Ep 2.1
ภายในห้องพักสุดหรูที่จองเพื่อผลประโยชน์เลอาเดินเช็ดผมหลังจากออกมาจากห้องน้ำสวมชุดนอนลายหมีสีชมพูต่างจากรักจังโดยสิ้นเชิง เธอสวมเสื้อตัวใหญ่ไซต์แอลของผู้ชายกับกางเกงนอนขาสั้นมัดจุกหน้าม้าปล่อยผมยาวนั่งพิงหัวเตียงห่มผ้าอยู่ระหว่างกลางยกนิ้วดีดเปลี่ยนสีไฟไปมาชนิดที่ไม่มีอะไรจะทำ
“เจ้” เลอาเลิกคิ้วเดินมานั่งลงปลายเตียงเช็ดหัวเอียงหน้ามองคนที่นั่งดีดนิ้วใจลอย “เจ้!”
“อะไรเล่าแหกปากเรียกเสียงดัง ได้ยินอยู่” รักจังเปลี่ยนเอามือแหย่หูเอียงหน้ามองเลอา
“ก็ไม่เห็นตอบ”
“มีอะไร ให้ตอบอะไร”
“ไปนั่งเล่นชั้นใต้ดินกันไหม” เลอานำเสนออย่างเจ้าเล่ห์
“ใต้ดินไหน” รักจังมองฉงนกับท่าทีของชายหนุ่มอย่างไม่ค่อยแน่ใจ
“ใต้ดินคริสตัลบลูไง โรงแรมแพงหูดับขนาดนี้เจ้ไม่รู้หรือว่ามีไนต์คลับข้างล่าง ไม่งั้นนิวจะได้กินเหรอ”
“อัยยา! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ร้ายกาจมากนิวตัน ลูกน้องฉันนี่มันแซ่บจริงๆ เลย แกกะจะกินด้วยใช่ไหม บอกมาซะดีๆ หนุ่มน้อยของเจ้” รักจังพรวดเข้ามาจับแก้มเลอายืดไปมาอย่างหยอกล้อ
“ใช่ที่ไหนเล่าจะพาไปเปิดหูเปิดตาแค่นั้น แต่ก็ตามใจนะนานๆ ได้ออกมาพักผ่อนแถมลงทุนไปตั้งเยอะก็ควรพักให้เต็มที่ไม่ใช่เหรอ”
“น่ารักจริงๆ ไปก่อนเลยเดี๋ยวตามลงไป เหมือนท้องจะเสีย”
“ก็ได้เลเอามือถือลงไปนะ มีอะไรโทรหาเลล่ะ” เลอาลุกขึ้นเดินไปพาดผ้าเช็ดผมไว้บนเก้าอี้ก่อนเอามือสางผมตามนโยบายความเร่งรีบแต่ความดูดีก็ไม่ได้จางหรือลดลง รักจังลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำทันทีก่อนที่เลอาจะเปิดประตูออกไป
แกร็ก...
มือเรียวยาวหมุนลูกบิดเปิดประตูเข้ามามองยกทัพกับลีโอยืนพ่นสเปรย์ฉีดผมให้กันและกันอยู่ในชุดหนังก่อนหันมามองเจ้าของห้องที่ผงะตกใจกับคิ้วที่ถูกเขียนจนหนาเตอะอีกทั้งยังแต้มไฝแต้มเคราราวกับปลอมตัวไปทำอะไรสักอย่าง
“ตกใจขนาดนี้ไปด้วยกันไหม” ยกทัพฉีกยิ้มวางขวดสเปรย์ลงเดินเข้ามาขยิบตาหวานให้หลุยเทียนเปาที่มองฉงนสงสัย
“อย่าบอกนะว่าจะลงไปชั้นใต้ดิน” หลุยเทียนเปาเดินผ่านตัวยกทัพเข้ามานั่งลงบนโซฟาหันมองลีโอจัดแจงเสื้อผ้าก่อนหยิบมือถือมากดถ่ายรูปตนเอง
“อี้เหยียนบอกว่าต้องลองสักครั้ง” ลีโอเก็บมือถือหันมาฉีกยิ้มตอบกลับ
“อย่าบอกนะว่า” หลุยเทียนเปาชี้นิ้วอย่างรู้ทันว่าคนที่ถูกเอ่ยชื่ออยู่ที่ไหน
“รออยู่ข้างล่างเรียบร้อยแล้ว สรุปจะไปไหม” ยกทัพยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงขัดกับใบหน้าที่แต่งแต้มลดความดูดีลง หลุยเทียนเปาเหล่มองแล้วเอามือจับคางนึกคิดก่อนตอบ
“ถ้าไปต้องแต่งแบบนายสองคนใช่ไหม”
“ใช่” สองเสียงประสานพร้อมกัน
“ไม่เอาดีกว่าเหนื่อยแล้ว” หลุยเทียนเปาส่ายหน้าไปมายิ้มชอบใจกับการลุ้นใจจดใจจ่อของเพื่อนร่วมวง
“ตามใจพักผ่อนเยอะๆ แล้วกันไปเถอะลีโอ เราไปปลดปล่อยความเครียดกันดีกว่า” ยกทัพพยักหน้าให้ลีโอที่รีบเดินเข้าไปหาเชื่องราวกับลูกแมว หลุยเทียนเปามองตามจนประตูปิดลงลุกขึ้นเดินเข้าห้องนอน
รักจังออกจากห้องมองซ้ายมองขวาก่อนเดินไปยืนรอลิฟต์สักพักมีชายสองคนคิ้วหนาผมดำขลับหน้าตาคมเข้มจนดูดุไปถนัดตา ทั้งสองเดินมายืนรอลิฟต์อยู่ข้างรักจังที่ทำทีไม่สนใจรอลิฟต์จนประตูลิฟต์เปิดออก รักจังเข้าไปด้านในตามด้วยสองหนุ่มที่กดเลือกชั้นตัวพี ประตูลิฟต์ปิดลงสนิท
“ชั้นไหนครับ” ชายหนุ่มเสริมเคราหนาหันมาถามรักจังด้วยรอยยิ้มขัดแย้งกับใบหน้าที่คมเข้มค่อนไปทางดุ
“ชั้นเดียวกันค่ะ” รักจังตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อ้อครับ” เสียงตอบรับกลับก่อนยืนกันคนละมุมลิฟต์
“ความจริงเราสวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นก็ได้นี่ ไม่น่าเยอะแบบนี้” ชายหนุ่มคาดผ้าที่หน้าผากก้มมองดูชุดตัวเองที่สวมใส่ชุดหนัง
“นั่นสิ โทษคนชวนเลย” บทสนทนาของสองหนุ่มแสนคมดุทำรักจังอมยิ้มก้มหน้าพิงที่จับยืนอย่างสงบนิ่ง
กึก!
ลิฟต์กระตุกค้างนิ่งทำคนที่อยู่ด้านในมองเลิ่กลั่กก่อนหันมองกันบรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป รักจังกลืนน้ำลายลงคอเงยหน้ามองชั้นที่ค้างอยู่อย่างตกใจ
“เอาแล้ว” ชายหนุ่มที่คาดผ้ารัดหน้าผากยกมือจิ้มปุ่มเปิดปิดประตูเมื่อทุกอย่างเริ่มหยุดนิ่งไม่ไหวติง
“ขอโทษนะครับมีใครอยู่ข้างนอกไหมครับ พวกเราติดอยู่ในลิฟต์” ชายอีกคนขยับก้าวขาเข้าไปพูดใส่ช่องไมค์เพื่อขอความช่วยเหลือ รักจังยืนมองทั้งสองอย่างเหนื่อยใจหยิบมือถือขึ้นมากดโทรหาใครบางคนแต่สัญญาณกลับไม่เอื้ออำนวยขาดๆ หายๆ จนสายตัดไป
เลอาหมุนมือถือมองแล้วมองอีกอย่างแปลกใจก่อนเดินออกจากไนต์คลับมาที่หน้าลิฟต์แต่ยังไม่ทันได้ถึงที่ก็ต้องถอดใจเมื่อมีเหตุชุลมุนวุ่นวายจับกุมกันอยู่หน้าลิฟต์ชั้นใต้ดิน
“โทษนะครับเกิดอะไรขึ้น” เลอาเดินเข้าไปถามหญิงที่ยืนชุมนุมกันอยู่อย่างหัวเสียเพราะลิฟต์ไม่สามารถใช้งานได้
“เมาแล้วปลดทุกข์เบาหน้าลิฟต์อาละวาดยกใหญ่เลยค่ะ พนักงานบอกว่าใช้งานลิฟต์ไม่ได้สักครู่” ว่าจบก็เดินเข้าไปในคลับต่ออย่างไม่พอใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า เลอาเก็บมือถือมองความชุลมุนก่อนเดินอ้อมไปขึ้นบันไดแทน
อากาศภายในลิฟต์เริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชายสองคนที่สวมเครื่องแต่งกายอย่างเต็มยศต้องค่อยๆ ถอดทีละชิ้นอย่างเกรงใจหญิงที่ติดอยู่ด้วยกัน
“ขอโทษนะครับผมไม่ไหวจริงๆ” ชายหน้าคมหันไปบอกรักจังที่ยิ้มแหยๆ
“เข้าใจค่ะ ทางโรงแรมน่าจะกำลังแก้ไขอยู่” รักจังตอบกลับพร้อมมองไปทางประตูลิฟต์ก่อนหันมาเจอร่างจริงของชายสองคนที่ถอนสิ่งอำพรางกายออก ยกทัพหยิบผ้าเย็นมาเช็ดหน้าหนึ่งผืนที่พกติดตัวมาตลอดเช็ดคราบเคราที่ทำไว้พร้อมเหงื่อที่ออกเป็นเม็ดๆ
“อะ ลีโอ” ยกทัพโยนอีกถุงให้คนที่มาด้วยก่อนลูบผ้าเย็นไล่เช็ดคอจนเหลือเพียงเสื้อยืดสีดำเสื้อหนังทั้งหลายแหล่กองอยู่ที่พื้นแล้วล้วงหยิบอีกหนึ่งถุงยื่นไปทางรักจังที่ขมวดคิ้วนิ่งคิดอย่างคลับคล้ายคลับคลาแต่นึกไม่ออก
“อากาศไม่ค่อยถ่ายเท นี่อาจช่วยได้นะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” รักจังรับถุงมาแกะด้วยรอยยิ้มแล้วเช็ดที่แก้มให้ผ่อนคลายขึ้น
“เหมือนจะติดจริงจังนะเนี้ย” ลีโอยกมือพัดผ้าเย็นไปมาก่อนนั่งลงขัดสมาธิเช่นเดียวกับยกทัพคนละมุมทำให้รักจังต้องค่อยๆ ลงไปนั่งชิดมุมด้วยมองตาปริบๆ ค่อยๆ หายใจอย่างช้าๆ ยกทัพเหล่มองรักจังอย่างดูอาการเธอที่เริ่มไม่สู้ดีกุมมือจับผ้าเย็นแน่น
“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาตัดสินใจถามเธอทันทีทำให้ลีโอหันมองตามอย่างงุนงง
“คะ เอ่อ ไม่ค่ะ” ปากปฏิเสธแต่สีหน้ากลับเหือดแห้งเม้มปากหายใจหอบ
“เป็นโรคประจำตัวหรือเปล่าทัมทัม อาการเดี๋ยวกับชุนนี่เลย” ลีโอหันไปบอกยกทัพที่นั่งพิจารณาอยู่
“ก็ว่างั้น” ตอบกลับเสียงเรียบจริงจังขยับตัวไปหารักจังที่หายใจหอบเช่นเดียวกับลีโอที่ยกมือพัดให้เธอ
“มะ ไม่เป็นไรค่ะ แค่...แค่หายใจไม่ออก” เสียงที่แผ่วเบาค่อยๆ ตอบด้วยรอยยิ้มยกมือจับหน้าอกราวกับจะขาดอากาศหายใจ
“แย่แล้วถ้าลิฟต์ไม่เปิดแย่แน่ๆ” ลีโอเอื้อมไปหยิบผ้าพยายามพัดให้เธอเย็นขึ้น
“อดทนหน่อยนะค่อยๆ หายใจ ช้าๆ” ยกทัพจับไหล่รักจังบอกอย่างมีสติทำให้รักจังสูดลมเข้าออกช้าๆ ตามที่เขาบอกกล่าว
เลอาจับลูกบิดห้องที่ถูกล็อกอย่างงุนงงก่อนเดินย้อนกลับไปยืนหน้าลิฟต์ด้วยความเหนื่อยที่เดินขึ้นบันไดเขาจึงตัดสินใจลองกดลิฟต์