ตอนที่สาม จากองค์หญิงสู่แม่ค้า
ใกล้ครบหนึ่งเดือนที่ฉันฟื้นขึ้นมาในร่างของ’ยงเฟยอิง’ หรือองค์หญิงสิบเก้าแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าฉันจะกลับไปยังร่างเดิมของนภาสินีได้ ทั้งที่ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับการลุ้นระทึกทุกเช้าว่าฉันจะเป็นใคร แต่ก็พบว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ไม่มีสัญญาณใดใดของการทวงคืนร่างจากองค์หญิงน้อยนางนี้
วิญญาณของนางไปที่ไหนกันแน่นะ แล้วร่างของฉันตอนเป็นนภาสินีอยู่ที่ไหนแล้ว
เมื่อยังคงตื่นมาด้วยร่างงดงามร่างเดิม ฉันจึงต้องคิดวางแผนที่จะใช้ชีวิตอยู่ในยุคสมัยนี้ให้ดียิ่งขึ้น
หลังจากพูดคุยกับยายปามาหลายวัน ยายเล่าว่านางแต่งงานมาอยู่ที่หมู่บ้านชายป่านี้ตั้งแต่ยังสาว โดยตาเฒ่าอยู่ที่นี่มาตั้งแต่รุ่นทวด อาศัยปลูกผักขุดมันหากินกันไปตามประสา และปลูกสมุนไพรนำออกไปขายที่ตลาดในเมืองเพื่อยังชีพ
มิน่าล่ะ สวนสมุนไพรถึงได้ล้อมรอบบ้าน
ในยามที่ตาเฒ่ายังมีชีวิตอยู่ก็มีออกไปหาของป่าและสมุนไพรหายากไปขายบ้างพอได้เบี้ยอัฐมาเป็นกอบเป็นกำ
ส่วนวันนั้นที่ยายปาไปเจอฉันที่ริมน้ำก็เพราะว่ายายเดินไปเก็บพืชสมุนไพรที่ขึ้นตามริมฝั่งจนไปเจอฉันโดยบังเอิญ เพราะริมน้ำฝั่งนั้นก็ไกลจากบ้านของยายพอสมควร
ในเมื่อยายปาหารายได้ด้วยการขายพืชสมุนไพรอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะลองนำพืชสมุนไพรที่มีมาแปรรูปทำขายตามความถนัดเดิมที่นภาสินีมีอยู่ก็แล้วกัน
ฉันลองเดินสำรวจพืชสมุนไพรหลากชนิดรอบบ้าน
อืม...มีหลายอย่างที่ใช้งานได้ นึกถึงตอนเรียนเรื่องสมุนไพรโบราณ ต้องขอบคุณอาจารย์วิชานี้ที่เคี่ยวเข็ญให้ท่องจำจนนำมาใช้ประโยชน์ได้
อย่างแรกที่ฉันอยากทำขึ้นใช้เองก็คือสบู่ จากการอาบน้ำมาหลายวันพบว่ายายปาไม่มีสบู่หรือสิ่งใดใช้อาบน้ำเลย ยายเล่าว่าพวกเขาเพียงอาบน้ำโดนใช้น้ำลูบไล้เนื้อตัว อย่างมากก็ใช้น้ำข้าวลูบไล้ก่อนเท่านั้น ฉันจึงคิดว่าจะลองทำสบู่มาลองใช้ดู หากใช้ได้ดีอาจจะลองทำมาขายด้วย
นึกถึงช่วงที่กำลังเรียนอยู่ ฉันก็เคยลองทำสบู่ขายเล่นๆอยู่พักหนึ่ง ขายได้ดีทีเดียว ฉันจึงลองเอ่ยชวนยายปาให้มาลองทำกัน
“เจ้าอยากลองทำสิ่งใดก็ทำเถอะ ยายไม่ว่าหรอก แต่ยายคงช่วยไม่ได้มาก” ยายปารีบออกตัว เพราะนางไม่ค่อยเข้าใจในคำพูดที่สาวน้อยนางนี้พูดมานัก มีคำแปลกๆในนั้นมากมายซึ่งนางคิดว่าน่าจะเป็นศัพท์ของชนชั้นสูง ชาวบ้านอย่างนางไม่สามารถเข้าใจได้
ฉันเริ่มต้นลองกวนสบู่เองโดยทดลองเปลี่ยนสูตรไปเรื่อยๆจากวัตถุดิบที่หาเก็บได้รอบบ้าน จนมาลงตัวที่สบู่ถั่วเหลืองผสมสมุนไพรและน้ำข้าว หลังจากทดลองอาบหลายครั้งรู้สึกได้ว่าสะอาดดี ผิวก็นุ่มนวลจากน้ำข้าว จึงทดลองเพิ่มน้ำมันและกลิ่นดอกไม้หอมเข้าไป จนได้เป็นสบู่หอมที่อาบสะอาดและนุ่มเนียนด้วย
ฉันเทใส่ถาดเป็นก้อนใหญ่แล้วจึงตัดซอยเป็นก้อนเล็กๆ ให้ยายปาลองใช้ดู ยายชอบมากชมว่าหอมและนุ่มดี ฉันจึงเสนอให้ยายนำไปขายที่ตลาดในตัวเมืองพร้อมกับที่ยายจะนำสมุนไพรไปขาย
“เจ้าไปขายด้วยกันดีหรือไม่เล่า ลำพังยายคงขายได้ไม่ดีนักเพราะยายไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร” ยายปาเอ่ยชวนด้วยท่าทางลำบากใจ แต่ไม่อยากปฏิเสธเพราะเห็นว่าฉันตั้งใจทำอยู่หลายวัน
“ได้เจ้าค่ะ ข้าจะเข้าไปในเมืองกับยายด้วย” หลังจากที่ตกลงเป็นยายหลานกันแล้ว พวกเราก็สนิทสนมกันมากขึ้นจึงกล้าที่จะพูดคุยกันตรงๆ
“ข้าจะไปขอติดเกวียนของผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาน่าจะเข้าเมืองกันอีกสักสองวัน แต่เจ้าคงต้องแต่งกายให้มิดชิด ปกปิดใบหน้าสักหน่อย ใบหน้าเจ้างดงามถึงเพียงนี้ ยายเกรงว่าจะสร้างปัญหาได้” ยายปารู้สึกกังวลพลางคิดว่าไม่น่าเอ่ยชวนเลย พอนางจะไปจริงๆก็เริ่มวิตก
ฉันเข้าใจความวิตกกังวลของยาย จึงคิดหาทางปกปิดใบหน้านี้ด้วยวิธีในสมัยที่ฉันจากมา
“ข้าจะทาหน้าให้ไม่โดดเด่น ยายไม่ต้องกังวลนะเจ้าคะ”
หลังจากนั้นฉันจึงใช้เวลาทำสบู่หอมดอกไม้ออกมาอีกหลายก้อนเพื่อไปลองขายดู และยังลองเอาโคลนนุ่มจากร่องน้ำมาร่อนตากให้เป็นแป้งเพื่อใช้ทาหน้ากลบความขาวเนียน
เมื่อได้วันเวลาที่จะเข้าเมือง ฉันทาหน้าด้วยแป้งโคลนจนหน้าเทาคล้ำไปหมด มวยผมสลวยขึ้นไปเก็บ สวมเสื้อผ้าตัวหลวมโคร่ง และใช้ผ้าพันปิดใบหน้าอีกรอบ จนยายปาเห็นแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ
เกวียนใช้เวลาถึงหนึ่งชั่วยามกว่าจะถึงตลาดในเมือง ฉันนั่งโยกจนปวดเมื่อยไปหมด มิน่าล่ะ คนในหมู่บ้านถึงเข้าเมืองกันนานๆครั้ง
คราวนี้มีคนขอติดเกวียนออกมา5คน รวมบุตรชายของผู้ใหญ่บ้านที่เป็นคนขับเกวียนก็เป็น6คน พวกเขาส่วนใหญ่นำของป่าออกมาขายและหาซื้อของกลับไปใช้ในครัวเรือน มีเพียงบุตรชายของผู้ใหญ่บ้านซึ่งมาติดต่อทางการ จึงแยกตัวออกไปก่อน ก่อนเดินออกไปสายตาเขาจับจ้องที่หน้าของว่านเฟยอิงอย่างไม่คลาดสายตา จนฉันต้องขยับผ้าคลุมปิดให้มิดชิดกว่าเดิม
เฮ้อ...ร่างนี้สวยสะดุดตาเกินไป
พวกเราอีก5คนเดินนำข้าวของที่จะมาขายไปทางตลาดที่มีผู้คนจับจ่ายกันอยู่ประปราย ยายปาเดินนำไปยังริมทางเดินที่มีผู้คนเดินกันอยู่บ้างแล้วจัดแจงปูผ้าข้างทางเดิน จัดวางสมุนไพรเรียงแยกชนิดกัน
“เจ้านำของที่จะมาขายวางเรียงข้างๆนี่ก็แล้วกัน” ยายปาชี้ตรงที่ข้างๆที่เหลือเอาไว้ให้ฉันวางสบู่อย่างใจดี
ฉันค่อยๆหยิบก้อนสบู่ออกมาวางเรียงอย่างสวยงาม
“แล้วเจ้าจะขายเท่าใดกัน” ยายปาถามขึ้นมาอีก
เมื่อคืนฉันลองคำนวณต้นทุนดูแล้ว วัตถุดิบส่วนใหญ่เก็บจากรอบบ้าน มีเพียงน้ำมันและถั่วเหลืองที่ต้องซื้อมา ฉันจึงคิดคร่าวๆจากราคาที่ยายปาบอกไว้ได้ต้นทุนทั้งหมดเพียง4อีแปะ ฉันทำสบู่ได้ถึง20ก้อน
“ขายก้อนละหนึ่งอีแปะได้หรือไม่เจ้าคะ” ฉันลองถามยายปา
“ยายเองก็ไม่รู้เพราะไม่เคยซื้อหามาใช้ แต่ลองดูก่อนก็ได้ หากขายไม่ได้ค่อยมาว่ากันอีกที” ยายพูดไม่ให้กำลังใจกันเลย
ฉันนำโถใส่น้ำและผ้าแห้งมาวางข้างๆโดยมีใบหน้าที่ไม่ค่อยเข้าใจของยายปามองมา
ก็ในสมัยที่ฉันออกงานขายสินค้าในฐานะตัวแทนของมหาวิทยาลัย ฉันให้ลูกค้าได้ทดลองถูสบู่โดยใช้น้ำเทแบบนี้และเตรียมผ้าเช็ดให้ ดังนั้นฉันจึงคิดว่าหากอยากให้ลูกค้าทดลองให้เห็นภาพก็ต้องเตรียมน้ำและผ้ามาด้วย
ลูกค้าประจำของยายปาเดินตรงมาทันทีเมื่อเห็นยายจัดเรียงสมุนไพรจนเต็มผ้าที่ปูไว้
“โอ้ว...วันนี้มีสมุนไพรมามากเชียว ไหนดูสิมีอันใดบ้าง” ลูกค้าสาวใหญ่หยิบจับสมุนไพรหลากชนิดด้วยความสนใจ แต่ขณะที่สายตาสอดส่ายก็มองเห็นก้อนสบู่ที่วางเรียงแปลกตาอยู่ด้านข้าง
“แล้วนี่ก้อนอันใดรึยายปา” สาวใหญ่ถามขณะหยิบก้อนสบู่ขึ้นมาพลิกไปพลิกมา
ยายเฒ่ารีบพยักหน้าให้ฉันอธิบายเอง
“ก้อนนี้เรียกว่าก้อน’เฝยเจ้า’เจ้าค่ะ ใช้ทำความสะอาดร่างกายและใบหน้า มีกลิ่นหอมติดผิวด้วยนะเจ้าคะ” ฉันหยิบก้อนสบู่ขึ้นมาดมให้ลูกค้าลองดมตาม
“อืม...หอมดีจริงแล้วใช้อย่างไรหรือ” สาวใหญ่เริ่มสนใจ
ฉันเทน้ำลงไปที่มือของสาวใหญ่แล้วหยิบสบู่ถูลงไปเป็นการทดลองให้เห็นและสัมผัส สาวใหญ่ยืนให้ฉันถูมืออย่างเนิ่นนานจนเริ่มมีคนสนใจและมามุงดูว่าพวกเราทำอะไรกัน
“ถูไปมาเช่นนี้ยามอาบน้ำ ผิวก็จะสะอาด หอม นุ่มเนียน หรือหากไม่อยากอาบน้ำก็นำมาถูกับผ้าเปียกเช็ดถูได้แล้วนำผ้าสะอาดอีกผืนเช็ดออกเจ้าค่ะ” ฉันอธิบายเสร็จแล้วก็หยิบผ้ามาเช็ดให้ดู
ผู้คนเริ่มหยิบจับก้อนสบู่ที่วางอยู่ไปสูดดมต่อๆกัน เสียงชื่นชมความหอมดังต่อเนื่องมาให้ได้ยินจนฉันอดที่จะยิ้มด้วยความดีใจไม่ได้
“หลานข้าได้สูตรมาจากต่างเมืองเป็นสูตรลับที่ไม่มีผู้ใดรู้เชียวนา หากสนใจซื้อหาก็รีบตัดสินใจ มีเพียง20ก้อนเท่านั้น ก้อนละเพียง1อีแปะ หมดแล้วหมดเลย” ยายปาเห็นว่าผู้คนสนใจมากขึ้นจึงรีบป่าวประกาศเสียงดังเร่งให้คนตัดสินใจ
“โอ้...ตั้งหนึ่งอีแปะ แพงไปนายายปา” เสียงชายสูงวัยที่มายืนทีหลังเอ่ยขึ้น
“ไม่แพงหรอกตาคัง หลานข้าใช้เวลาทำตั้งหลายวัน มีทั้งน้ำมันและดอกไม้หอมอย่างดี เพียงหนึ่งอีแปะข้าว่าถูกไปเสียด้วย หากขายดี ไม่แน่คราวหน้าข้าจะขึ้นราคาแล้วนา” ยายปาได้ทีรีบขู่ชายสูงวัยที่เรียกชื่อว่าตาคัง พวกเขาคงอยู่ที่นี่กันมานานดูท่าว่าจะรู้จักกันเกือบทุกคน
“ข้าเอาสองก้อน”สาวใหญ่คนแรกที่ฉันลองถูสบู่ให้ตัดสินใจซื้อก่อนคนแรก คนอื่นๆที่ลังเลใจจึงเริ่มซื้อตาม รวมทั้งตาคังที่ถึงจะบ่นว่าแพงก็ยังตัดใจซื้อไปหนึ่งก้อน
ไม่นานสบู่ทั้ง19ก้อนก็หมดลง เหลือเพียงก้อนที่ฉันใช้ทดลองกับสาวใหญ่คนแรกที่ฉันเก็บเอาไว้ก่อน
“ได้ตั้ง19อีแปะแน่ะ ดีจริง”
ยายปายิ้มแย้มแสดงความยินดีกับฉันอย่างจริงใจ
“ยายขายเก่งมากเลยเจ้าค่ะ” ฉันชมยายปาเพราะหากไม่มียายคอยเร่ง คนคงยังไม่กล้าตัดสินใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ผู้คนแถวนี้ก็เช่นนี้แหละ ชอบแห่ตามกัน ของสิ่งใดยิ่งมีน้อยยิ่งแย่งกันซื้อ ดูอย่างสมุนไพรของยายสิ ยายนำมาอย่างละไม่กี่ต้นก็ขายหมด หากยายนำมามากกว่านี้ พวกเขาก็จะเกี่ยงงอนรอกันอยู่นั่นแล้ว”
แหม... ประสบการณ์สูงส่งมากเลยยายปาของฉัน
พวกเราใช้เวลาขายของเพียงไม่นาน จึงใช้เวลาที่เหลือไปเดินเลือกหาซื้อของกลับบ้านกัน ส่วนใหญ่ยายปาจะเลือกซื้อของที่เอาไว้ใช้ในครัว พวกน้ำตาล เกลือ ข้าวสาร น้ำมันและถั่วเหลืองสำหรับทำสบู่ของฉัน หลังจากนั้นจึงชวนฉันไปหาซื้อเสื้อผ้าของใช้ของหญิงสาว
“เจ้ามีเบี้ยแล้วควรหาซื้อของใช้จำเป็นส่วนตัวเองบ้าง” ยายปาเอ่ยบอก
ฉันเดินเลือกซื้อไปก็สำรวจตลาดของใช้ของหญิงสาวในสมัยนี้ไปด้วย มีเสื้อผ้าให้เลือกหลายแบบแต่ฉันเลือกแบบเรียบๆไปเพียงไม่กี่ตัว เพราะอยากแบ่งเงินเอาไว้เป็นต้นทุนให้มาก
ข้าวของส่วนใหญ่ที่หญิงสาวเลือกซื้อหายังคงเป็นเครื่องประทินโฉมเหมือนดั่งยุคสมัยใหม่ ที่เครื่องสำอางติดอันดับสินค้าขายดีตลอดกาล ฉันเลือกซื้อแป้งทาผิวสีเข้มมาสองกล่องเพื่อใช้แทนแป้งโคลน พลางหยิบจับดูของอื่นๆ
อืม...สีทาปากดูไม่ติดผิวสักเท่าไร สีทาแก้มก็แดงจัดจนน่ากลัว น่าทำออกมาขายบ้างจัง
ฉันเริ่มคิดมองหาสินค้าใหม่ๆเพื่อทำออกมาขายเพิ่ม โชคดีที่ฉันเรียนมาทางด้านนี้ถึงแม้ว่าวัตถุดิบในสมัยนี้จะแตกต่างกัน แต่หากลองดัดแปลงดูสักหน่อยก็น่าจะได้สินค้าที่ใช้ได้ดีเช่นกัน
จนได้เวลานัด พวกเราที่เดินทางมาพร้อมกันก็ไปรวมตัวที่เกวียนเพื่อนั่งโยกกลับบ้านกัน
