ตอนที่สอง ร้านชาเซียงซือ 1
ตอนที่สอง ร้านชาเซียงซือ 1
“พี่คงติดนิสัยกินไม่เลือก ทำไมคะ แค่มีรูให้เสียบ จะรูไหนก็เสียบได้ใช่ไหมคะ” ไข่มุกหันไปตะโกนถามแฟนหนุ่มด้วยความเจ็บใจ
“พี่ไม่ได้เป็นแบบนั้นนะมุก ก็มุกไม่ยอมพี่สักที มัวแต่เล่นตัวอยู่ได้ สมัยนี้คนเป็นแฟนกันคู่ไหนจะไม่เคยมีอะไรกันบ้าง พวกเราเป็นแฟนกันมาจะครบปีอยู่แล้ว มัวแต่หอมแก้มจูบปากนิดหน่อยแค่นั้น มันจะพอได้ยังไง”
“อ้อ...สรุปว่าพี่แม็กอยากได้แฟนเพื่อมาเอากันใช่ไหมคะ”
“ไม่ใช่แค่นั้น แต่เรื่องแบบนี้ก็ต้องมีอยู่แล้วทุกคู่ พี่ชวนมุกมานอนค้างด้วยกัน มุกก็ไม่ยอม”
“พี่แม็กก็เลยพาคนอื่นมานอนค้างแทน งั้นสิ” ไข่มุกย้อนถามด้วยความเจ็บใจที่ฝ่ายชายโทษว่าเป็นความผิดของเธอซะงั้น
“พวกเราเลิกกันค่ะ ส่วนพี่แม็กกับยัยเด็กนี่จะคบกันต่อ หรือจะเอากันต่อก็ตามสบาย” ร่างบางหมุนตัวออกมาจากที่ตรงนั้นอย่างตัดใจ
จากนั้นเธอก็พยายามตั้งสติขับรถจนมาถึงอาคารสำนักงานอันเป็นที่ตั้งของร้านชาแล้วทรุดตัวลงกับพื้นเปล่งเสียงร้องไห้อย่างไม่อาย
“ฮือ ฮือ โฮ โฮ”
“ไอ้ชั่ว มาหาว่าฉันไม่ยอมมันก็เลยต้องไปมั่วกับเด็กนั่น ข้ออ้างทุเรศๆแบบนี้พูดออกมาได้ โคตรเห็นแก่ตัวเลย ไอ้เลวเอ๊ย พวกมันคงอยากตั้งแต่อยู่ที่นี่แล้ว อี๋...ไม่รู้พวกมันเอากันตรงไหนบ้าง คงต้องไปขอน้ำมนต์มารดทั้งร้านเพื่อล้างซวย” หญิงสาวตะโกนด่าไปก็เช็ดน้ำตาไป
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเห็นรูก็เสียบ ทีตอนมาจีบบอกรักจริงหวังแต่ง แล้วนี่อะไรยังไม่ครบปีเลย ลายออกเสียแล้ว” ไข่มุกนั่งคิดถึงวันที่ชายหนุ่มวนเวียนเข้ามาจีบตั้งแต่เธอเพิ่งเปิดร้านชาได้ไม่นาน
ตอนนั้นเขายังทำงานอยู่ในตึกนี้จึงแวะเวียนมาทั้งเช้า กลางวัน เย็น จนเธอใจอ่อนยอมตกลงเป็นแฟน แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนเขาก็ย้ายที่ทำงานไปไกลจนพวกเขาทั้งสองเจอกันไม่บ่อยเท่าเดิม
ชายหนุ่มมักกล่าวหาว่าไข่มุกเอาแต่ทำงานไม่สนใจเขา นั่นเป็นเหตุให้เธอตัดสินใจไปง้องอนจนได้รู้ความจริงที่ปกปิดไว้
“ชิ กินใครไม่กิน มากินเด็กในร้าน เจ็บใจจริงๆ” หากเป็นคนอื่นไข่มุกคงไม่เจ็บใจมากเท่านี้ ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนหยาม ยิ่งนึกภาพยัยเด็กบนเตียงหัวเราะเยาะแล้วยิ่งเดือด
ไข่มุกซึ่งยังคงนอนคิดเรื่องที่ทำให้เสียใจ ปากบางขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยยังคงคุกรุ่นไปด้วยอารมณ์โกรธที่ตกค้างอยู่
แต่เมื่อมองร่างของตัวเองบนเตียงแล้วก็จึงเริ่มเอะใจ
เอ๊ะ...เดี๋ยวก่อน เมื่อคืนเธอจำได้ว่าปิดประตูร้านชาล็อคกุญแจเรียบร้อยอย่างแน่นหนา
แล้วคุณยายคนนี้เข้าไปถึงตัวเธอได้อย่างไร
นี่เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า
จู่ๆ ไข่มุกก็รู้สึกปวดหัวแทบระเบิด ความทรงจำมากมายหลั่งไหลเข้ามาราวสายน้ำ
เพล้ง เพล้ง เพล้ง
เสียงกาน้ำชาและข้าวของแตกกระจายพร้อมเสียงหวีดร้องของลูกค้าซึ่งวิ่งหนีกันอลหม่านเรียกให้เซียงเจินจูซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่ด้านหลังร้านต้องรีบวิ่งไปลอบมองดูเหตุการณ์
“นายท่าน อย่าได้ทำลายร้านของข้าเลย มีเรื่องใดพูดกันดีดีเถิดขอรับ” ตาเฒ่าเซียงหม่ากำลังจับมือชายคนหนึ่งไม่ให้ขว้างกาน้ำชาลงบนพื้นพลางก้มหัวขอร้องด้วยท่าทีอ่อนน้อม
“ชาของเจ้าทั้งจืดชืดแล้วยังไม่ร้อน เจ้าดูถูกว่าข้าไม่มีเงินซื้อชาดีดีหรือจึงจัดชาถูกๆมาให้เช่นนี้”
เสียงโวยวายหาเรื่องดังออกมาก่อนชายคนนั้นจะส่งสัญญาณให้พรรคพวกทุบกาและถ้วยน้ำชาที่วางอยู่จนแตกละเอียด
“นายท่าน พวกเราไม่เคยคิดเช่นนั้น ลูกค้าทุกคนคือผู้มีพระคุณ อย่าได้ทำเช่นนี้เลยเจ้าค่ะ หากท่านไม่พอใจพวกเรายินดีชดใช้เงินคืนให้นะเจ้าคะ” ยายเหลียนรีบคุกเข่าโขกหัวขออภัยจนหัวบวมปูด
“เชอะ ชดใช้หรือ พวกเจ้ามีกี่ชีวิตกันจึงจะชดใช้ให้ข้า” เสียงข่มขู่ดังออกมาอย่างวางอำนาจ
“ทางที่ดีรีบปิดร้านแล้วย้ายกลับไปอยู่บ้านนอกของเจ้าเสีย อย่าได้เสนอหน้าอยู่ที่นี่อีก เข้าใจหรือไม่” คำกรรโชกสุดท้ายบ่งบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงก่อนนักเลงเหล่านี้จะเดินกร่างออกไปราวไม่ได้ทำเรื่องเลวร้าย
สองตายายกอดกันนั่งร้องไห้อย่างเศร้าหมองด้วยไม่อาจสู้กับนักเลงร้ายพวกนั้นได้ อีกทั้งยังโดนทำลายของทำมาหากินจนพังพินาศ
