EP 2 ยุทธการที่หนึ่ง
ช่วงบ่ายของวันมือขวาเรียวยาวเนียนใสยื่นเงินเช็กอินหน้าเคาน์เตอร์ที่คริสตัลบลูแว่นกันแดดสีดำเสยขึ้นจากมือชายหนุ่มหน้าใสผมสีขาวจากการทำสีให้โดดเด่นยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ข้างหญิงสาวที่สวมแว่นกันแดดสีชาพร้อมหมวกใหญ่มาดคุณนายยืนอยู่ข้างกระเป๋าเดินทางสีบานเย็นเชิดคอชูชันยืนรอการจองห้องพัก ไม่นานเกินรอก็ทำเรื่องสำเร็จทั้งสองเดินควงกันตามพนักงานเข้าลิฟต์ส่วนกระเป๋าให้พนักงานยกตามขึ้นไป
“ที่นี่พนักงานทำความสะอาดจะมาทำกี่โมงครับ” เลอาเลิกคิ้ววางมาดหันไปถามพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ในลิฟต์ด้วยกัน
“ช่วงบ่ายเลยค่ะ แต่ถ้าแขกยังอยู่ในห้องพนักงานทำความสะอาดจะขออนุญาตแขกก่อนสะดวกหรือไม่ขึ้นอยู่กับแขกเลยค่ะ”
“อ้อครับ พอดีแฟนผมค่อนข้างรักความสะอาดนะครับ ใช่ไหมจ๊ะที่รัก” เลอาหันมาฉีกยิ้มหวานให้หญิงสาวที่ลดแว่นลงมองหน้าแล้วยิ้มหวานซบไหล่คนถามกลับ
“ที่รักนี่น่ารักที่สุดรู้ใจเค้าตลอด” ความหวานหลอกๆ ของทั้งคู่ทำพนักงานยิ้มตามอย่างชอบอกชอบใจ เลอาเลิกคิ้วเอามือล้วงกระเป๋ามองเลขลิฟต์ที่หายไปหนึ่งชั้น
“โทษนะครับ ชั้นเก้าไปไหน”
“ชั้นเก้าไม่เปิดให้บริการค่ะ คริสตัลบลูขอสงวนสิทธิ์กับชั้นนี้ค่ะ” พนักงานตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเงยหน้ามองชั้นแปดที่กำลังจะถึง เลอามองหน้ากับรักจังอย่างเข้าใจความหมายก่อนเดินตามพนักงานออกจากลิฟต์เพื่อไปที่ห้องพักที่ได้ทำการจองไว้กระเป๋าสีบานเย็นถูกยกเข้าไปไว้ในห้องหลังจากพนักงานหญิงเปิดห้องพาทั้งสองเข้ามาสำรวจภายในก่อนเดินออกไปด้วยรอยยิ้ม เลอาเดินตามหลังมาปิดประตูแล้วหันกลับมามองหน้ารักจังที่ถอดหมวกกับแว่นออกเดินไปรูดม่านเปิดชมวิว
“เป็นไงเจ้ห้องน่าอยู่ไหม” เลอาเดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนเตียงหนานุ่มกางแขนกางขาอย่างสบายใจเหล่มองหญิงสาวที่ยืนกอดอกมองวิวแล้วหันกลับมาตอบ
“แพงที่สุดในชีวิตที่หาห้องพักเลยไม่น่าอยู่ให้รู้ไป” รักจังเดินกลับมานั่งลงบนเตียงก่อนดีดนิ้วทดสอบระบบพิเศษของห้องหรูเงยหน้ามองเพดานไฟเปลี่ยนสีม่านรูดปิดอย่างอัตโนมัติ เลอาเด้งตัวขึ้นนั่งมองไปทางทีวีจอใหญ่ติดผนังห้องที่อยู่ปลายเตียง
“แบบนี้เจ๋งกว่า เปิดทีวี” เลอาเอ่ยขึ้นแล้วสั่งด้วยระบบเสียงหน้าจอเปิดขึ้นโดยอัตโนมัติ รักจังปรบมือชอบอกชอบใจลุกขึ้นไปสำรวจที่ห้องน้ำสุดกว้างที่อ่างหรูขนาดสามเหลี่ยมพื้นจัดเรียงด้วยหินธรรมชาติกลิ่นหอมชวนผ่อนคลาย
“สวรรค์ปนหยาดเหงื่อจริงๆ เราเปลี่ยนไปเปิดโรงแรมกันบ้างไหม” รักจังเลิกคิ้วเข้าไปส่องกระจกที่อ่างล้างหน้าหินอ่อนแกะสลักใช้ระบบเสียงเช่นกัน อุปกรณ์ทำความสะอาดมีเตรียมไว้ให้อย่างหรูหราเกินห้าดาว
“พูดเลยเจ๊งเจ้ ทำอย่างเดิมอะดีแล้ว” เลอาเดินเข้ามาเสยผมพิงขอบประตู
“งั้นมาเข้าเรื่องทำไงต่อ” รักจังหันมามองหน้าเลอาที่ยืนกอดอกมองเธอเช่นกันก่อนกระตุกยิ้มไล่สายตามองสรีระรักจัง “อะไรของแก”
“ยุทธการที่หนึ่งปลอมตัวประชิด”
“ยังไง”
“เจ้ต้องปลอมเป็นพนักงานทำความสะอาด ยุทธการนี้เลทุ่มสุดตัวให้เจ้เลยนะแม้เลจะไม่ชอบมันก็ตาม เชื่อเลเดี๋ยวเลจัดการเองเจ้มีหน้าที่ไปชั้นเก้าเข้าห้องหลุยเทียนเปาให้ได้” เลอาเอามือลูบคางบอกอย่างเจ้าเล่ห์ทำรักจังอดขนลุกไม่ได้
“ได้ตามนั้นแล้วตอนนี้ทำอะไร” รักจังย้อนถามกลับพร้อมเท้าเอว
“ไปหาอะไรกินกัน เตรียมความพร้อมสำหรับพรุ่งนี้ไง” เลอายิ้มกริ่ม
“ให้มันได้เรื่องนะ ครั้งเดียวผ่าน”
“ผ่าน ผ่านยิ่งกว่าผ่าน” เลอาคว้าแขนรักจังเดินออกมาจากห้องน้ำจูงมือหยิบบัตรห้องพักแล้วปิดประตูเดินมายืนรอหน้าลิฟต์ก่อนเลิกคิ้วเงยหน้ามองเพดานเปลี่ยนเป็นจูงมือรักจังเดินอ้อมไปที่บันไดหนีไฟขึ้นไปอีกหนึ่งชั้น รักจังเดินตามเลอาอย่างว่าง่ายจนหยุดอยู่ชั้นเก้าที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนยืนเฝ้าชั้นอยู่ เลอาเลิกคิ้วเดินผ่านไปอีกชั้นอย่างดูเชิงแล้วหันมากระซิบหยุดอยู่หน้าลิฟต์ชั้นสิบ
“เห็นไหมเจ้ความปลอดภัยหนาแน่นมากนี่แหละที่เลจะให้ปลอมตัวเข้าไปถ้าไม่ใช่พนักงานทำความสะอาดเข้าไปถึงห้องหลุยเทียนเปาไม่ได้แน่”
“เลอา!” รักจังเอียงหน้ามองเลอาพลางทำสีหน้าตกใจยกมือทาบอกทำเลอาสะดุ้งโหยงตกใจตาม
“อะไรเจ้”
“ไม่น่าเชื่อว่าหนุ่มน้อยของฉันจะรอบคอบวางแผนได้แยบยลมาก คารวะเลยสุดยอด มาหอมหน้าผากที” รักจังหันมายิ้มหวานจับหน้าเลอาอย่างหยอกล้อ
“ไม่เอาอะเจ้เดี๋ยวฟ้าผ่า” เลอายื้อหน้าออกเบี่ยงตัวเข้าลิฟต์หนีแต่ไม่พ้นรักจังเดินตามเข้าลิฟต์ยกมือบีบแก้มใสเจ้าของหน้าหวานเนียนยิ่งกว่าผู้หญิง เลอายกมือปัดแก้มเบี่ยงหลบไปมาด้วยความสนุกสนานจนมีคนเดินเข้าในลิฟต์ถึงกับเปลี่ยนเป็นยืนเชิดคอชูชันควงแขนกันทันทีพร้อมรอยยิ้มหยอกเย้าอย่างเข้าขา
ติ้ง...งงง
ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อถึงชั้นหนึ่งเลอากับรักจังเดินออกมาสวนทางกับชายหนุ่มสองคนที่สวมแว่นดำกับผ้าปิดปากสีดำพรางตน รักจังหยุดชะงักหันขวับขมวดคิ้วมองไปทางประตูลิฟต์ที่ปิดลงทันที
“อะไรเจ้”
“เมื่อกี้แกเห็นผู้ชายสองคนที่เดินเข้าลิฟต์ไปไหมปิดหน้าปิดตายังกับคนดัง” รักจังแบะปากยืนกอดอกเดินอ้อมไปที่ห้องอาหารของโรงแรมมีพนักงานต้อนรับบริการส่งถึงโต๊ะนั่ง
“อาจเป็นคนดังจริงๆ ก็ได้นะเจ้” เลอานั่งลงฝั่งตรงข้ามกับรักจังพลางรับเมนูอาหารจากเด็กเสิร์ฟ
“อย่างแกก็เป็นได้นะเลอาหน้าตาลูกน้องฉันใช่ย่อยซะที่ไหน ดูสิน่ารักจะตายไป” รักจังยื่นมือหยิกแก้มเลอาวกกลับมาหยอกล้ออีกครั้ง
“เจ้อะพูดไปเรื่อย สั่งอาหารดีกว่า” เลอายื่นเมนูอาหารให้รักจังเป็นการบ่ายเบี่ยงไม่ให้เข้าตัวเอง
“นายนี่มันน่ารักจริงๆ เลย” รักจังยิ้มกริ่มแกมหยอกพาเด็กเสิร์ฟที่รอจดเมนูยิ้มตามสายตาจดจ้องมาที่เลอาส่ายหน้าไปมาก่อนสั่งอาหารแล้วยื่นเมนูกลับไปพร้อมกับรักจัง
“กินแล้วไปไหนต่อดีอะเจ้” เลอานั่งเท้าคางกวาดสายตามองคนที่เดินเข้ามาในห้องอาหารหลายชนชาติก่อนย่นคิ้วมองไปเห็นชายหนุ่มที่นั่งทานอาหารอยู่ที่โต๊ะคนเดียวหันมาขยิบตาให้อย่างรู้กันแต่เลอากลับทำหน้าตายเบี่ยงหนีจนรักจังเหลียวหลังมองตามแล้วหันมาอมยิ้มแหย่
“เสน่ห์แรงจริงๆ เลยนะ จะไปไหนก็บอกกันก่อนละกัน”
“ไปไหนละเจ้ก็ พูดไปเรื่อยเลไม่ใช่นิวนะจะได้เรื่อยเปื่อย ไม่งั้นจะโสดอย่างนี้เหรอ” เลอาตอบพร้อมหันมองอาหารที่มาเสิร์ฟก่อนลงมือจัดการมื้ออร่อยที่แสนแพงและหรูหรา รักจังยิ้มกริ่มก่อนลงมือจัดการอาหารที่อยู่ตรงหน้าเช่นกัน
ห้องเดี่ยวห้องเดียวที่ชั้นเก้าปิดลงสนิทชายหนุ่มสองคนที่ปิดหน้าปิดตาถอดอุปกรณ์อำพรางออกมองคนที่กำลังเดินออกมาจากห้องนอน
“มาหาถึงที่เลยมีอะไรหรือเปล่า” หลุยเทียนเปามองเหลอหลาอย่างงุนงงกับการปรากฏตัวของคนสองคนที่ใช่ว่าจะไปไหนมาไหนง่ายๆ
“ทัมทัมนัดมาออกกำลังกายที่นี่เลยขึ้นมาชวน ไปด้วยกันไหม” จุนฮยอก ผู้เป็นระดับหัวหน้าวงตอบแล้วถามกลับทันทีอย่างสุขุมมองหน้าหลุยเทียนเปาที่เอียงหน้ามองไปทางหวังโอชุนที่ยืนพิงผนังเอามือล้วงกระเป๋าด้วยความนิ่ง
“มีงานนะสิไม่งั้นไปด้วยแล้ว”
“งั้นก็ขอยืมห้องรอทัมทัมหน่อยแล้วกัน” จุนฮยอกยื่นมือตบไหล่หลุยเทียนเปาเบาๆ
“ตามสบายเลย ไปก่อนนะพี่ ไปก่อนนะชุน” หลุยเทียนเปาจับแขนหวังโอชุนด้วยรอยยิ้มกล่าวลาก่อนเดินไปหยิบผ้าปิดปากกับหมวกมาสวมแล้วเปิดประตูเดินออกไป หวังโอชุนมองตามแล้วเดินมานั่งที่โซฟาจับหมอนอิงมาวางไว้หน้าขาหลับตาทำสมาธิ จุนฮยอกนั่งลงข้างๆ หยิบหนังสือนิตยสารใต้โต๊ะแก้วตรงหน้ามาเปิดอ่านค่าเวลารอคนนัดหมาย