ตอนที่เจ็ด โดนรังแก
การเดินทางไปขายของคราวนี้พวกนางสองยายหลานขนของมาขึ้นเกวียนโดนมีอาเหวินและเมียช่วยเหลืออย่างกุลีกุจอ
ฉันทำสบู่ได้เพียง30ก้อนเพราะต้องแบ่งเวลาไปทำสีชาดด้วย ส่วนยายปาขนสมุนไพรมาขายมากพอสมควร
พวกเราขนของมาปูตรงริมทางเดินเหมือนเดิม คราวนี้มีกลุ่มลูกค้าเก่าที่เคยซื้อสบู่ไปมายืนรอการจัดของอย่างกดดัน จนฉันมือไม้สั่นหยิบของเข้าออกจนมึน
ยายปาทนไม่ไหวต้องมาช่วยฉันจัดสบู่ก่อน แล้วก็หยิบสีชาดออกมาวางใกล้ๆอย่างโอ้อวด
“นี่นี่นี่ วันนี้หลานสาวข้าทำสีชาดใหม่ออกมาขายด้วย สีสวยสดใส ทาปากติดนาน รับรองไม่เหมือนผู้ใด สวยจนสามีรักสามีหลงแน่นอน ฮ่าฮ่าฮ่า” ยายปาตะโกนบอกสรรพคุณจนลูกค้าเข้ามามุงดูด้วยความสนใจ
ไม่นานความชุลมุนก็เกิดขึ้นจนฉันเก็บเงินแทบไม่ทัน ทั้งสบู่ทั้งสีชาด รับเงินจนมือระวิง พอขายหมด ฉันจึงหันมาช่วยยายปาขายสมุนไพรที่โดนผู้คนยืนบังจนไม่ได้ขายไปช่วงหนึ่ง
“ไหนไหนไหน ที่ใดขายสีชาดที่น้องหลิงหลงของข้าอยากได้” เสียงตะโกนโวยวายดังมาตั้งแต่หัวถนน เห็นเพียงผู้คนที่พร้อมใจกันแหวกทางให้ชายหนุ่มร่างอ้วนที่เดินส่ายอาดๆเข้ามามองหา
ชายสูงวัยคนหนึ่งชี้มายังแผงของพวกเราที่เหลือเพียงสมุนไพรไม่กี่ต้นวางอยู่
“ไหนล่ะ สีชาด” ชายร่างอ้วนเดินส่ายพุงเข้ามาพร้อมลูกน้องอีกสี่ห้าคน บังจนมิดหน้าร้านไปหมด
“หมดแล้วเจ้าค่ะ” ยายปารีบตอบเมื่อเห็นหน้าคนที่ตะโกนถามขณะที่มือรีบกดหัวฉันให้ก้มต่ำลง
ฉันดึงผ้ามาคลุมปิดบังให้มากขึ้นทันทีเพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย
“อะไรกัน หมดแล้ว ขายของอย่างไร ปล่อยให้หมดได้ น้องหลิงหลงของข้าอยากได้สีชาด เจ้าต้องไปหามาให้ข้าจนได้ ไม่อย่างนั้นอย่าคิดว่าจะได้เข้ามาขายของที่นี่อีกเลย” ชายร่างอ้วนพูดจาข่มขู่เสียงดังจนผู้คนรอบข้างถอยห่างอย่างหวาดกลัว
พ่อค้าข้างเคียงได้แต่ส่งสายตาเห็นใจมาให้ ในขณะที่ลูกค้าที่ซื้อของไปแล้วรีบสลายตัวกระจายกันหายไปเพราะกลัวจะโดนแย่งของ
“พวกเราขายไปหมดแล้วจริงๆเจ้าค่ะ วันนี้พวกเรานำสีชาดมาขายเป็นวันแรกจึงนำมาไม่มากนัก ไม่คิดว่าจะขายดี ต้องขออภัยคุณชายหลินด้วยนะเจ้าคะ อย่าห้ามพวกเรามาขายของที่นี่เลย” ยายปาโค้งแล้วโค้งอีกเพื่อขอโทษชายร่างอ้วนที่กำลังเอะอะโวยวายแสดงอำนาจบาตรใหญ่
“คราวหน้าพวกเราจะเตรียมสีชาดมาให้คุณชายหลินโดยเฉพาะเลยนะเจ้าคะ ขอคุณชายอย่าได้ถือโทษโกรธพวกเรายายหลานเลย” ยายปายังคงก้มวิงวอนขอความเห็นใจ
“ไม่ได้ น้องหลิงหลงของข้าต้องการสีชาดวันนี้ ข้าก็ต้องได้วันนี้ หากขายหมดแล้ว พวกเจ้าก็ไปเอาคืนมา ไหนผู้ใดซื้อสีชาดจากยายเฒ่านี่ไปบ้าง” ชายร่างอ้วนที่ยายปาเรียกว่าคุณชายหลินชี้นิ้วกราดไปทั่วจนผู้คนหลบลี้หนีหน้าแทบไม่ทัน
“ไม่มีผู้ใดยอมรับเช่นนั้นหรือ ในเมื่อไม่มีผู้ใดออกมาช่วยเจ้า ก็ถือว่าเป็นคราวเคราะห์ของเจ้าก็แล้วกันนะยายเฒ่า พวกเราพังแผงยายเฒ่านี่แล้วจับโยนออกไปนอกตลาดทั้งสองคนอย่าให้กลับมาขายของที่นี่อีก” ชายร่างอ้วนสั่งการลูกน้องที่เดินตามมาเสียงดังอย่างแสดงอำนาจ
โดยที่ไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาห้ามปราม ชายหนุ่ม4-5คนที่ตามหลังคุณชายหลินมาก็เข้ามาดึงกระชากผ้าที่พวกนางปูขายของออกโยนทิ้งไปอย่างไม่ไยดีและกระทืบข้าวของซ้ำ หยิบข้าวของเครื่องใช้ของพวกเราออกไปโยนทิ้งขว้างอย่างไม่ใส่ใจ เมื่อสมใจแล้วก็หันมาฉุดกระชากพวกนางสองคนดึงให้เดินออกไปนอกเขตตลาดอย่างไม่ปรานีจนยายปาล้มลุกคลุกคลาน ฉันรีบปล่อยมือจากผ้าที่ดึงปิดใบหน้าเอาไว้แล้ววิ่งไปช่วยไม่ให้ชายพวกนั้นลงไม้ลงมือกับยายเฒ่า
“อย่านะ...อย่าทำยาย” ฉันตะโกนจนสุดเสียงขณะที่พยายามใช้ตัวเองบังตัวยายปาเอาไว้
“เดี๋ยวๆๆๆ” เสียงชายร่างอ้วนที่เดินตามมา ห้ามลูกน้องตัวเอง
“ไหนเงยหน้าขึ้นสิ” เขาเดินมาจับหน้าฉันเงยขึ้นอย่างแรงจนเจ็บระบมไปหมด
“อืม...หน้าตาพอใช้ได้นี่ เสียแต่ดูดำคล้ำไปหน่อย”
“ปล่อยคนของข้าเดี๋ยวนี้” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจากด้านหลังพร้อมฝูงคนที่แหวกออกสองข้างทาง
ฉันมองไปเห็นชายหนุ่มร่างใหญ่เดินตรงมาพร้อมลูกน้องอีกสองคน
วันนี้เป็นวันอะไรกันนี่ ทำไมมีแต่คนมีอำนาจมาแสดงศักดากันอยู่ที่นี่
ฉันคิดขณะที่สองมือได้แต่โอบกอดยายเฒ่าที่เอาแต่ร้องไห้เอาไว้
“บังอาจ ผู้ใดกล้ามาออกคำสั่งกับข้า” ชายร่างอ้วนปล่อยหน้าฉันจนสะบัดอย่างแรงแล้วเดินอาดๆไปหาเรื่องชายผู้มาใหม่ทันที
“ข้าเอง” ชายผู้มาใหม่เดินใกล้เข้ามาจนเห็นใบหน้าชัดเจน
จางซีเว่ย เขาเองหรือ
ชายร่างอ้วนเปลี่ยนท่าทีเป็นนอบน้อมทันทีที่เห็นหน้าของผู้มาใหม่ชัดเจน
“นึกว่าผู้ใด ที่แท้ท่านแม่ทัพจางนี่เอง แหะ แหะ แหะ”
แม่ทัพจาง นี่เขาเป็นถึงแม่ทัพเชียวหรือ
ฉันคิดอย่างตกใจ
“สองยายหลานนี่เป็นคนของท่านหรือขอรับ” ชายร่างอ้วนรีบเอ่ยปากถาม
“ใช่ เป็นคนของข้าเอง ข้ากำลังจะมารับพวกเขาก็เห็นเจ้ากำลังสั่งให้คนทำร้ายพวกเขาอยู่” จางซีเว่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่สายตาแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก
“หามิได้ หามิได้ เข้าใจผิดกันน่ะขอรับ เฮ้ย...รีบปล่อยพวกนาง” ชายร่างอ้วนรีบตะโกนสั่งลูกน้อง ก่อนจะหันมาโค้งขอโทษให้พวกเราผิดกับท่าทางเมื่อสักครู่ราวฟ้ากับเหว
“ข้าขอโทษท่านยายและแม่นางน้อยด้วย พวกเราเพียงเข้าใจผิดกันเท่านั้น อย่าถือสาหาความข้าเลยนะ แหะ แหะ แหะ” เขาหัวเราะแก้เก้อก่อนที่จะรีบสั่งให้ลูกน้องสลายตัวไป
“ไม่มีอันใดแล้ว ข้าขอตัวนะขอรับ” พูดจบก็รีบวิ่งหลบหายไปจนฉันแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่าจะมีคนหลบหนีได้ไวถึงปานนี้
จางซีเว่ยเดินเข้ามาช่วยพยุงยายเฒ่าขึ้นมา โดยที่ฉันค่อยๆลุกขึ้นมาช่วยพยุงอีกข้าง
“เจ็บหรือไม่ท่านยาย” เขาถามเสียงอ่อนโยน
“ไม่เจ็บ ไม่เจ็บ ขอบคุณท่านมาก” ยายปารีบบอกเพราะยังตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
“พวกเราไปนั่งพักกันด้านนั้นเถอะ” จางซีเว่ยพยุงกึ่งประคองยายปาให้เดินไปจนถึงร้านน้ำชาใกล้เคียง
“ให้หมอตรวจดูสักนิดดีหรือไม่ ท่านยายอายุมากแล้ว เผื่อมีอันใดจะได้รีบรักษา” เขาเสนอความคิดซึ่งฉันก็เห็นด้วย แต่ยายปารีบปฏิเสธ
“ไม่ต้อง ยายกลับไปทายาเองเพียงไม่นานก็หาย” ยายเฒ่าโบกไม้โบกมือไม่ยอมท่าเดียว
“เอาเถอะ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปส่งท่านยายกับอาอิงเองก็แล้วกัน” เขาเสนอพร้อมกับสั่งให้คนไปแจ้งเกวียนที่เราอาศัยมาว่าพวกเรากลับกันก่อนแล้ว
ฉันพยุงยายปาไปขึ้นรถม้าที่เขานำมาจอดไว้ไม่ไกล โดยมีชายหนุ่มช่วยประคองและนั่งไปด้วยกัน
พวกเรานั่งเงียบๆต่างคนต่างคิดกันอยู่พักหนึ่ง
จนในที่สุด จางซีเว่ยก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา
“พวกท่านขาดแคลนเงินทองหรือจึงต้องไปขายของเช่นนั้น ข้าเคยบอกไว้แล้วว่าหากขาดเหลือสิ่งใดให้มาบอกข้าได้”
“ยายไม่ได้ขาดเงินทอง ถุงเงินที่ท่านให้เอาไว้ก็ยังอยู่ เพียงแต่นี่เป็นอาชีพของพวกเรา พวกเราเพียงแต่ทำมาหากินก็เท่านั้น” ยายปาเอ่ยตอบด้วยความนอบน้อมหลังจากที่ได้รับรู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีตำแหน่งเป็นถึงท่านแม่ทัพ
“ท่านยายไม่ต้องเกรงใจกับข้าถึงเพียงนี้หรอก พวกเราคนกันเอง หากขาดเหลือสิ่งใดรีบมาแจ้งกับข้าได้ทันที” เขายังคงพยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือ
คราวนี้ยายปาเงียบเสียงเพราะไม่รู้ว่าจะตอบอย่างใดดีจึงจะไม่สร้างความขุ่นข้องหมองใจกัน พวกนางเป็นเพียงชาวบ้านร้านตลาด ไม่คุ้นเคยกับการเข้าหาผู้ใหญ่หรือเจ้านาย จึงไม่รู้จะวางตัวอย่างไรให้ถูกต้อง
ทั้งสามคนนั่งเงียบกันไปตลอดทาง จนถึงกระท่อมน้อยของยายปา จางซีเว่ยอุ้มยายเฒ่าลงมาและเดินไปส่งถึงที่เตียงในคราวเดียว โดยไม่ลืมสั่งว่าให้ไปหาเขาที่จวนแม่ทัพได้ตลอดเวลา
คราวนี้เขาหยิบป้ายไม้เล็กๆอันหนึ่งมายื่นให้ด้วย และบอกว่านี่เป็นป้ายสัญลักษณ์ของเขา หากมีสิ่งใดเกิดขึ้นให้นำมันออกมาแสดงได้ รวมทั้งใช้ยื่นที่หน้าประตูจวนเพื่อแสดงความประสงค์ขอพบเขาได้เช่นกัน
ฉันรับป้ายไม้เอาไว้ด้วยความหนักใจ เพราะใจจริงไม่อยากคบค้าสมาคมกับคนมีตำแหน่งเหล่านี้ ด้วยไม่รู้ว่าอาจจะมีใครจดจำได้ว่าฉันคือองค์หญิงสิบเก้าที่หายตัวไปและสุดท้ายก็ต้องเดือดร้อนวุ่นวายอีก
