บท
ตั้งค่า

สิ่งของที่หายไป

“เทียนอ้าย” เขาหันไปสั่งลูกน้องอีกคน

“เชิญสั่งมาได้เลยขอรับ”

“เจ้าไปสืบดูทีว่าสตรีที่ชนข้าเมื่อครู่เป็นใครกันแน่”

“แต่ว่าดูจากชุดของนาง หากไม่ใช่ทาสที่จวนไหนสักจวนคงเป็นคนเร่ร่อนกระมัง” เป็นเทียนหมิงแทรกขึ้นอีกครั้ง เพราะสภาพซอมซ่อยิ่งกว่าสาวใช้ที่เขาเคยเห็นทำให้ตัดสินใจคิดอย่างนั้น

“กลับถึงจวนเมื่อใด เจ้าทำอย่างไรก็ได้ให้ตัวเองถูกโบยสิบที!” เฟยหลงไม่พอใจสักเท่าใดนัก ทที่ลูกน้องคนสนิทของตัวเองเอ่ยเช่นนี้

“ข้าทำอะไรผิดหรือขอรับ”

“พี่เทียนหมิง นี่ท่านยังไม่รู้ตัวอีกหรือ” เทียนอ้ายส่ายหน้าระอา เมื่อเห็นว่าพี่ชายตัวเองยังไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด แม้เจ้านายของพวกเขาจะสูงส่งแต่ไม่เคยเหยียบย่ำดูแคลนสามัญชน

กระทั่งกลับถึงเรือนหลังเก่านางถึงได้รู้ตัวว่าทำจดหมายตกหล่นไปเสียแล้ว แม้จะรู้สึกกังวลอยู่บ้าง แต่พอนึกขึ้นได้ว่ากระดาษที่นางใช้เป็นจดหมายนั้นเป็นเพียงกระดาษราคาถูกคงไม่มีผู้ใดสนใจที่จะเก็บมันขึ้นมาถึงได้โล่งใจ

ทุกครั้งที่ออกจากจวนฟู่ฟางซินมักนำของมีค่าที่แอบขโมยมาจากเสิ่นอวี้โหรวไปขายเพื่อนำเงินบางส่วนมาซื้ออาหารให้น้องชายกับสาวใช้คนสนิท และก่อนกลับจวนนางแอบซ่อนเงินเอาไว้ในกำแพงลับ ซึ่งมีเพียงนางกับลี่ผิงเท่านั้นที่รู้ซ่อน เพราะถ้าหากนำติดตัวกลับจวนไปมีหวังถูกตรวจค้นก่อนเข้าจวนแน่ นางจำต้องทำเช่นนี้เพื่อป้องกันเอาไว้ก่อน

“ผ้าที่คุณหนูสั่งตัด ข้านำไปเก็บไว้ในตู้แล้วนะเจ้าคะ”

“ข้ารู้แล้ว”

ครั้นกลับมาถึงเรือนหลังเก่านางเดินเข้าไปหาลี่ผิงกับน้องชายที่ตอนนี้กำลังรอนางอยู่ด้านใน

“เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ”

“ชู่ว อย่าเสียงดังไป” นางบอกก่อนจะฉีกยิ้มกว้างให้ทั้งคู่เป็นการบอกเป็นนัย ๆ ว่าขายได้แล้ว ก่อนนำเครื่องประดับบางส่วนที่แอบหยิบมาจากเรือนของเสิ่นอวี้โหรวติดมาด้วยหลายชิ้น นางเลือกแต่เครื่องประดับราคาแพงมาแล้วยื่นให้สาวใช้คนสนิท

“จะให้ข้านำไปขายหรือเจ้าคะ”

“ใช่ หากข้าออกไปข้างนอกบ่อยนักประเดี๋ยวอาจถูกสงสัยเอาได้ เจ้าไม่ได้เป็นที่จับตามองมากนัก ข้าให้เจ้านำเครื่องประดับพวกนี้ไปขายคงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า จำไว้ให้นำเงินที่ได้จากการขายไปแลกเป็นตั๋วเงินแล้วนำไปเก็บไว้ในที่ที่มีเพียงข้ากับเจ้าเท่านั้นที่รู้”

“แล้วคุณหนูอวี้โหรวจะไม่สงสัยหรือเจ้าคะ หากของของนางหายไปเช่นนี้”

“หึ คนโง่เขลาอย่างนางมีหรือจะใส่ใจเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ ข้ารับใช้นางมานานย่อมรู้ดีว่าคนเช่นนางไม่ชอบใช้ของซ้ำเดิม อีกอย่างเครื่องประดับพวกนี้เดิมทีไม่ใช่ของนางแต่เป็นของมารดาข้า หากนางไปแจ้งทางการว่าของหายไปก็คงทำไม่ได้อยู่ดี” นางบอกตามความจริง เสิ่นอวี้โหรวผู้นั้นให้ความสำคัญกับหน้าตามากที่สุด นางถึงไม่เคยสวมใส่อาภรณ์หรือเครื่องประดับซ้ำเป็นครั้งที่สองเป็นอันขาด

วันเวลาผ่านไปร่วมเดือนนางกับสาวใช้คนสนิทได้เงินจากการนำเครื่องประดับไปขายให้กับเถ้าแก่หลงเป็นจำนวนมากพอที่จะสามารถนำไปติดสินบนขุนนางมีอำนาจ

“ปิ่นมุกของข้าหายไปไหน!” อวี้โหรวถามด้วยน้ำเสียงโมโหเป็นอย่างมาก ปิ่นมุกนี้นางได้รับพระราชทานมาจากพระสนมเซี่ย ใกล้ถึงวันที่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงในวัง แต่ทว่าของชิ้นนี้กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย หากนางไม่สวมปิ่นมุกนี้เข้าวังด้วยคงทำให้พระสนมไม่พอใจแน่ นางถึงได้ร้อนใจเสียยิ่งกว่าสิ่งใด

“คุณหนู ท่านลองหาดี ๆ แล้วหรือยังเจ้าคะ” แม่นมหม่าถามคุณหนูของตน

“ข้าหาดีแล้ว แต่กลับไม่พบ”

“คนที่เข้าออกเรือนนี้มีเพียงข้า หมิ่นเยว่และนางเท่านั้น” หญิงวัยชราเอ่ยขึ้น

“ฟางซิน เจ้าเป็นคนขโมยไปงั้นหรือ”

“ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันเจ้าคะ ทุกครั้งที่ข้าเข้าไปห้องนอนของท่าน ท่านก็อยู่ด้วยทุกครั้งมิใช่หรือ หากท่านไม่เชื่อจะค้นตัวข้าดูก็ย่อมได้” สิ้นคำพูดของนาง เสิ่นอวี้โหรวมีสีหน้าหวั่นใจอย่างเห็นได้ชัด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel