บทที่ 8 ชาเผือก
บทที่ 8 ชาเผือก
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณยามอิ๋น (03:00น.-04:59น.) ทุกคนยังหลับกันอยู่ จินเยว่ลืมตาขึ้นมาค่อยๆ ลุกขึ้นแล้วเดินย่องออกจากห้อง นางนอนครุ่นคิดทั้งคืนว่าจะทำอย่างไรกับจางลี่ดี สุดท้ายก็นึกขึ้นได้ว่าที่ครัวมีหัวเผือกที่เก็บไว้อยู่ โฉมสะคราญค่อยๆ เดินไปที่ห้องครัวใช้ผ้าห่อมือจับหัวเผือกขูดกับมีดขนาดเล็ก เปลือกภายนอกของเผือกค่อยๆ ร่วงหล่นลงไปในน้ำที่จินเยว่ใส่ชามไว้
“ตอนแรกก็ว่าจะเป็นคนดี แต่ถ้ามัวแต่ให้อภัยแล้วเมื่อไหร่จะได้แก้แค้น
กันเล่า” จินเยว่พึมพำอยู่คนเดียวเบาๆ
เมื่อขูดเผือกเสร็จนางก็จัดการเอาหัวเผือกไปเก็บ จินเยว่กรองน้ำที่มีเปลือกของหัวเผือกลอยผสมอยู่ออก และนำน้ำในชามรินใส่ถ้วยชาไว้ จินเยว่
นึกขึ้นมาได้ว่านางมีช่องในมิติอยู่จึงนำถ้วยชาที่มีน้ำเกือบเต็มถ้วยไปซ่อนในห้วงมิติ
ยามเหม่า (05:00น.-06:59น.)
จินเยว่ตื่นมาแปรงฟันและล้างหน้าล้างตายิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนทุกคนแปลกใจ
“อารมณ์ดีอะไรกันน้องข้า พี่เห็นเจ้ายิ้มกว้างตั้งแต่เช้าแล้ว”
เจียวจิ้นถามด้วยความสงสัย
“วันนี้อากาศดีเจ้าค่ะท่านพี่ อากาศดีจิตใจข้าก็ดีตามไปด้วย” พูดจบก็ส่งยิ้มให้พี่ชาย
ณ ห้องโถงกลางบ้าน
ภายในห้องโถงทุกคนมาพร้อมหน้า กู้ซีฮันและภรรยานั่งอยู่มุมหนึ่งของโต๊ะ ครอบครัวหวังหย่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กันและตามมาด้วยครอบครัวของจินเยว่ ร่างเล็กกำลังยกกาน้ำชาเทใส่ถ้วยชาของแต่ละคน นางเริ่มจากนำถ้วยชาให้คนชราทั้งสองก่อน และกำลังจะยกถ้วยชาไปให้หวังหย่งแต่แล้วกู้จินเยว่ก็ทำท่าโอนเอนไปมาจนน้ำชา
ในถ้วยหกใส่ศีรษะของจางลี่เต็มๆ
“กรี๊ดดด เจ้าทำอะไรของเจ้าเนี่ย” จางลี่ส่งเสียงโวยวาย
“พี่จางลี่ ข้าขอโทษเจ้าค่ะข้าไม่ได้ตั้งใจ” จินเยว่ก้มหน้าขอโทษอีกฝ่าย แต่
ริมฝีปากหยัดยิ้ม
“ไม่ได้ตั้งใจอะไรกัน ก็เห็นอยู่ว่าเจ้าจงใจราดน้ำชาใส่ข้า” พูดไปก็นึกขึ้นมาได้ว่าน้ำชาในถ้วยของท่านปู่มีควันลอยขึ้นมาแต่ทำไมน้ำชาที่ราดตัวนางถึงเย็นเฉียบ
จินเยว่หันไปคุกเข่าต่อหน้าผู้เฒ่าทั้งสองของบ้าน “ข้าไม่ได้ตั้งใจนะเจ้าคะท่านปู่ พวกท่านก็เห็นใช่หรือไม่ข้าแค่เวียนหัวจนเซทำหกใส่พี่จางลี่” จินเยว่แก้ตัว
น้ำขุ่นๆ
“นั่งเด็กสารเลวเมื่อคืนเจ้ายังไม่เข็ดใช่หรือไม่” ฮุ่ยชิวลุกขึ้นไปหาเรื่อง
“เบาเสียงลงหน่อยเถอะฮุ่ยชิว เจ้าจะเรียกคนทั้งหมู่บ้านมาหรือไร” กู้ซีฮันก็ยังเป็นคนที่ห่วงแค่หน้าตาของเขาเสมอ
ฮุ่ยชิวฮึมฮำไม่พอใจแต่ก็ยอมถอย
“ท่านย่าอย่าทำอะไรน้องสาวข้าเลยนะขอรับ พวกเราต่างเห็นว่านางเซจวนจะล้มอยู่แล้ว หากท่านต้องการจะลงโทษก็มาทำที่ข้าเถอะขอรับ” เจียวจิ้น
ออกโรงปกป้องน้องสาวดั่งทุกครั้ง
“เอาเถิดหลานก็ไม่ได้ตั้งใจ พวกเจ้าพาจางลี่ไปล้างเนื้อล้างตัวก่อน” กู้ซีฮันพูดตัดรำคาญ เมื่อผู้อาวุโสที่สุดในบ้านออกคำสั่งทุกคนก็ต้องฟัง
ซูฮวาพาจางลี่มาล้างตัวที่ห้องอาบน้ำ เมื่อคืนก็ต้องนั่งคุกเข่าทั้งคืนแล้วนี่ยังมาโดนสาดน้ำใส่อีกมันจะมากเกินไปแล้วนะกู้จินเยว่ จางลี่โมโหจนมือสั่นไปหมด
“ข้าเกลียดมันยิ่งนักท่านแม่” ไฟแค้นในใจจางลี่ค่อยๆ โหมกระพือเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าอดทนไว้หน่อยเถิด พ่อกับแม่ย่อมต้องจัดการให้เจ้าแน่” นางวางแผนไว้แล้วอย่างไรก็ต้องกำจัดพวกมันออกไปให้ได้ ทั้งจินเยว่ที่ขัดวาสนาจางลี่กับเฟยหรง ทั้งพ่อมันที่อยู่คอยส่วนแบ่งสมบัติของตระกูลกู้ นางและสามีจะต้องกำจัดพวกมันไปให้หมด ตระกูลกู้ถึงจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ถือว่าพอมีกินมีใช้กว่าบ้านอื่นอยู่บ้าง แต่ถ้าหากต้องแบ่งเป็นหลายส่วนจะพอได้อย่างไรกัน
หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้วครอบครัวจินเยว่ก็ออกไปทำงาน
ในไร่เหมือนทุกวัน จินเยว่ก็ออกไปช่วยพวกเขาด้วย
“ท่านพี่ ท่านพอจะมีเงินให้ข้าสักสิบอีแปะหรือไม่เจ้าคะ” จินเยว่ถามเจียวจิ้น
“พี่ก็พอจะมีเหลืออยู่บ้าง เจ้าจะเอาไปทำอะไรหรือ” นางเป็นผู้หญิงคงอยากได้ของสวยๆ งามๆ กับเขาบ้าง
“ข้าจะเอาไปซื้อของจำเป็นของผู้หญิงเจ้าค่ะ ท่านพาข้าไปตลาดได้หรือไม่เจ้าคะ” นางยังคงถามต่อไป
“ได้สิ เดี๋ยวตอนเที่ยงพักกินข้าวเสร็จแล้วพี่จะพาไปนะ” เมื่อเห็นว่าเป็นของจำเป็นของผู้หญิงเขาก็ไม่ซักไซ้ต่อ
เมื่อถึงเวลาพักเที่ยงจินเยว่รีบกินข้าวและชวนเจียวจิ้นไปตลาดด้วยกัน
“ท่านรอข้าตรงนี้นะเจ้าคะเดี๋ยวข้ามา” เจียวจิ้นยื่นเงินให้จินเยว่สิบอีแปะตามที่นางขอและหาที่นั่งรอตามที่นางบอก
จินเยว่เดินตรงไปที่ร้านขายเมล็ดพันธุ์ทันทีเป็นร้านที่ไม่ใหญ่นักแต่ดูสะอาดสะอ้าน
“ท่านลุงท่านมีเมล็ดพันธุ์แตงโมหรือไม่เจ้าคะ” ร่างเล็กถามเจ้าของร้านที่ยืนอยู่หน้าร้าน
“เจ้ารู้จักแตงโมด้วยหรือ” เจ้าของร้านแปลกใจแตงโมเป็นพืชที่ไม่สามารถหาได้ในหมู่บ้านแถบนี้
“เจ้าค่ะ ข้าอยากลองปลูกดู”
“ปกติข้าไม่มีขายหรอก แต่สหายเก่าข้าพึ่งมาเยี่ยมเยียนเขามอบเมล็ดแตงโมไว้ให้ข้าเล็กน้อย ข้าจะแบ่งให้เจ้าไปส่วนหนึ่ง” เขาเคยทดลองปลูกแตงโมจากเมล็ดนี้แล้วแต่ทำอย่างไรมันก็ไม่ขึ้นให้นังหนูนี่ไปก็ไม่เสียหาย
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง เท่าไหร่หรือเจ้าคะ”
เจ้าของร้านส่ายหน้าพร้อมโบกมือปฏิเสธ “ไม่ต้องหรอกนังหนู ข้าลองปลูกแล้วแต่มันไม่ขึ้นเสียทีเจ้ารับไปเถอะ”
จินเยว่ทำท่าขอบคุณเขาเสียยกใหญ่ จากนั้นนางก็เดินกลับไปหา
เจียวจิ้นที่รออยู่และพากันเดินกลับไปทำงานสวนต่อ
หลังจากเหตุการณ์ที่จินเยว่ทำน้ำชาหกใส่จางลี่ก็ผ่านมาได้สักพักแล้ว หลังจากที่ไปล้างเนื้อล้างตัวทำกิจวัตรประจำวันกู้จางลี่ก็รู้สึกเริ่มระคายเคืองผิว ทั้งคันคะเยอทั้งแสบ หญิงสาวเกาใบหน้าโดยไม่รู้ตัวว่านางเกาจนหน้าแดงเถือกไปหมด
บางจุดเริ่มมีเลือดซิบแต่กู้จางลี่ไม่สามารถหยุดเกาได้
“กรี๊ดดดดด ท่านแม่! ท่านแม่!!” กู้จางลี่ที่กำลังเกาใบหน้าอยู่หางตาเหลือบไปเห็นว่าที่มือมีเลือดติดอยู่บางส่วนจึงร้องเรียกซูฮวา
ซูฮวาที่กำลังนอนกลางวันเมื่อได้ยินเสียงบุตรสาวโวยวายก็รีบลุกเดินไปดูด้วยความเป็นห่วง
“เป็นอะไรลูก ใครทำอะไรเจ้าบอกแม่มา” นางพูดด้วยน้ำเสียงร้อนรน
จางลี่ค่อยๆ เอามือที่กุมแก้มซ้ายไว้ออก “ท่านแม่ ท่านดูใบหน้าให้ข้าหน่อยว่ามันเป็นอย่างไร ข้าไม่กล้าส่องคันฉ่อง” น้ำตาจางลี่รื้นเต็มหน่วย
ซูฮวาที่เห็นแผลบนใบหน้าลูกก็ตกใจสุดขีดบนใบหน้านางปรากฏรอยแผลขนาดไม่ใหญ่มากแต่ก็เห็นชัด ผู้หญิงสำคัญก็ที่หน้าตาหากใบหน้ามีรอยแผลก็จะเป็นหญิงมีตำหนิ แต่นางไม่อยากให้บุตรสาวเสียขวัญไปมากกว่านี้จึงเลี่ยงที่จะไม่พูด
ตามตรง
“แผลนิดเดียวเองลูก ไม่ต้องร้องไห้แม่จะช่วยเจ้าเอง”
“มันเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกันเจ้าคะ ลูกไม่ได้ทำอะไรเลยแต่ใบหน้าของลูกมันทั้งแสบและคันไปหมดเลยเจ้าค่ะท่านแม่” น้ำตาที่เคยคลอหน่วยตาบัดนี้ไหลลงอาบแก้มสร้างความปวดแสบปวดร้อนเข้าไปใหญ่
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะลูกรักของแม่ แม่กับพ่อจะหาทางช่วยเจ้าเอง” นางกอดปลอบบุตรสาวอันเป็นที่รัก
