ตอนที่สอง ไป่เหลียนฮวา
บัวลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
ที่นี่ที่ไหน ทำไมดูแปลกๆ
เธอมองไปรอบห้องอย่างไม่เข้าใจ
จะว่าเป็นโรงพยาบาลก็ไม่คล้าย หรือว่าไอ้ผู้ชายพวกนั้นจะจับตัวเธอมาขังไว้ที่ไหนสักแห่ง
แล้วเพื่อนคนนั้นล่ะ ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ
“คุณหนูสามฟื้นแล้ว” เสียงใสใสเสียงหนึ่งดังเข้ามาก่อนที่จะมีผู้หญิงวัยประมาณ30กว่าพุ่งเข้ามาจับมือเธอเอาไว้แล้วพูดจาแปลกๆ
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกเช่นไรบอกแม่มาได้”
แม่...แม่เหรอ ถึงบัวจะแทบไม่ได้เจอหน้าแม่ แต่ก็พอจำเค้าหน้าได้ว่าไม่ใช่หน้าตาแบบนี้แน่
“ฮวาเอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้แม่ตกใจ เหตุใดเจ้ามองแม่เช่นนี้” ผู้หญิงคนที่เรียกตัวเองว่าแม่ยังคงลูบหน้าลูบตัวบุตรสาวไม่ยอมหยุด
ถึงตอนนี้บัวก็รู้สึกปวดหัวแทบจะระเบิด
นี่มันอะไรกัน ที่นี่ที่ไหน ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ใครคือฮวาเอ๋อร์
โอ๊ย!...ปวดหัวมาก ใครก็ได้ช่วยฉันที
เธอหลับไปด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง กว่าจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เมื่อทั่วบริเวณมืดจนมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น
เธอพยายามตั้งสติคิดทบทวนด้วยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
ทำไมเธอถึงกลายเป็นฮวาเอ๋อร์อะไรนี่ไปได้
เมื่อลองสัมผัสเนื้อตัวของตัวเองก็ต้องตกใจอีกครั้ง
ทำไมเธอตัวเล็กกว่าเดิม เอวก็เล็กกว่า แขนขาก็เรียวเล็กกว่า
แต่ทรวงอก อืม...ส่วนนี้ต้องยอมรับว่าใหญ่กว่า
แม้บัวจะถือว่ามีรูปร่างดีเพราะต้องดูแลตัวเองอยู่เสมอแต่ด้วยพื้นฐานเดิมซึ่งมีส่วนสูงถึง170ซม. จึงมีสัดส่วนซึ่งสมดุลกับส่วนสูง ไม่ได้ตัวเล็กอ้อนแอ้นอย่างเช่นหญิงสาวนามไป่เหลียนฮวานางนี้
เมื่อสาวใช้อาหนิงเข้ามาดูแลในยามเช้า บัวจึงได้มีโอกาสตะล่อมถามจนได้ความมาว่า
ฮวาเอ๋อร์ หรือไป่เหลียนฮวา เป็นบุตรสาวคนที่สามของขุนนางสกุลไป่ บิดาของนางมีภรรยาสามคน เหตุที่ต้องมีมากก็ด้วยทุกคนคลอดเพียงบุตรีออกมา เขาจึงเพียรพยายามให้มีบุตรชายออกมาสักคนให้ได้
มารดาของไป่เหลียนฮวาเป็นภรรยาคนที่สอง ผู้คนต่างเรียกนางว่าอนุจาง หรือจางซื่อ
ส่วนภรรยาเอกคนแรกคือหลิวซื่อ นางมีบุตรสาวซึ่งหน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพราอยู่สองนาง อายุไล่เลี่ยกัน คือคุณหนูใหญ่ ไป่หลันฮวาและคุณหนูรอง ไป่เหม่ยฮวา
ส่วนอนุคนสุดท้ายคืออนุหลี่ หรือหลี่ซื่อ มีบุตรสาวอีกคนซึ่งก็คือคุณหนูสี่ ไป่อิงฮวา
ส่วนที่นี่ สถานที่ซึ่งไป่เหลียนฮวากำลังนอนป่วยอยู่ก็คือหอเริงรมย์อันดับหนึ่งของเมืองชิงอัน สถานที่อันเต็มไปด้วยหญิงสาวผู้ให้ความสุขแก่ชายหนุ่มมากหน้าหลายตา
ความจริงนางเป็นถึงคุณหนูสามจึงควรจะได้อยู่ดีมีสุขอยู่ที่จวนสกุลไป่ แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ทหารจำนวนมากกรูกันเข้าไปจับกุมขุนนางสกุลไป่ด้วยข้อหายักยอกเงินภาษี โดยโทษทัณฑ์ของการยักยอกก็คือประหารชีวิต ริบทรัพย์สมบัติทั้งหมด ส่วนสตรีในสกุลก็โดนจับมาอยู่ในหอเริงรมย์แห่งนี้ไม่ว่าสาวหรือสูงวัย
เฮ้อ...ทำไมโชคร้ายมาตื่นในร่างนี้ได้นะ
อุตส่าห์วิ่งหนีจนโดนรถชน แทนที่จะฟื้นมาเป็นคุณหนูสบายๆกับเขาบ้าง กลับต้องมาอยู่ที่หอเริงรมย์แห่งนี้
บัวคิดว่านี่น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ให้ร่างนี้เสียใจมากจนสิ้นใจ แต่เธอเองก็ยังหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมเธอจึงฟื้นตื่นขึ้นมาในร่างของสาวน้อยไป่เหลียนฮวาคนนี้
ทำไมถึงเรียกว่าสาวน้อยหน่ะหรือ ก็เพราะนางมีอายุเพียง16หนาวเท่านั้น ยังอยู่ในวัยแรกแย้มสวยสดงดงาม น้อยกว่าร่างเดิมของบัวถึง5ปี
สาวใช้อาหนิงเล่าว่า ความจริงไป่เหลียนฮวามีคู่หมั้นอยู่แล้วซึ่งตกลงกันไว้ว่าจะเข้าพิธีแต่งงานในปลายปีนี้ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ชายหนุ่มแซ่เฉาคนนั้นกลับไม่ไยดีคู่หมั้นสาวแม้แต่น้อย แม้เมื่อนางจะรีบวิ่งไปหาเขาทันทีที่รู้ข่าวเรื่องบิดา
อดีตคู่หมั้นหนุ่มของนางไม่แม้แต่จะออกมาพบหน้า เขาส่งคนรับใช้มาบอกถอนหมั้นอย่างใจดำ มารดาของนางตามไปพบนางร้องไห้จนหมดสติอยู่หน้าประตูจวนของคู่หมั้นหนุ่มจึงต้องเป็นฝ่ายพานางกลับมาเองอย่างน่าสงสาร นั่นน่าจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งอันส่งผลให้ไป่เหลียนฮวาเสียใจจนตรอมตรม
บัวนอนคิดนิ่งๆเพื่อรวบรวมข้อมูลอย่างพยายามจดจำและเรียบเรียงไม่ให้สับสน
ร่างนี้ล้มป่วยเพราะตรอมใจอยู่หลายวันแล้ว โดยอยู่ส่วนด้านหลังของหอเริงรมย์ซึ่งซอมซ่อไม่น่ามอง บรรดาหญิงสาวซึ่งโดนจับเข้ามาอยู่ที่นี่ล้วนต้องทำงานชั้นต่ำ อย่างเช่นล้างห้องน้ำ ล้างกระโถน ซักผ้า
แต่ไป่เหลียนฮวาป่วยตั้งแต่มาถึง นางจึงได้แต่เพียงนอนซมอยู่อย่างไม่ขยับเขยื้อนไปที่ใด
ยามเช้าเมื่อจางซื่อเปิดประตูเข้ามาจึงพบบุตรสาวนอนยิ้มให้อย่างอ่อนเพลีย
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฮวาเอ๋อร์”
“ดีขึ้นมากแล้วเจ้าค่ะ ท่านแม่”
“ดีแล้ว แม่เป็นห่วงมาก เจ้าหลับไปหลายวันเชียว ยังดีที่ฮูหยินใหญ่แอบนำยามาให้ มิเช่นนั้นคงแย่กว่านี้”
ฮูหยินใหญ่หรือ แม่ของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรอง ภรรยาเอกสกุลไป่ ไม่ใช่ว่าภรรยาแต่ละคนต้องไม่ชอบหน้ากันหรอกเหรอ
บัวคิดอย่างงงๆ ก่อนจะพอจดจำได้
อาหนิงเคยเล่าว่าฮูหยินใหญ่หลิวซื่อให้ความดูแลบุตรสาวทุกคนของสามีอย่างยุติธรรม ด้วยละอายใจที่ตนเองไม่สามารถคลอดบุตรชายให้ตระกูลได้
นางช่างเป็นคนดีเสียจริง
“ยามนี้คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองออกไปแขวนป้ายรับแขกแล้ว ฮูหยินใหญ่จึงไปอยู่ดูแลพวกนางยังตึกนอก ส่วนพวกเรายังต้องทำงานชั้นต่ำอยู่ในส่วนด้านหลังนี้ แม่ต้องออกไปทำงานแล้ว เจ้านอนพักให้หายดีเถอะ” จางซื่อมารดาของไป่เหลียนฮวาบอกก่อนจะรีบเดินออกไป
แขวนป้ายรับแขก นี่พวกนางต้องรับแขกกันแล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้นไป่เหลียนฮวาก็คงเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสิ
ไม่ได้การล่ะ ต้องหาทางใช้ชีวิตให้ดีกว่านี้
จะให้ตื่นมาปุ๊บก็ต้องรับแขกปั๊บ กลายเป็นนางคณิกาไปโดยไม่ทันตั้งตัว แบบนี้มันน่าสงสารไปหน่อย
บัวพยายามลุกขึ้นแม้จะยังรู้สึกอ่อนแรงอยู่มาก ก่อนจะพยายามตะเกียกตะกายออกไปสำรวจรอบนอก
ด้านนอกมีเพียงสาวสูงวัยสามสี่คนช่วยกันทำงานล้างกระโถน และซักผ้า บัวมองเห็นเด็กสาวอีกคนจึงเดาว่าน่าจะคือคุณหนูสี่ ด้วยนางนั่งร้องไห้อยู่อย่างทำใจไม่ได้ โดยมีสาวสูงวัยอีกคนซึ่งน่าจะเป็นมารดาของนางโอบปลอบโยนอยู่
ฟื้นขึ้นมาถึงก็ต้องมาขายตัว โอ๊ยนี่มันเวรกรรมอะไรของฉันละเนี่ย หนีเสือปะจรเข้จริงๆเลย
บัวคิดอย่างทดท้อก่อนจะค่อยๆย่องไปอีกทางซึ่งมองเห็นว่ามีประตูอยู่
“คุณหนูสาม” หญิงสาวคนหนึ่งเปิดประตูออกมาพร้อมตะโกนเรียกอย่างดีใจเมื่อเห็นบัวยืนโงนเงนอยู่
สาวใช้’อาหนิง’นั่นเอง นางเองก็โดนนำตัวมาที่นี่ ด้วยจงรักภักดีต่อท่านแม่จึงไม่ยอมหนีออกไปในยามที่มีโอกาส
“ท่านออกมาได้อย่างไร มานั่งพักก่อนเถิด ใบหน้าซีดขาวยิ่งนัก” อาหนิงประคองร่างไป่เหลียนฮวาเดินไปพักที่ด้านข้าง
“เหตุใดเจ้าจึงออกมาจากประตูนั้น” ไป่เหลียนฮวาถามอย่างสงสัย
“อ้อ...บ่าวไปช่วยฮูหยินใหญ่รับใช้คุณหนูใหญ่และคุณหนูรองเจ้าค่ะ พวกนางเพิ่งแขวนป้ายไม่นานจึงได้รับความนิยมมีผู้จองตัวเป็นจำนวนมาก คุณหนูทั้งสองจึงสุขสบายขึ้น ฮูหยินใหญ่ให้ข้านำอาหารและหยูกยาเข้ามาให้ด้วยเจ้าค่ะ” สาวใช้อาหนิงยกของในมือให้ดู
บัวมองของเหล่านั้นอย่างครุ่นคิด
แค่ออกไปแขวนป้ายชีวิตก็ดีขึ้น ชีวิตของหญิงสาวที่ไร้ทางเลือก คงทำได้เพียงแค่นี้
“คุณหนูสามเข้ามานอนพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ ท่านผู้ดูแลบอกว่าจะประวิงเวลาให้คุณหนูสามและคุณหนูสี่ก่อน รอให้ความนิยมของคุณหนูใหญ่และคุณหนูรองเริ่มซาลงจึงจะแขวนป้ายคุณหนูสามกับคุณหนูสี่ต่อเจ้าค่ะ” อาหนิงบอกเล่า
แขวนป้ายต่ออย่างนั้นหรือ นี่ฉันต้องรับแขกอยู่ที่นี่จริงๆหรือ
ไป่เหลียนฮวาหรือบัวสโรชินีเดินตามอาหนิงเข้ามานอนพักอย่างอนาถใจในชีวิตตัวเอง อุตส่าห์วิ่งหนีแทบตายจนโดนรถชน กลับมาฟื้นในร่างของคุณหนูตกอับต้องแขวนป้ายรับแขกเสียนี่
ทำไม สวรรค์ถึงเล่นตลกกับฉันขนาดนี้
