บทที่ 5 กลยุทธ์แมวสามขา (2/2)
"องค์หญิง ออกมาดึกดื่นเช่นนี้อันตรายยิ่งนัก ข้าว่า..." มู่หลินหวาดกลัวเสียจนตัวสั่น เหลียวมองไปทางใดก็พบเพียงความอนธการ
"ชู่ว...เจ้ากลัวไปไย วิชากระบี่ยิงธนูของข้าหาด้อยไปกว่าบุรุษ หากมีอันตรายข้าจะปกป้องเจ้าเอง" นิ้วเรียวยกขึ้นจรดริมฝีปาก
ฉงเสว่ปิงลอบออกจากราชวังกลางดึก โดยอาศัยช่องสุนัขลอด หนำซ้ำยังลอบปลดม้าผู้อื่นโดยพลการจากโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ทว่านางมิใช่ขโมยขโจร ทุกอย่างทำไปล้วนมาจากความจำเป็น นางจึงวางก้อนทองคำไว้ให้เจ้าของเพื่อสำนึกผิดต่อมโนธรรมในจิตใจแล้ว ต่อมาจึงควบอาชาตัวสูงใหญ่พร้อมสาวใช้คนสนิทด้วยเครื่องแต่งกายบุรุษ อีกคนคุมบังเหียน อีกคนโอบกอดจากทางด้านหลัง มู่หลินหวาดกลัวเสียจนสีหน้าซีดขาวน้ำตาพานจะไหลอยู่รอมร่อ
หากเจ้าแคว้นทราบว่าธิดาของตนหนีออกจากวังศีรษะน้อย ๆ นี้คงไม่อาจรักษาได้แล้ว ไยองค์หญิงจึงซุกซนนัก พวกนางเดินทางมาได้สักพัก สายตาเฉียบแหลมก็ทันสังเกตเห็นกระโจมสีขาวตั้งอยู่ไกลลิบ คาดว่าคงเป็นขบวนของชินอ๋อง ริมฝีปากบางเหยียดยิ้ม
ไต้ฮ่าวเฉิน ข้าจะทำให้ท่านไม่ได้พักผ่อน หวาดกลัวจนวิ่งแจ้นกลับแคว้นไต้เจียไม่ทันเลยคอยดู
ร่างบอบบางกระโจนลงจากอาชาตัวใหญ่ เชือกเส้นหนาถูกผูกไว้กับลำไผ่สูงชะลูดต้นหนึ่ง "มู่หลิน เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้เล่า"
มู่หลินส่ายหน้าพัลวัน นางพยายามกวาดสายตามองไปโดยรอบด้วยความหวาดระแวง "อะ...องค์หญิงจะทำอันใดเพคะ"
"เอาน่า เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นไร อยู่ตรงนี้อย่าเอะอะรอข้ากลับมา" ฉงเสว่ปิงตบมือเปาะแปะลงบนหลังมือของมู่หลิน แล้วจึงผละกายจากไป
"องค์หญิง!" มู่หลินตื่นตระหนกแทบร้องไห้โฮ นางจะอยู่อย่างไร มีเพียงเจ้าม้าตัวสีดำเป็นเพื่อน หนึ่งคนหนึ่งสัตว์กะพริบดวงตามองกันอย่างน่าเวทนา
เสียงฝีเท้าย้ำแผ่วอยู่นอกกระโจม ต่อให้ย่างกรายเบาหวิวหรือเหาะเหินได้เฉกเช่นเทพเซียนก็มิอาจรอดพ้นสายตาแหลมคมดุจพญาอินทรี หนำซ้ำโสตประสาทการรับเสียงของเขายังยอดเยี่ยมเป็นเลิศ เพราะชินอ๋องผ่านสมรภูมิรบมาแล้วตั้งเท่าใด ไหนเลยจะไม่รู้ตัวยามศัตรูเข้าประชิดตน
ผู้ใดกัน ใจกล้านักบุกเข้ามาผู้เดียวงั้นหรือ
ไต้ฮ่าวเฉินแสร้งล้มตัวลงนอน จู่ ๆ ก็มีกลุ่มหมอกควันลอยละล่องขาวฟุ้งขึ้นกลางอากาศ
ยานอนหลับ
ฝ่ามือกว้างรีบควานหายาลูกกลอนพลางยกมือปิดปลายจมูกเพื่อไม่ให้เผลอสูดดมเข้าไป เขาเปิดขวดหยกขนาดเล็ก เทยาลูกกลอนออกมาหนึ่งเม็ดแล้วจึงส่งเข้าปากทันควัน จากนั้นแสร้งหลับสนิท
ทุกสรรพสิ่งตกอยู่ในความเงียบสงัด ดูเหมือนองครักษ์หน้ากระโจมของเขาเผลอต้องยานอนหลับเข้าให้แล้ว นับว่าฝีมือคนผู้นี้ไม่เลวทีเดียว
หึ!...ฮ่าวเฉิน อย่าหมายจะเหยียบราชวังข้าเลย ข้ารู้จุดอ่อนของท่าน ดูสิหากไม่มีหมอหลวงอยู่ใกล้ท่านจะเอาตัวรอดเช่นไร เตรียมตัววิ่งแจ้นกลับแว่นแคว้นของตนไปเถิด
ฉงเสว่ปิงกระชับของในมือไว้มั่น ทั้งต้องควบคุมน้ำหนักการเดิน อีกทั้งยังหวาดระแวงว่าสิ่งนั้นจะแว้งกัดตนเอง การลอบทำร้ายครานี้จึงดูทุลักทุเลไปหน่อย ทว่ายามนี้ยานอนหลับคงออกฤทธิ์แล้ว แต่ไหนเลยจะรู้ว่านางกำลังคิดผิดมหันต์
ไต้ฮ่าวเฉินพยายามรวบรวมสติให้นิ่งเงียบที่สุด ทันทีที่ร่างนั้นเข้าใกล้เตียงนอน เขาจึงคว้าหมับบริเวณแขนเล็ก จากนั้นจึงพลิกกายอีกฝ่ายลงเบื้องล่าง มีดสั้นในมือจ่อลำคอผู้บุกรุกทันควัน
เสียงทุ้มเอ่ยเย็นเยียบ "เจ้าเป็นใคร! กล้าบุกรุกกระโจมชินอ๋อง อยากตายนักรึ"
ฉงเสว่ปิงเบิกตากว้างตะลึงลาน ใบหน้าครึ่งล่างปกปิดด้วยผ้าสีเข้ม สิ่งที่นำติดมือมาด้วยหลุดร่วงลงบนพื้นเสียแล้ว นัยน์ตากลมโตเหลียวมองอย่างนึกเสียดาย เขาจึงปรายตามองตามองศาสายตาของอีกฝ่าย
คิ้วเข้มขมวดมุ่น "มด?"
คนผู้นี้รู้ได้อย่างไรว่าข้าแพ้มด กะเล่นข้าถึงตายโดยกลยุทธ์แมวสามขาเด็กอมมือ โง่เขลานัก
ฉงเสว่ปิงลอบกลืนน้ำลายหนืดเหนียวลงคอ ดูเหมือนวันนี้องค์หญิงแห่งแคว้นสุ่ยเหอคงต้องเหลือเพียงชื่อเสียแล้ว
"ปะ...ปล่อยข้า"
"หยุดดิ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะเฉือนลำคอเจ้าเสีย" กล่าวจบฝ่ามือหยาบระคายจึงปลดผ้าสีเข้มซึ่งบดบังใบหน้าอีกฝ่ายลงทันควัน
พรึบ!
ฉงเสว่ปิงหลับดวงตาฉับ ริมฝีปากเม้มสนิท หัวใจกระเพื่อมไหวดั่งถูกตีกระหน่ำ
แม้มีเพียงแสงจากเชิงเทียนรำไร ทว่าเขามองเห็นใบหน้าเกลี้ยงเกลานั้นกระจะตายิ่ง ความปวดหนึบแล่นปราดขึ้นทันควัน
"นี่!....เจ้า..."
สตรีงั้นรึ ไยข้าคุ้นหน้านางนัก หรือนางคือ…
เชิงอรรถ
^
แมวสามขา หมายถึง ผู้ที่ไร้ความสามารถ เปรียบกับแมวที่มีสามขาไม่สามารถวิ่งไล่จับหนูได้
