บท
ตั้งค่า

ตอนที่สี่ เก็บชายหนุ่มได้

เมื่อกลับถึงบ้าน พวกเราทำอาหารง่ายๆกินกันก่อนจะแยกตัวไปอาบน้ำ ฉันให้สบู่ยายปาเอาไว้ใช้หนึ่งก้อนซึ่งแรกๆยายก็ไม่ยอมใช้ แต่เมื่อได้กลิ่นหอมจากตัวฉันอยู่บ่อยๆ จึงยอมใช้จนเริ่มติดใจในความสะอาดนุ่มหอม

พวกเรานั่งคุยเล่นกันก่อนนอนด้วยความสุขใจที่ต่างคนต่างขายของได้เงินมา ฉันสังเกตเห็นยายปาทุบขาทุบไหล่ตัวเองอยู่พักหนึ่งจึงคิดได้ว่าวันนี้นั่งเกวียนโยกไปตั้งนาน ยายน่าจะปวดเมื่อยเนื้อตัวอยู่บ้างล่ะ

“ข้านวดให้ยายดีหรือไม่เจ้าคะ” ฉันเสนอตัวขยับไปยืนด้านหลังแล้วลงมือบีบนวดให้ยายตามที่ได้เรียนมา

ยายปาหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มจนหัวผงกหลับไปคาเก้าอี้ ฉันจึงพยุงยายให้ลงนอนบนที่นอน

เฮ้อ...โชคดีที่วิชานวดบำบัดนี้ตั้งอกตั้งใจฝึกฝนจนได้เกรดเอ อาจารย์ผู้สอนก็แสนตั้งใจทั้งเคี่ยวทั้งเข็ญให้ทุกคนทำตามและจดจำจนฉันนำมาใช้ได้เป็นอย่างดี

คืนนั้นฉันนอนหลับสนิทอย่างอารมณ์ดี

เมื่อต้องทำสบู่เพิ่มมากขึ้น ฉันจึงต้องไล่เก็บพืชสมุนไพรและดอกไม้หอมมากขึ้น จนรอบบ้านไม่เพียงพอ จึงต้องเดินไล่เก็บไปเรื่อยๆและห่างไกลบ้านไปมาก แรกๆฉันต้องทำสัญลักษณ์ไว้ตามต้นไม้เพราะกลัวหลงทาง แต่เพียงไม่นานฉันก็สามารถเดินไปมาได้ในรัศมีที่ไกลมากขึ้นจนถึงริมน้ำที่ยายปาบอกว่าพบฉันครั้งแรก

ฉันหยุดยืนมองรอบข้างเพื่อหาร่องรอยอื่นใดที่อาจมีหลงเหลือทิ้งไว้ ยายปาบอกว่าวันที่พบฉัน ฉันนอนคว่ำหน้าอยู่ริมน้ำคนเดียวตัวซีดเซียวเพราะแช่น้ำอยู่นาน โดยไม่มีเครื่องประดับหรือสิ่งของใดๆอยู่กับตัวทั้งสิ้น อาจจะเพราะโดนน้ำพัดหลุดออกไประหว่างทางหมดแล้ว หรืออาจจะโดนพวกโจรดึงออกไปตั้งแต่แรก

ฉันลองเดินสำรวจไล่ไปเรื่อยๆพร้อมกับเก็บสมุนไพรไปด้วยจนได้ยินเสียงแปลกๆ

เอ๊ะ...มีใครอยู่อย่างนั้นหรือ

คราวนี้ฉันค่อยๆย่องเงียบๆ ไปในทิศทางที่ได้ยินเสียงนั้นจนเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งนอนพิงต้นไม้อยู่ ท่าทางเขาเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ

ฉันสองจิตสองใจว่าจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆหรือจะวิ่งหนีไปดี

แล้วความรู้สึกด้านดีในจิตใจก็ชนะ เพราะคิดถึงว่ายายปาที่เป็นคนอื่นเมื่อเห็นฉันนอนใกล้ตายอยู่ริมน้ำก็ยังช่วยเหลือจนรอดชีวิต ดังนั้นฉันก็ควรทำเหมือนอย่างยายลองเข้าไปดูเขาว่าเป็นอย่างไรบ้าง

ฉันย่องเข้าไปใกล้จนเห็นว่าชายหนุ่มนอนหลับตาอยู่โดยไม่ขยับตัว จึงทำใจกล้าเดินเข้าไปใกล้อีก มีเลือดไหลออกมาจนเห็นได้ชัดตรงช่วงไหล่ซ้าย ท่าทางเขาน่าจะหมดสติอยู่ แต่ตัวเขาใหญ่มาก ฉันคงไม่สามารถเคลื่อนย้ายเขาไปที่ไหนได้ จึงตัดสินใจเดินกลับไปบอกยายปาที่บ้าน

ยายเฒ่ากับฉันเดินตามกันมาจนถึงจุดที่พบชายหนุ่ม เขายังคงนอนอยู่ที่เดิม ดวงตาปิดสนิท ยายปาเดินเข้าไปลองปลุกแต่เขาไม่ขยับตัวเลย พวกเราจึงตัดสินใจพยุงเขาคนละข้างเดินอย่างทุลักทุเลกลับมาที่กระท่อม

ยายปาถอดเสื้อเขาออกจึงได้เห็นว่าเขามีบาดแผลคล้ายโดนของแหลมแทงอยู่ช่วงไหล่ซ้ายจนเลือดอาบไปทั่ว แผลมีสีดำคล้ำจนน่ากลัว ยายใช้ผ้าสะอาดเช็ดเลือดออก ส่วนฉันตัดสินใจเดินออกไปต้มน้ำร้อนเพื่อใช้ฆ่าเชื้อและทำความสะอาดบาดแผล

“แผลน่าจะโดนธนูแต่เขาคงดึงธนูออกแล้ว แต่มีสีดำคล้ำขนาดนั้นยายคิดว่าธนูน่าจะมีพิษด้วย” ยายปาบอกขณะที่นำสมุนไพรพื้นบ้านมาตำโป๊ะลงไปบนแผลเพื่อห้ามเลือด

“เจ้าพันผ้าสะอาดให้เขาหน่อย เมื่อเลือดหยุดแล้วค่อยใช้สมุนไพรห้ามพิษอีกที” ยายปาส่งผ้าสะอาดที่พวกเราเพิ่งซื้อกันมา และต้องเสียสละผ้าใหม่เหล่านี้เพื่อพันแผลให้เขา

ฉันคิดถึงคำสอนของอาจารย์แผนจีนเกี่ยวกับการฝังเข็มที่ได้เรียนมา คณะที่ฉันเรียนเป็นคณะที่รวมการแพทย์ทางเลือกไว้หลายรูปแบบฉันจึงมีโอกาสได้เรียนหลายวิชาที่มีประโยชน์มาก อาจารย์เคยสอนว่าการฝังเข็มช่วยหยุดเลือดได้ แต่ฉันก็ไม่กล้าฝังเข็มคนจริงๆ เพราะช่วงที่เรียนได้แต่ฝังหุ่นตุ๊กตาเท่านั้น จึงได้แต่มองหาจุดต่างๆตามที่นึกได้เผื่อเอาไว้เท่านั้น

ชายหนุ่มนอนนิ่งไม่เคลื่อนไหว พวกเราจึงปล่อยเขาเอาไว้ที่ห้องเก็บฟืน แล้วออกไปทำงานอื่นกันจนเย็น

ยายปาต้มยาห้ามเลือดและยาห้ามพิษทั่วไปให้เขา โดยที่ฉันพยายามป้อนอย่างเชื่องช้า เพราะชายหนุ่มยังคงหมดสติอยู่ ฉันเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาและเปลี่ยนยาเป็นยาสมานแผลและยาห้ามพิษทั่วไป เลือดเขาหยุดไหลแล้ว แต่เขามีอาการตัวร้อนและไข้ขึ้นสูง

ยายปาบอกว่าคงต้องเช็ดตัวลดความร้อนให้เขา ฉันจึงรับอาสาอยู่เช็ดตัวให้เพราะเป็นคนชักนำเขามา อีกอย่างยายก็อายุมากแล้วไม่ควรอดนอนมากนัก

แต่เพียงไม่นานฉันก็ค่อยๆเลื้อยลงไปนอนพิงกองฟืนด้วยความง่วงงุนหลังจากเช็ดตัวจนร่างกายเขาค่อยๆเย็นลง

“ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง” เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นในห้องเก็บฟืน

“ชูว์ เบาหน่อย นางยังหลับอยู่” ชายหนุ่มที่นอนพิงกองฟืนบาดเจ็บอยู่ส่งเสียงห้ามชายผู้มาใหม่

“ข้าขออภัยที่มาช้า” ชายผู้มาใหม่โค้งขอโทษ

“ไม่เป็นไร โชคดีที่ได้นางและยายเฒ่าอีกคนช่วยเอาไว้ ข้าประมาทพวกมันไปหน่อย ธนูมีพิษ พวกนางได้แต่ห้ามเลือดและสมานแผลให้แต่ไม่สามารถถอนพิษได้ เจ้าไปหายาถอนพิษมาด้วย” ชายหนุ่มที่บาดเจ็บสั่งการ

“ข้าพาท่านแม่ทัพกลับจวนดีกว่าหรือไม่” ชายผู้มาใหม่ขยับตัวเพื่อจะเข้ามาช่วยพยุงชายผู้บาดเจ็บ

“ไม่ต้อง ข้ารักษาตัวอยู่ที่นี่ดีแล้ว คงไม่มีผู้ใดคาดคิด เจ้าไปหายาถอนพิษมาก็พอ” ชายผู้บาดเจ็บสั่งการ

“อ้อ...ส่งคนมาคุ้มครองข้าห่างๆด้วย”

ชายผู้มาใหม่รับคำสั่งโดยไม่กล้าอิดออดแล้วรีบกระโจนออกไป

เสียงใครพูดอะไรกัน ฉันงัวเงียตื่นขึ้นมามองรอบข้าง

ไม่เห็นมีใคร สงสัยคิดมากไปเอง

ฉันจับตัวของชายหนุ่มที่นอนพิงกองฟืนอยู่ข้างๆ

อืม...ตัวเย็นลงแล้ว เดี๋ยวเช็ดอีกสักรอบแล้วไปนอนก็แล้วกัน ไม่ไหวแล้ว ง่วงมาก

ชายหนุ่มนอนไม่ได้สติอยู่ถึงสามวันสามคืน โดยที่ฉันคอยดูแลเช็ดตัวและป้อนน้ำข้าวป้อนยาให้ จนแทบไม่มีเวลาทำสบู่

ส่วนยายปาก็ต้องออกไปเก็บยาสมุนไพรเพื่อใช้รักษาที่เชิงเขาซึ่งไกลออกไป แต่ยังดีที่ถือโอกาสเก็บสมุนไพรมาเตรียมขายที่ตลาดได้ด้วย

จนเช้าวันที่สี่ ชายหนุ่มจึงลืมตาตื่นขึ้นมา

“ท่านตื่นแล้ว” ฉันตะโกนอย่างดีใจ รีบวิ่งไปบอกยายปา

“เป็นอย่างไรบ้างเล่าพ่อหนุ่ม” ยายเฒ่าเอ่ยถามประโยคแรก

“ยังเจ็บแผลอยู่บ้างขอรับ” ชายหนุ่มตอบเสียงเบา

“อย่าเพิ่งขยับเลย แผลค่อนข้างใหญ่คงต้องใช้เวลา แต่พิษน่าจะดีขึ้นแล้วเพราะสีไม่ดำคล้ำ ข้าเป็นเพียงชาวบ้านรักษาตามมีตามเกิดได้เท่านี้แหละ” ยายปารีบพูดขึ้นเพราะสังเกตเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาเพราะเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายดูดีมีราคากว่าชาวบ้านทั่วไปมากนัก คล้ายๆกับนังหนูที่เป็นหลานกำมะลอของนาง ยามเมื่อพบเจอคราแรกนางก็ใส่ชุดหรูหราดั่งผู้รากมากดี

“เพียงเท่านี้ข้าก็ขอบคุณท่านยายกับแม่นางน้อยที่ช่วยชีวิตข้าไว้” ชายหนุ่มพูดขอบคุณด้วยใจจริง

“พ่อหนุ่มจะส่งข่าวบอกผู้ใดหรือไม่เล่า ข้าจะได้ช่วย” ยายปาเสนอตัวเพราะไม่อยากให้เขาอยู่นานนัก

“ข้าส่งข่าวไปแล้วก่อนที่จะสลบไป พวกเขาน่าจะหาข้าพบในอีกไม่กี่วัน” ชายหนุ่มพูดเป็นปกติ

แต่ยายปาฟังแล้วถึงกับสะดุ้งตกใจเพราะกังวลว่าจะหาเรื่องใส่ตัว

“ยายไม่ต้องกังวล พวกข้าเป็นคนดีมิใช่โจรผู้ร้าย ไม่มีอันตรายใดแน่นอน” ชายหนุ่มรีบพูดเมื่อเห็นท่าทางวุ่นวายใจของผู้มีพระคุณ

ยายปาหันไปมองใบหน้างดงามของหลานสาวกำมะลอ ยามอยู่บ้านนางจะไม่ปกปิดใบหน้าจึงเผยความงดงามออกมาอย่างเห็นได้ชัด เมื่อครู่ชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งตัว นางจึงยังมิทันได้กลบเกลื่อนความงาม ซึ่งชายหนุ่มน่าจะเห็นแล้ว ยามนี้สายตาของเขาจึงได้มองหญิงสาวอย่างจดจ้อง

ทำอย่างไรดีเล่า อุตส่าห์หลบอยู่แต่ในบ้านไม่ให้ผู้ใดพบเห็น กลับชักนำปัญหาเข้ามาจนได้

เมื่อฉันเห็นสายตาของชายหนุ่มที่มองจ้องมาประกอบกับสายตากังวลใจของยายปาจึงเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้ทาสีบนใบหน้า ซึ่งเขาน่าจะเห็นหน้าจริงหน้าสดที่สวยงามของว่านเฟยอิงแล้ว

ฉันรีบเดินออกมาด้วยความไม่สบายใจ

ทำอย่างไรดีล่ะ หวังว่าคงไม่มีเรื่องราวให้เดือดร้อนนะ อุตส่าห์หวังดีช่วยเหลือแท้ๆ

ชายหนุ่มคงจับความรู้สึกไม่สบายใจและความกังวลของพวกเราสองคนได้จึงรีบพูดขอบคุณมากขึ้น และขอตัวนอนพักผ่อนเพื่อตัดการพูดคุยไม่ให้ต่างฝ่ายต่างกระอักกระอ่วนใจ

ยายปาเดินออกมาสั่งฉันไว้ว่าหากมีผู้คนอื่นเข้ามาในช่วงนี้ให้ฉันหลบหน้าไป อย่าได้ออกมา หรือให้ทาหน้ากลบเกลื่อนความผุดผ่องเอาไว้ ฉันรีบรับปากด้วยว่าคิดเหมือนกัน

เพียงสองวันต่อมา ก็มีกลุ่มชายหนุ่ม4คนเดินเข้ามาเงียบๆระหว่างที่ฉันกับยายปากำลังทำกับข้าวกันอยู่ โชคดีที่ฉันทาใบหน้ากลบเกลื่อนเอาไว้แล้ว พวกเขานำรถม้ามาคันหนึ่งเพื่อขนย้ายชายหนุ่มที่บาดเจ็บกลับไป

“ขอบคุณท่านยายและแม่นางน้อยมากนัก บุญคุณช่วยชีวิตนี้ข้าจะไม่มีวันลืม หากต้องการให้ข้าช่วยเหลือสิ่งใด สามารถไปบอกข้าได้ที่ในเมืองถามหาบ้านของจางซีเว่ย หรือเพื่อนข้าคนนี้ที่ชื่อลู่หานได้ ข้าจะให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่” ชายหนุ่มแนะนำตัวเองและชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ

“ว่าแต่ท่านยายชื่อใดหรือ ข้าจะได้จดจำไว้”

“ยายชื่อ’ว่านปา’ ส่วนนังหนูหลานยายนี่ชื่อ’ว่านเฟยอิง’” ยายปาแนะนำตัวเนื่องจากหลายวันที่ผ่านมายังไม่ได้พูดคุยกันจริงจังจึงยังไม่ได้แม้แต่จะแนะนำชื่อเสียงของกันและกัน

“นี่คือน้ำใจเล็กน้อย ขอท่านยายรับไว้ด้วยอย่าได้เกรงใจ”

จางซีเว่ยยัดถุงเงินหนาหนักใส่มือของยายปาโดยกำมือยายเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“นี่มันมากเกินไปนะพ่อหนุ่ม” ยายปาปฏิเสธตามมารยาท

“ไม่มากเกินชีวิตของข้าแน่นอน ท่านยายรับไว้เถอะ”

อืม...เขาก็พูดถูกนะ เงินมากแค่ไหนก็ซื้อชีวิตเขาไม่ได้หรอก

ยายปารับถุงเงินหนาหนักนั้นไว้อย่างเกรงใจ

จนเมื่อพวกเขาเคลื่อนขบวนกันกลับไป พวกเราสองคนจึงได้ถอนหายใจกันอย่างโล่งอก

“ข้าขอโทษ ไม่น่าวิ่งมาเรียกยายไปช่วยเขาจนต้องเคร่งเครียดถึงเพียงนี้เลย” ฉันรีบพูดขึ้นมาก่อน

“ไม่ต้องขอโทษหรอก หากเป็นยายพบเจอ ยายก็คงช่วยเขาเช่นกัน เอาเถอะ ไม่มีเรื่องใดแล้วล่ะ ท่าทางเขาก็เป็นคนดี คงไม่ชักนำเภทภัยมาให้พวกเรากระมัง” ยายปาปลอบใจ

พวกเราแยกย้ายกันไปทำงานได้สักที ฉันนำสมุนไพรที่เก็บมาตากแห้งอย่างดีมาตำผสมกับดอกไม้หอมเพื่อนำมาทำสบู่ออกขายในครั้งต่อไป เพราะมัวแต่วุ่นวายกับชายหนุ่มที่ชื่อจางซีเว่ย พวกเราจึงเตรียมของออกไปขายไม่ทันในวันพรุ่งนี้ คงต้องรอเข้าเมืองในครั้งต่อไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel