บทที่ 9 ข้าวเม็ดอวบอ้วน
บทที่ 9 ข้าวเม็ดอวบอ้วน
คืนนั้นจินเยว่แอบเข้าไปในมิติอีกครั้ง นางได้เข้าไปคุยกับภูตน้อยที่กำลังนั่งแกว่งขาไปมาอย่างอารมณ์ดี
“เป็นอย่างไรบ้างเจียวเจี้ย อยู่คนเดียวเหงาหรือไม่”
“เหงานิดหน่อยขอรับท่านแม่ แต่ข้าก็มีเพื่อนเล่นเป็นพี่ๆ ปลาในลำธารด้วยขอรับ”
จินเยว่ส่งยิ้มอบอุ่นไปให้ “ดีแล้วแหละลูก วันนี้แม่มีอะไรให้เจ้าช่วย”
“อะไรหรือขอรับท่านแม่” เด็กน้อยถามด้วยความตื่นเต้น
“พวกเรามาปลูกแตงโมกันเถิด”
“จริงหรือขอรับท่านแม่ ข้าจะได้ปลูกพืชผักแล้วหรือขอรับ” เด็กน้อยมีความสุขยิ่งนัก ยิ่งพืชในมิติมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งเติบโตและมีพลังมากขึ้น
“จริงสิ เรามาเริ่มกันเลยเถอะ”
ทั้งสองช่วยกันขุดดินและหยอดเมล็ดลงไป ปิดท้ายด้วยการรดน้ำจากน้ำตกผิงอาน
“แม่ฝากเจ้าดูแลแตงโมของพวกเราด้วยนะ คอยรดน้ำมันทุกวันด้วยเล่า” จินเยว่บอกภูตน้อยก่อนจะออกจากมิติและกลับไปนอนดังเดิม
หลังจากที่จินเยว่นำเมล็ดแตงโมที่ซื้อมาไปปลูกในมิติและฝากเจียวเจี้ยรดน้ำทุกวันก็ผ่านมาได้ราวเกือบสัปดาห์แล้ว หลายวันที่ผ่านมาจินเยว่ออกไปช่วยครอบครัวทำสวนทุกวันมีบางครั้งที่เข้าไปดูแตงโมในมิติบ้างพวกมันเจริญเติบโตไวยิ่งนัก
วันนี้ครอบครัวจินเยว่ก็มาทำงานที่สวนดังเดิม พวกเขาช่วยกันขยันทำงานทุกวันแต่น่าเสียดายที่ต่อให้ทำมากแค่ไหนพวกเขาก็ไม่ได้ค่าตอบแทนอย่างที่ควรเป็น
“ท่านแม่ ท่านว่าข้าวแปลงนี้เมล็ดมันดูอวบอ้วนกว่าแปลงอื่นๆ หรือไม่ขอรับ” เจียวจิ้นที่เห็นข้าวแปลงที่จินเยว่แอบเอาน้ำจากน้ำตกผิงอานรดทุกวันถามขึ้น อีกทั้งข้าวในแปลงนี้ยังดูเหมือนมีผลผลิตเยอะกว่าแปลงอื่นๆ อีกด้วย
หนิงเทียนหันมาตามทางที่เจียวจิ้นบอก “จริงด้วยลูก ปีนี้พวกเราโชคดีแล้ว ข้าวเยอะขึ้นพวกเราก็จะได้ส่วนแบ่งอาหารมากขึ้นด้วย ดีจริงๆ” ลูกๆ ของนางผอมซูบเกินไปแล้ว ปีนี้ผลผลิตเยอะขึ้นก็ต้องขุนให้อ้วนขึ้นเสียหน่อย
เจียวจิ้นจะดีใจก็ไม่เต็มอก ผลผลิตเยอะขึ้นก็ใช่ว่าพวกเขาจะได้ค่าตอบแทนจากพวกมันเพิ่มขึ้นเสียเมื่อไหร่อย่างดีก็แค่ได้ส่วนแบ่งอาหารเพิ่มขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น
จินเยว่ที่เห็นคนอื่นกำลังมีความสุขนางก็แอบอมยิ้มไปด้วย ร่างเล็กเดินหลบไปหลังต้นไม้และหลบเข้าไปในมิติ ทักทายภูตน้อยและเป็นไปตามคาดการณ์ แตงโมที่นางลงเมล็ดไว้และฝากเจียวเจี้ยดูแลบัดนี้ผลผลิตโตเต็มที่แล้ว เจียวจิ้นลงเมล็ดพันธุ์ไปแค่หนึ่งส่วนเท่านั้นอีกอีกเก้าส่วนไว้ปลูกในภายหลัง
จินเยว่เอามีดพกที่แอบเหน็บไว้ในเสื้อออกมาผ่าแตงโมและยื่นให้เด็กน้อยที่ยืนอ้าปากน้ำลายไหลอยู่ตรงหน้า
“แตงโมมันอร่อยหอมหวานจริงๆ ขอรับท่านแม่ ข้าไม่เคยกินอะไรที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยขอรับ” เด็กน้อยเคี้ยวแก้มตุ่ย พลางเอ่ยชมไม่หยุดปาก
“อร่อยก็ดีแล้ว ส่วนนี้ของเจ้า ส่วนที่เหลือนี้แม่จะเอาไปแบ่งคนอื่นๆ กิน”
“ข้าขอปลูกอีกได้หรือไม่ขอรับท่านแม่ข้าชอบมันยิ่งนัก”
“ได้สิ แต่เหลือไว้ปลูกวันหลังด้วยเล่า ถ้างั้นแม่ไปก่อนนะ” ล่ำลา
ภูตน้อยแล้วก็อุ้มแตงโมสามลูกขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ออกจากมิติ จินเยว่ตัดแตงโม
มาทั้งหมด5ผลโดยหนึ่งในนั้นนางเอาไปเก็บไว้ในช่องว่างมิติ จินเยว่เดินไปยังจุดที่ครอบครัวนางยืนอยู่
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ หยุดพักก่อนเถอะเจ้าค่ะ ข้าเก็บผลไม้มาได้จาก
ในป่า เรามาแบ่งกันกินเถอะ” จินเยว่กวักมือเรียกทุกคน
พวกเขามองไปตามทางที่จินเยว่กำลังเดินมา เมื่อร่างเล็กพูดจบ
พวกเขาก็เดินไปพักใต้ต้นไม้ใหญ่กิ่งก้านของมันแผ่ร่มเงาเป็นวงกว้าง
“มันคืออะไรหรือเยว่เอ๋อร์ พ่อไม่เคยเห็นมาก่อน” กู้ซีห่าวถามด้วยความสงสัยแทนทุกคน
“สิ่งนี้เรียกว่าแตงโมเจ้าค่ะ เปลือกด้านนอกของมันจะมีสีเขียวแต่ถ้าผ่าข้างในออกมาแล้วจะมีสีแดง รสชาติของมันหวานฉ่ำมากเจ้าค่ะ” ร่างเล็กบรรยายไปมือก็ผ่าแตงโมออกเป็นชิ้นๆ ยื่นให้กับทุกคน
“แต่เม็ดสีดำข้างในมันกินไม่ได้นะเจ้าคะ” นางเอ่ยเตือนก่อน
หนิงเทียนยิ้ม “เจ้าไปเอามาจากที่ใดหรือเยว่เอ๋อร์”
“เมื่อกี้ข้าไปเดินเล่นที่ทางเข้าป่าแล้วเจอเข้าก็เลยตัดผลมันมาเจ้าค่ะ” จินเยว่รีบแก้ตัว
“พวกท่านชิมแล้วรสชาติเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ก่อนที่จะมีใครสงสัย
ไปมากกว่านี้ร่างเล็กก็รีบถามตัดบทก่อน
“หวานอร่อยจริงๆ ตามที่เจ้าบอก” เจียวจิ้นเอ่ยชมไปตามความจริง
“รสชาติดีมากเลยลูก” หนิงเทียนพูดน้ำเสียงอบอุ่น สายตาเอ็นดูบุตรสาว
“ลูกพ่อเก่งจริงๆ รู้จักของอร่อยแบบนี้ด้วย”
“ที่เหลืออีกสองลูกเจ้าก็เก็บไปให้คนที่บ้านเถอะเยว่เอ๋อร์” กู้ซีห่าวยังไม่วายนึกถึงคนอื่นๆ ในครอบครัว
“ข้าให้ท่านปู่กับท่านย่าได้หนึ่งลูกเจ้าค่ะ ส่วนอีกลูกข้าจะเอาไปให้
ท่านหมอเกาตอบแทนที่เขาเคยรักษาข้าและให้ยามารักษาแผลของท่านแม่คราวก่อน” ที่จริงมันก็แบ่งให้ได้อยู่แหละแต่นางหมั่นไส้จางลี่อดกินไปเถอะ
“ตามใจเจ้าเถอะ นี่เป็นของที่เจ้าหามาได้พ่อไม่อาจบังคับเจ้าได้”
จินเยว่ส่งยิ้มไร้เดียงสาให้คนเป็นพ่อ “งั้นเดี๋ยวข้ามานะเจ้าคะ”
ร่างเล็กเดินออกไปตามทางที่นึกขึ้นมาได้ในความทรงจำของร่างเดิม
บ้านของท่านหมอเกานี้อาจจะไม่ไกลมากแต่ก็เหนื่อยหอบอยู่เหมือนกัน
ระหว่างทางที่เดินไปโฉมสะคราญก็รับรู้ได้ถึงสายตาหลากหลายที่มองเข้ามา ว่างกันนักหรือไงไม่เอาเวลาไปทำมาหากินกันนะ วันๆ มัวแต่ยุ่งเรื่องของคนอื่นอยู่ได้ ข้ารู้แล้วว่าข้าเป็นหญิงสารเลวในสายตาพวกเจ้า ถึงข้าไม่ได้ทำผิดอะไรเลยข้าก็จะรับมันไว้แล้วกัน ถ้าข้าชั่วร้ายนักพวกเจ้าก็อย่าเข้ามาใกล้ข้าเล่า จินเยว่คิดในหัวพลาง
เบะปากคว่ำ บางคนจ้องมองนางจนจินเยว่อดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มกลับไปแต่มันเป็นรอยยิ้มที่ไปไม่ถึงดวงตาสักนิด
