บทที่4 วันเวลา
สองเดือนถัดมา ฉีอิงก็ได้มีโอกาสเปิดหูเปิดตานอกจวนแม่ทัพเสียที ในยามบ่ายคล้อย ฉีอิงที่อยู่ในรถม้ากับสามี กำลังตื่นเต้นกับภาพบ้านเมือง ที่ดูแปลกตาสำหรับนาง
คืนนี้สามีของนางได้รับเทียบเชิญ ให้ไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิด ในจวนอ๋องเก้า แน่นอนว่านางศึกษาทุกอย่างมาจากเสี่ยวเจี้ยนแล้ว และนับว่าโชคดี ที่นางสามารถพาสาวใช้คนสนิทมาร่วมงานได้
จ้านซือถงแสร้งอ่านตำรา ทว่าแท้จริงแล้ว ชายหนุ่มกำลังลอบมองภรรยาอยู่เป็นระยะ แม้ว่าจะเกิดความสงสัยมากเพียงใด แต่เพราะไร้ซึ่งหลักฐานเขาก็จำต้องนิ่งเอาไว้ หลายอย่างเปลี่ยนไปนับตั้งแต่นางหายป่วยเมื่อสองเดือนก่อน
ฉีอิงไม่ได้สนใจ ว่าสามีจะคิดเช่นไร สำหรับนางแล้วเวลานี้ คือการเรียนรู้และหาข้อมูล พร้อมช่องทางที่จะทำให้ตนเองปลอดภัย และอยู่รอดได้ในอนาคต
นับว่ายังโชคดี ที่หลังจากตื่นขึ้นมาได้ราวหนึ่งสัปดาห์ บิดามารดาร่วมถึงพี่น้องชายหญิง ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนนาง ทำให้ฉีอิงรู้ว่า เจ้าของร่างนั้น มีความสมบรูณ์ในเรื่องครอบครัวมากทีเดียว
บิดารักลูกเท่าเทียมกัน พี่น้องปรองดอง ทว่าโชคร้ายของฉีอิง ที่ได้สามีเช่นแม่ทัพหนุ่มผู้นี้ นางจึงตรอมใจตายไปอย่างโดดเดี่ยว
“เจ้าทำเหมือนมิเคยเห็น”
“ถึงเคย ก็มิได้บ่อยนักนี่เจ้าคะ ทำเหมือนท่านพี่ พาข้าออกมาชมเมือง เช่นสามีบ้านอื่นเขา”
จ้านซือถงถึงกับหน้าเสียไปเล็กน้อย เขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากนาง ปกติแล้วเวลาจะออกมานอกจวน ฉีอิงจะมีพี่น้องของนางมาด้วยเสมอ
“ไยต้องทำเหมือนบ้านอื่น”
“จะทำเหมือนหรือไม่ หาใช่เรื่องสำคัญอันใดเลยเจ้าค่ะ เพราะตัวข้าชาชินเสียแล้ว”
ฉีอิงเอ่ยประชดสามี ทั้งยังไม่แม้แต่จะมองหน้าเขา หญิงสาวยังคงตื่นตาตื่นใจกับภาพด้านนอกรถม้าอยู่
เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วยาม รถม้าจวนแม่ทัพจ้านซือถงได้หยุดลง ชายหนุ่มก้าวลงจากรถม้า ก่อนจะยื่นมือให้ภรรยาได้จับ ฉีอิงปรับสีหน้าและท่าทางให้เป็นสตรีอ่อนโยน ก่อนจะวางมือลงบนฝ่ามือของสามี
เมื่อฉีอิงยืนได้มั่นคงแล้ว ชายหนุ่มได้แตะที่ข้อศอกภรรยาเบา ๆ เพื่อให้นางเดินเข้าไปภายในงานพร้อมกัน ใบหน้าของแม่ทัพหนุ่มนั้น ยังคงเยือกเย็นเช่นทุกวัน ส่วนฉีอิงนั้นกลับมีรอยยิ้มกว้าง ต่างจากคำว่าละมุนไปมากทีเดียว
ด้วยภาพตรงหน้านั้น สร้างความตื่นเต้นให้แก่หญิงสาวยิ่งนัก แม่ทัพจำต้องคอยแตะแขนภรรยา เพื่อปรามให้นางเก็บอาการเอาไว้บ้าง งานเลี้ยงเช่นนี้ ใช่ว่าเขามิเคยพานางมาเสียเมื่อไหร่กัน จะมีเพียงช่วงหลังมานี้ที่นางป่วยบ่อย เขาจึงไม่ได้พานางออกมาร่วมงานเลี้ยงเลย
ฉีอิง แสร้งไม่เข้าใจการกระทำของสามี นางยังคงมองดูทุกสิ่งด้วยความตื่นเต้น
“ท่านอ๋องเก้ากับพระชายากำลังเดินมาทางนี้ เจ้าหยุดมองทุกอย่างก่อนจะได้หรือไม่”
แม่ทัพหนุ่มก้มลงกระซิบยังข้าหูภรรยา เมื่อมองเห็นเจ้าภาพ กำลังเดินตรงมาทางเขาและภรรยา ฉีอิงมองไปยังชายหญิงสูงศักดิ์ ที่ก้าวเดินอย่างช้า ๆ ด้วยท่วงท่าสง่างาม
“ซือถง ถวายพระพรท่านอ๋อง พระชายาพ่ะย่ะค่ะ”
“ฉีอิง ถวายพระพรท่านอ๋อง พระชายาเพคะ”
ฉีอิง ย่อกายอย่างงดงาม ตามแบบฉบับของคุณหนูสูงศักดิ์ ก่อนจะยืดตัวตรง พร้อมรอยยิ้มแต่พองาม
“ตามสบายเถอะท่านแม่ทัพ จ้านฮูหยิน ข้าได้เห็นเจ้าสองคนเดินเคียงกันในวันนี้ รู้สึกดีใจยิ่งนัก นับตั้งแต่ฉีอิงป่วย ซือถงของเราก็ต้องออกงานเพียงลำพังมานาน”
ฉีอิง ยิ้มน้อย ๆ ทว่าในใจนั้น กลับค้านในสิ่งที่ท่านอ๋องเก้ากล่าวยิ่งนัก เพราะในความคิดของนางนั้น สามีคงดีใจที่จะไร้นางมาขัดขวาง ยามต้องพบหน้ากับหลิวหลิง พี่สะใภ้คนงามของแม่ทัพหนุ่มนั่นเอง
“ฉีอิงในยามนี้ หายดีแล้วเพคะ ขอบพระทัยในเมตตาของท่านอ๋องและพระชายา ที่ทรงให้หม่อมฉันมาร่วมอวยพรเพคะ”
“เจ้าหายดีทุกคนก็ดีใจแล้วฉีอิง เอาล่ะเราเข้าไปด้านในกันดีกว่า”
ฉีอิง มองหาว่าสตรีของงานต้องแยกอยู่ฝั่งไหน ก็ได้ยินฮูหยินของขุนนาง ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นว่า งานเลี้ยงนี้ ท่านอ๋องเก้าและพระชายา ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันมิแยกชายหญิง ด้วยเจ้าของงานมิต้องการแยกห่าง
ฉีอิงจึงเดินเคียงข้างสามี คารวะขุนนางหลายคน จนไปถึงบิดาของนางที่มาร่วมงานนี้ด้วย ฉีอิงยิ้มกว้าง ก่อนจะก้าวเข้าไปกระซิบกับผู้เป็นมารดา ว่าของร่วมโต๊ะกับทั้งคู่ได้หรือไม่
นางมิต้องการที่จะไปร่วมโต๊ะกับพี่น้องสกุลจ้าน ด้วยเกรงจะอดพูดกระทบสามีกับพี่สะใภ้ของเขาไม่ได้นั่นเอง เสนาบดีหลี่จำต้องเอ่ยชวนบุตรเขย ให้นั่งร่วมโต๊ะกับตนเอง เพราะสายตาเว้าวอนของภรรยาและบุตรสาว
เมื่อได้เวลาดื่มกิน จ้านซือถงได้แต่นั่งมองภรรยา ที่กำลังยิ้มหวานให้แก่คุณชายสกุลหม่า ที่นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ ทว่าไม่อาจแสดงออกทางสีหน้าได้
หม่าหยุน คีบไก่ตุ๋นหม้อดิน วางใส่ในถ้วยของฉีอิง หญิงสาวค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นการของคุณ ก่อนจะคีบไก่ชิ้นพอดีคำขึ้นมา หมับ! มือบางถูกคว้าจับเอาไว้ ก่อนที่สามีของนางจะโน้มใบน้าลงมาเล็กน้อย พร้อมกับไก่ของนาง หายเข้าไปในปากของแม่ทัพหนุ่ม
จ้านซือถง คีบเนื้อแกะตุ๋นป้อนให้แก่ภรรยา พร้อมรอยยิ้มและสายตากดดัน ฉีอิงยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะอ้าปากรับเนื้อแกะตุ๋นเข้าปาก อาหารมื้อนั้นทำให้ท่านเสนาบดีและภรรยา ยิ้มอย่างมีความสุข ที่เห็นบุตรเขยเอาใจใส่บุตรสาวของตนเองเป็นอย่างดี
หม่าหยุน คิดกับหญิงสาวเพียงฐานะสหาย แต่จากที่เขาเห็นในตอนนี้ แม่ทัพหนุ่มคงคิดไปไกลกว่านั้นเป็นแน่ ฉีอิงยังคงไม่ได้ใส่ใจที่จะสนทนากับสามี หญิงสาวยังพูดคุยกับทุกคนเป็นปกติ ทำให้แม่ทัพหนุ่ม ใบหน้าร้อนวูบขึ้นชั่วขณะ ด้วยความรู้สึกที่เขาไม่เคยเป็นมาก่อน
