋องรึ ส่งข่าวไป! อีกเจ็ดวันข้างหน้าชินอ๋องจะเป็นทูตของแคว้นไต้เจีย ไปเจรจาการอภิเษกกับองค์หญิงแห่งแคว้นสุ่ยเหอด้วยตนเอง"
ขันทีค้อมศีรษะ "พ่ะย่ะค่ะ"
เจ้าของร่างสูงค้อมศีรษะลง ความเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา "ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่ง"
.
.
"อะไรนะเพคะ ชินอ๋องจะมาเยือนแคว้นเรา!" ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้าง
แม้แต่หน้าของเขานางก็ไม่อยากมอง อย่าว่าแต่มาเหยียบแคว้นเลย กระทั่งแถบชายแดนก็อย่าคิดก้าวล้ำ
"ปิงเอ๋อร์ใจเย็น ๆ" ตู้เหยียนเฟิงเอ่ยปราม
"ท่านพี่เหยียนเฟิงท่านต้องช่วยข้านะ เรื่องง่าย ๆ ไยชินอ๋องจึงทำให้ยุ่งยาก เช่นนั้นข้าจะตอบกลับเขาไป" ฉงเสว่ปิงเอ่ยด้วยสีหน้าขึงขัง นางเหลียวมองอีกฝ่ายหรี่นัยน์ตาอย่างมีแผนการ
"เจ้าคิดทำอะไร" ตู้เหยียนเฟิงเริ่มเกิดความกังวล องค์หญิงน้อยของเขาผู้นี้ทั้งซุกซนทั้งเจ้าแผนการ คงไม่คิดเล่นแผลง ๆ เพื่อขัดขวางขบวนเดินทางของทูตใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นคงไม่มีบ่าให้วางศีรษะกันแล้ว ต่อให้เป็นองค์หญิงหรือองค์ชายก็ตาม
"ข้าจะบอกว่าข้ามีคู่หมั้นแล้ว ไม่จำเป็นที่ชินอ๋องจะต้องเข้ามาเจรจาแต่อย่างใด"
"หา...เจ้ายังไม่มีคู่หมั้น ทำเช่นนี้นับว่ากุเรื่องโกหกคนของราชวงศ์ ถือว่าเป็นโทษอาญา แม้เจ้าเป็นองค์หญิงก็คงเอาตัวเองไม่รอดหรอกนะ" ตู้เหยียนเฟิงละล้าละลัง
ใบหน้างามผินมองเขา ฉงเสว่ปิงแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์ "ก็ท่านอย่างไรเล่า ท่านพี่"
"หา..." ตู้เหยียนเฟิงลอบกลืนน้ำลายลงคอ
เดิมทีเขาเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าแคว้นสุ่ยเหอก็จริงอยู่ ทว่าอีกฝ่ายจะเห็นด้วยงั้นหรือ หนำซ้ำฉงเจิ่งหมินทราบดีว่าเขารู้สึกเช่นไรกับธิดาของตน ทว่ากลับนิ่งดูดายตอบรับสัญญาหมั้นหมายยินดีส่งฉงเสว่ปิงให้อภิเษกกับผู้อื่น เกรงว่าแผนการนี้ของนางอาจดูลำบากไปหน่อยแล้ว
แต่ทว่าอีกใจของเขากลับเต้นระรัวเร็ว นี่มิใช่ว่าโอกาสมาถึงแล้วหรือ หากเขาไม่เร่งคว้าเอาไว้ยามนี้ แล้วจะรอให้หล่นลงมาจากฟ้าหรืออย่างไร
"ท่านเป็นพี่ชายข้าก็จริง แต่ท่านเป็นบุตรชายของท่านแม่ทัพตู้สหายรักท่านพ่อข้า หากท่านเป็นราชบุตรเขย ข้าก็มิเห็นว่าจะไม่เหมาะสมอย่างไร ซ้ำยังสามารถรับบัลลังก์ต่อจากท่านพ่อข้าได้ด้วย"
"แล้วเจ้ารักข้างั้นหรือ"
ฉงเสว่ปิงแหงนมองอีกฝ่าย พลางสบตามั่น "รักสิ ข้ารักท่านดุจพี่ชายแท้ ๆ"
เขาคงทำได้เพียงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเสียแล้ว ดูเหมือนนางไม่เข้าใจอะไรเลยจริง ๆ หากแต่งงานกันแล้วจะยังคงสถานะพี่ชายและน้องสาวได้อย่างไรเล่า
