บท
ตั้งค่า

ตอนที่หก สีชาด

ยายปาบอกว่าเกวียนของผู้ใหญ่บ้านจะเข้าไปในตัวเมืองอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น ฉันจึงรีบจัดเตรียมสบู่ที่ทำเอาไว้เสร็จแล้วใส่ตะกร้าและภาชนะเพื่อนำไปขายในครั้งนี้

คราวนี้ฉันทำสบู่ได้มากถึง40ก้อน เพราะเว้นระยะห่างอยู่นานกว่าคราวที่แล้ว ถึง10กว่าวัน โดยฉันแยกกลิ่นหอมออกมาเป็น3กลิ่น และใส่ดอกไม้แห้งลงไปในก้อนสบู่ด้วย

ยายปาชื่นชมว่าสบู่มีรูปร่างที่สวยงามและกลิ่นหอมที่น่าใช้มากขึ้น ช่วงนี้ยายปาเองก็อาบน้ำถูสบู่บ่อยครั้งเพราะชื่นชอบกลิ่นหอมที่ติดผิวกายจนฉันอดไม่ได้ที่จะกอดหอมยายก่อนนอนทุกวัน

กิจกรรมก่อนนอนอีกอย่างของพวกเราก็คือการบีบนวด ฉันรู้ว่ายายปาทำงานหนักมานาน ร่างกายจึงอ่อนล้าและปวดเมื่อยสะสม ฉันอยากจะช่วยผ่อนคลายและตอบแทนบุญคุณด้วยความรู้ที่มีอยู่ ยายปานอนยิ้มหลับไปคามือจนฉันต้องช่วยพยุงให้ยายนอนดีดีเกือบทุกวัน

อยู่ด้วยกันมาสองเดือนกว่า พวกเราสนิทสนมกันจนดูเหมือนยายหลานกันแท้ๆ เสียงพูดคุยหัวเราะดังในบ้านหลังน้อยอยู่บ่อยๆ แม้แต่ทหารที่จางซีเว่ยส่งมาเฝ้าอารักขายังกลับไปรายงานด้วยอารมณ์ที่ดีตามสองยายหลานไปด้วย

รุ่งขึ้น หลังจากนั่งโยกมาในเกวียนอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม พวกเราก็ขนของลงไปเตรียมขาย โดยครั้งนี้มีของที่ขนมามากกว่าสี่มือของเราทั้งสองคน บุตรชายผู้ใหญ่บ้านจึงอาสาช่วยยกมาให้ด้วยสายตาที่ยังคงจ้องมองหญิงสาวว่านเฟยอิงอย่างไม่ละสายตา

วันนี้ฉันทาใบหน้าด้วยแป้งสีเข้มหนาแล้วนะ เขายังจ้องมองอยู่นั่น คงไม่สังเกตเห็นอะไรผิดแปลกมั้ง

ฉันดึงผ้ามาคลุมหน้ามากขึ้นด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ ขณะปูผ้าลงบนพื้นข้างทางเดินเพื่อจัดเรียงของให้สวยงาม

“ขอบคุณมาก อาเหวิน นี่ๆๆๆเอาสบู่ไปใช้ก้อนหนึ่งนะ สบู่นี่อาบสะอาดและหอมมาก อาอิงทำเองเชียวนา เจ้าเอาไปลองใช้ดู” ยายเฒ่าพยายามยัดเยียดสบู่ให้อาเหวินบุตรชายผู้ใหญ่บ้าน เพื่อตอบแทนที่เขาให้ขึ้นเกวียนมาด้วยและยังช่วยยกข้าวของมาให้อีก

อาเหวินรับสบู่ยกดมโดยไม่ปฏิเสธ

อืม...นี่เองกลิ่นหอมที่เขาได้กลิ่นลอยมาจากตัวของสาวน้อยหลานยายเฒ่า หากเขาใช้สบู่นี้ก็จะมีกลิ่นหอมดังเช่นหญิงสาวหรือไม่นะ

เขาคิดขณะที่กล่าวลาไปติดต่องานโดยไม่วายหันมามองสาวน้อยที่วุ่นวายกับการจัดของโดยไม่เหลือบแลมาทางเขาแม้สักนิด

เนื่องจากพวกนางทั้งสองไม่ได้นำของมาขายนานถึงสิบกว่าวัน พอตั้งวางของยังไม่ทันได้จัดเรียงให้เรียบร้อย ลูกค้าก็ทยอยเดินเข้ามาทักทายกันเสียงดัง บางคนเลือกหยิบสมุนไพรแล้วลองดมสบู่กลิ่นใหม่อย่างลังเลใจ ไม่นานลูกค้าที่เคยซื้อสบู่ไปคราวที่แล้วก็เดินมาเห็น พวกเขาเดินเข้ามาเลือกซื้อสบู่โดยไม่ต่อรองสิ่งใดอีก บางคนซื้อไปคนละหลายก้อนเพราะเห็นว่าพวกนางหายหน้าไปหลายวัน จนครู่เดียวทั้งสบู่และสมุนไพรที่นำมาก็หมดลง

สองยายหลานเดินจูงมือกันไปเลือกซื้อข้าวของกลับบ้านกันอย่างชื่นมื่น คราวนี้ฉันเลือกซื้อเสื้อผ้าเพิ่มขึ้นอีกสองชุดและซื้อให้ยายปาอีกสองชุด หลังจากนั้นจึงไปเดินสำรวจเครื่องประทินโฉมอีกครั้งขณะที่ยายปาไปหาซื้อของใช้ในครัว

ฉันเพ่งมองสีชาดที่ใช้ทาปากอย่างพิจารณา ตอนเรียนมีวิชาทำลิปสติกอยู่ซึ่งฉันสามารถทำออกมาได้ดีทีเดียว แต่สีชาดที่คนสมัยนี้ใช้ทาปากกันทำไมจึงมีอยู่สีเดียวคือสีแดง พวกเขาไม่นิยมสีอื่นกันบ้างหรือ ฉันเก็บความสงสัยเอาไว้ รอถามยายปาดูคืนนี้

ครั้งนี้พวกเราเข้าเมืองมากันเพียง4 คน รอไม่นานทุกคนก็กลับมาที่เกวียนกันจนครบ จึงกลับบ้านได้โดยไม่เย็นค่ำมากนัก

คืนนั้น ฉันลองนับเบี้ยที่ได้มาจากการขายสบู่ รวมทั้งครั้งนี้และคราวที่แล้วหักลบเงินที่ใช้ซื้อเสื้อผ้าและของใช้ออกไป ตอนนี้ฉันมีเงินอยู่ถึง40อีแปะ ฉันไม่รู้ว่ามากหรือน้อย แต่อย่างน้อยก็มีทุนที่จะทำสินค้าอื่นมากขึ้น

ความจริงเงินถุงใหญ่ที่ชายหนุ่มจางซีเว่ยให้ไว้น่าจะมากทีเดียว เพราะยายปาถึงกับอุทานเสียงดังตอนที่เปิดออกดู ยายบอกว่าพวกเราสามารถซื้อบ้านใหม่และซื้อของที่ต้องการได้อีกมาก

ตอนแรกยายจะแบ่งเงินครึ่งหนึ่งให้แต่ฉันบอกให้ยายเก็บไว้ทั้งหมด เพราะเราคงต้องซื้อและลงทุนด้วยกันอยู่ดี

อีกอย่างตอนนี้ฉันก็ยังไม่รู้ว่าพวกเราจะทำอะไรต่อไป ดังนั้นค่อยๆคิดน่าจะดีกว่า

“เหตุใดหญิงสาวจึงทาชาดสีแดงกันทุกคน ข้าไม่เห็นพวกเขาทาสีอื่นกันเลย พวกเขาไม่ชอบกันหรือเจ้าคะ” ฉันลองถามข้อข้องใจ ในขณะที่นวดหัวให้ยายปาก่อนนอน

“ยายก็ไม่เคยเห็นชาดสีอื่นนะจึงไม่รู้ว่าพวกเขาชอบหรือไม่ชอบ ตั้งแต่เกิดมาก็เห็นแต่ชาดที่เป็นสีแดงเท่านั้น”

อ้าว...เหรอ กลายเป็นว่ามีสีให้เลือกสีเดียว หรือว่าพวกเขาทำได้เพียงสีเดียวกันแน่

ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องลองผสมสีจากดอกไม้หลายๆแบบเพื่อให้ได้สีสวยๆออกมาบ้าง

วันต่อมานอกจากทำสบู่แล้ว ฉันยังลองทำชาดออกมาจากกลีบกุหลาบและน้ำผึ้ง โดยผสมสีแดงหลายเฉดออกมาก่อน จากนั้นจึงลองลดความเข้มให้กลายเป็นสีชมพูเข้ม ชมพูเรื่อๆ เมื่อได้หลายเฉดสีจึงนำไปให้ยายปาดู

“ข้าทำสีชาดออกมาเผื่อจะนำไปขายได้ ยายลองดูให้สักหน่อยว่าเป็นอย่างไรบ้าง”

ยายปามองอย่างละลานตา ด้วยความเป็นชาวบ้านป่านางจึงไม่ใคร่ได้แต่งหน้าแต่งตา ตั้งแต่ยังสาวรุ่นจวบจนแก่เฒ่าไม่ค่อยได้ซื้อหาเครื่องประทินโฉมเหล่านี้ จึงไม่รู้ว่าจะช่วยหลานสาวกำมะลอคนนี้อย่างไร

“สวยดี แต่ยายไม่เคยแต่งหน้าทาสี จึงไม่รู้ว่าบรรดาหญิงสาวจะชื่นชอบกันหรือไม่ ถ้าอย่างไรเจ้าลองนำมาให้ยายสักสองสามชิ้น ยายจะลองนำไปให้บุตรสาวของผู้ใหญ่บ้านเพื่อตอบแทนที่นางเคยมอบเสื้อผ้ามาให้เจ้าดีหรือไม่ เผื่อนางจะมีความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์บ้าง” ยายปาพยายามจะช่วย

ฉันรีบหยิบสีชาดที่ทดลองทำออกมาให้ยายไปสี่ชิ้น ต่างสีกัน เพื่อดูการตอบรับจากหญิงสาวในหมู่บ้าน ไม่นานยายเฒ่าก็เดินกลับมาพร้อมของกินเต็มสองมือ

“พวกนางชอบสีชาดที่เจ้าให้ไปมาก แย่งชิงกันใหญ่โต อ้อ..ยายลืมบอกไปผู้ใหญ่บ้านมีบุตรสาวสองคน และยังมีลูกสะใภ้อีกหนึ่งคน เมียของอาเหวินนั่นแหละ คราวที่แล้วที่เราให้สบู่อาเหวินไป เมียเขานำไปใช้ด้วยจึงชื่นชมมาว่าอาบน้ำแล้วสะอาดและกลิ่นก็หอมมาก พอข้านำสีชาดไปยื่นให้ พวกนางจึงแย่งชิงกันจนชุลมุน จนเมียของผู้ใหญ่บ้าน แม่ของพวกนางต้องมาห้ามศึกและแบ่งให้คนละชิ้น ตัวนางเองก็เก็บไว้หนึ่งชิ้น นี่พวกนางฝากของกินกลับมาให้มากมายเชียว” ยายปาพูดยาวแล้วดื่มน้ำชาที่ฉันส่งให้รวดเดียว คงจะกระหายน้ำมากเพราะพูดเสียยาวเชียว

“แล้วพวกนางเลือกสีใดกันบ้างหรือเจ้าคะ” ฉันอยากรู้

“บุตรสาวคนโตเลือกสีแดงสด คนที่สองเลือกสีที่สดรองลงมา ส่วนเมียอาเหวินเลือกสีอ่อนที่สุด และแม่ของพวกนางไม่ได้เลือกจึงเก็บสีที่เหลือไป” ยายปายังอุตส่าห์เก็บรายละเอียดมาให้

“ขอบคุณยายมาก ถ้าข้าทำไปขายคราวหน้า ยายคิดว่าจะขายได้บ้างไหมเจ้าคะ” ฉันลองถามหยั่งเชิง

“ขายได้ สีที่เจ้าทำมาสดใสน่าใช้มาก ยายคิดว่าผู้คนอาจจะแย่งชิงกันเหมือนบุตรสาวของผู้ใหญ่บ้านก็เป็นได้” ยายปาให้กำลังใจ

“ยายไปอาบน้ำก่อนล่ะ เหม็นเหงื่อเสียจริง เดี๋ยวนี้ใช้สบู่ของเจ้าทุกวันจนติดกลิ่นหอมไปเสียแล้ว” ยายปาพูดยิ้มๆแล้วเดินออกไปทางคูน้ำโดยไม่ลืมคว้าสบู่หอมติดมือไปด้วย

ฉันนั่งคิดคำนวณแผนการขายสีชาดทาปากอย่างคร่ำเคร่ง รอบแรกเอาแค่ไม่กี่สีก็แล้วกัน เดี๋ยวจะสับสน ต้องคำนวณต้นทุนด้วย จะขายเท่าไหร่ดีน้า

ฉันขีดเขียนตัวเลขและรายการวัตถุดิบ ลงไปบนแผ่นใบไม้ขนาดใหญ่ที่เก็บมาตามทาง ยุคนี้การจะหากระดาษมาใช้นั้นยากมาก ยายปาบอกว่าราคาสูงจนจับต้องได้ยาก ฉันจึงใช้วิธีเก็บใบไม้ใหญ่ๆมาเขียนแทน ก็พอแก้ขัดไปได้

แต่ที่ฉันไม่รู้ก็คือ ใบไม้ใหญ่ที่ฉันขีดเขียนและทิ้งไปถูกเก็บไปส่งให้จางซีเว่ยทุกใบ เขาพลิกมองตัวอักษรแปลกตาและตัวเลขที่ขีดเขียนมากมายบนใบไม้ที่แห้งแล้วนั้น ถึงแม้บางตัวอักษรจะเลื่อนลางไปบ้าง แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ตัวอักษรของแคว้นโยวหรือแคว้นข้างเคียงแน่นอน เป็นตัวอักษรที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

นางเป็นใครกันแน่ เหตุใดจึงเขียนตัวอักษรแปลกประหลาดนี้ นางคิดคำนวณตัวเลขได้ น่าจะเป็นผู้ที่ได้รับการศึกษาอบรมมาอย่างดี ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา หรือหลานของยายเฒ่าอย่างที่บอกแน่ เพราะเพียงชาวบ้านทั่วไปไม่สามารถคิดตัวเลขที่ซับซ้อนได้เช่นนี้

เขาให้คนไปลองสืบอยู่พักหนึ่งแล้ว มีข้อมูลเพียงว่าหญิงสาวนามว่านเฟยอิงเพิ่งปรากฏตัวเมื่อสองเดือนที่ผ่านมา โดยยายเฒ่าว่านปาบอกว่าเป็นหลานสาวที่เดินทางมาจากต่างเมือง

เขาลองให้คนสืบหาไปจนถึงบ้านเกิดของยายปาแล้วว่าญาติที่ยายเฒ่าอ้างถึงอยู่ที่ใดแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้ จะเอ่ยถามโดยตรงกับยายเฒ่าก็ดูเป็นการละลาบละล้วงเกินไป

เขาจึงได้แต่เฝ้าสังเกตอยู่ห่างๆ จากห้วงเวลาว่านเฟยอิงปรากฎตัวหลังจากการปล้นขบวนองค์หญิงบรรณาการเพียงไม่กี่วัน แถมสถานที่ที่นางปรากฎยังเป็นสถานที่ที่เขาหลบหนีไปจนพบเจอ จะว่าไกลก็ไกลพอสมควร แต่จะบอกว่าใกล้ก็ไม่ได้ใกล้ถึงเพียงนั้น เพียงแต่ในเมื่อเขายังสามารถหลบหนีไปจนถึงที่แห่งนั้นได้ แล้วจะมีหญิงสาวคนหนึ่งคนใดในขบวนบรรณาการนั้นสามารถหลบหนีไปจนถึงที่นั่นได้หรือไม่นะ

เมื่อยังคงหาคำตอบไม่ได้ เขาจึงต้องพักเรื่องนี้ไว้ก่อน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel